คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการคัดค้านคำพิพากษา จำเป็นต้องระบุเหตุคัดค้านชัดเจนในคำร้อง
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่โดยอ้างเหตุแต่เพียงว่าจำเลยไม่ทราบถึงการนัดสืบพยานโจทก์ของศาลเลยเนื่องจากจำเลยต้องออกไปทำธุรกิจนอกบ้านเป็นประจำ มาทราบว่าศาลมีคำพิพากษาเมื่อได้รับคำบังคับของศาลแล้วเท่านั้นดังนี้ เป็นการกล่าวแต่เพียงเหตุที่ตนได้ขาดนัดไม่มีข้อความตอนใดที่กล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้นจึงเป็นคำร้องขอที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษความผิดปล้นทรัพย์: มาตรา 340 ตรี เป็นเหตุเพิ่มโทษ ไม่ใช่ความผิดต่างหาก
จำเลยปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน การที่ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี โดยมิได้ปรับบทลงโทษตาม มาตรา 340 ด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา 340 ตรี เป็นเพียงเหตุที่ทำให้ผู้กระทำผิดตาม มาตรา 340 ต้องรับโทษหนักขึ้นเท่านั้น หาได้เป็นความผิดต่างหากอีกบทหนึ่งไม่ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 528/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: ภยันตรายใกล้จะถึงจากการถูกทำร้ายด้วยขวาน
แม้จำเลยและผู้ตายจะได้โต้เถียงกันก่อน แต่การโต้เถียงก็หาใช่เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกันไม่ การที่ผู้ตายจะใช้ขวานฟันจำเลยจึงเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง เมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไปเพียงทีเดียว แม้จะถูกที่สำคัญก็เป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการฉุกเฉินเพื่อให้ตนเองพ้นอันตราย จำเลยย่อมไม่มีโอกาสไตร่ตรองว่าอวัยวะส่วนใดสำคัญหรือไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและคัดค้านคำตัดสินอย่างชัดเจน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย คำร้องขอให้พิจารณาใหม่จะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาล คำร้องของโจทก์กล่าวแต่เพียงว่า โจทก์มิได้จงใจขาดนัดพิจารณา โจทก์มีความประสงค์ดำเนินคดีต่อไปเท่านั้น หาได้กล่าวคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลอย่างไร ตามคำร้องก็ปรากฏข้อความซึ่งแสดงว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาแล้ว คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของโจทก์จึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กลฉ้อฉลเพื่อเหตุ สัญญาซื้อขายยังไม่เป็นโมฆะ ผู้ซื้อมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
แม้จะปรากฏว่าโจทก์กับเจ้าหน้าที่ของจำเลยร่วมกันทำกลฉ้อฉลในการเสนอขายเครื่องจักรให้จำเลย แต่เพราะเหตุที่จำเลยมีเจตนาที่จะซื้อเครื่องจักรดังกล่าวอยู่แล้วและการทำกลฉ้อฉลก็เพื่อให้จำเลยต้องซื้อในราคาแพงกว่าความเป็นจริงกลฉ้อฉลดังกล่าวจึงเป็นกลฉ้อฉลเพื่อเหตุ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 123 จำเลยจะบอกล้างสัญญาซื้อขายเสียทีเดียวหาได้ไม่ ได้แต่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนและค่าสินไหมทดแทนในกรณีนี้ก็คือจำนวนเงินที่จำเลยต้องจ่ายเกินไปกว่าราคาอันแท้จริงในขณะนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อไม่ระบุเหตุคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยกล่าวในฎีกาเพียงว่า "จำเลยขอให้การกลับคำให้การในชั้นสอบสวนและในชั้นศาลทุปกระการและทุกถ้อยกระทงความ โดยจำเลยขอให้การว่ามิได้กระทำความผิดตามคำกล่าวหาของพนักงานสอบสวนและคำฟ้องของโจทก์" โดยมิได้ระบุข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายที่จำเลยประสงค์จะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาแต่ประการใด ทั้งมิได้กล่าวอ้างว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีไม่ถูกต้องในข้อใดอย่างไรฎีกาเช่นนี้ไม่เป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรค 2 ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการมอบอำนาจต้องระบุเหตุ หากมิได้ระบุเหตุ จำเลยไม่มีสิทธิอ้างเหตุในภายหลัง
จำเลยให้การว่าการมอบอำนาจ (ให้ฟ้องคดี) ของโจทก์ไม่ถูกต้อง เพราะการมอบอำนาจไม่สมบูรณ์และไม่มีผลตามกฎหมาย มิได้ยกเหตุขึ้นกล่าวอ้างในคำให้การว่า เพราะเหตุใดการมอบอำนาจของโจทก์จึงไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ และไม่มีผลตามกฎหมาย เป็นคำให้การแต่เพียงปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์เท่านั้น มิได้แสดงถึงเหตุแห่งการปฏิเสธไม่มีสิทธินำสืบถึงเหตุแห่งการนั้น จำเลยจึงไม่มีสิทธินำสืบในประเด็นที่ว่าตราที่ประทับในใบมอบอำนาจเป็นตราปลอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดบังคับคดีต้องมีเหตุที่ศาลออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการฝ่าฝืน มิใช่แค่เรื่องฉ้อโกง
คำร้องของผู้ร้องบรรยายความเป็นมาของเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งผู้ร้องเห็นว่าโจทก์จำเลยในคดีนี้ได้สมคบกันทำการฉ้อโกงผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ โดยไม่ได้กล่าวอ้างว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง อันศาลจะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งปรากฏตามคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกต่อศาลแพ่ง คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็แสดงว่าผู้ร้องยังไม่เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอันจะถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280 ศาลชอบที่จะยกคำร้องเสียได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวนต่อไป เพราะถึงจะไต่สวนได้ความตามคำร้องศาลก็จะงดการบังคับคดีไว้ตามมาตรา 296 ไม่ได้อยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพหลังสืบพยานแล้ว ศาลพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ตามมาตรา 78
จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนตามความจริงเป็นการลุแก่โทษให้การรับสารภาพเมื่อถูกจับชั้นสอบสวนและชั้นศาลเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลลดโทษตาม มาตรา78 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำลายทรัพย์สิน: การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 4 ขว้างปา ทำให้มีความผิดร่วมกันตามมาตรา 83
จำเลยที่ 4 นั่งมาในรถที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับจำเลยที่ 1 ขับรถปาดหน้ารถยนต์โจทก์ร่วมและเมื่อโจทก์ร่วมได้ขับรถแซงรถของจำเลยขึ้นไป รถของจำเลยเร่งแซงขึ้นหน้าและได้มีการมองหน้ากัน ในขณะที่รถจำเลยแซงขึ้นหน้าไปนั้นเอง จำเลยที่ 4 ได้ขว้างก้อนอิฐมาถูกกระจกหน้ารถโจทก์ร่วมแตก เมื่อถูกขว้างรถ โจทก์ร่วมก็ขับรถตามไปจนทันและร้องบอกให้รถจำเลยหยุด จำเลยที่ 1 ก็ไม่หยุดกลับขับเบียดกระโปรงข้างซ้ายหน้ารถของโจทก์ร่วม เป็นพฤติการณ์แวดล้อมที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 4 กระทำผิดด้วยกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,358
of 13