พบผลลัพธ์ทั้งหมด 186 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4339/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารปลอมจดทะเบียนรถยนต์ถือเป็นกรรมต่างหาก และเป็นความผิดทั้งเอกสารสิทธิและเอกสารราชการ
เอกสารที่จำเลยยื่นแต่ละครั้งเป็นเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนรถยนต์ต่างกันแต่ละคัน จึงเป็นกรรมกระทำความผิดต่างหากจากกันเอกสารใบเสร็จรับเงินเป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อเปลี่ยนแปลงโอน สงวนหรือระงับซึ่งสิทธิ จึงถือเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9) สำหรับเอกสารเรื่องราวจดทะเบียนรถยนต์ของกรมตำรวจเป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นเพื่อใช้ในราชการจึงเป็นเอกสารราชการ การที่จำเลยนำเอกสารปลอมดังกล่าวไปใช้ จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิและเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สมรู้ร่วมคิดใช้หนังสือเดินทางปลอม, เจ้าพนักงานเสียหาย, ตัวการใช้เอกสารราชการปลอม
ส.เป็นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่ตรวจ-สอบว่าหนังสือเดินทางที่ผู้จะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรนำมาให้ตรวจนั้นเป็นหนังสือเดินทางปลอมหรือไม่ ซึ่งก็ต้องตรวจดูว่าบุคคลผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นบุคคลเดียวกันกับที่กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือเดินทางให้แท้จริงหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยแจ้งแก่ ส.ว่า พ.ผู้นำหนังสือเดินทางมาให้ตรวจเป็นย.ภริยาของจำเลยซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จ ก็เพื่อให้ ส.หลงเชื่อว่า พ.เป็นบุคคลเดียวกันกับ ย.ซึ่งเป็นเจ้าของหนังสือเดินทาง และตรวจผ่านให้ พ.เดินทางออกนอกราชอาณาจักรได้ ทำให้ ส.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ได้รับความเสียหาย เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน
พฤติการณ์ที่จำเลยพูดจากับ ส.เพื่อช่วยเหลือให้ พ.ใช้หนังสือเดินทางปลอมออกนอกราชอาณาจักรได้ ทั้งหนังสือเดินทางปลอมที่ พ.ใช้นั้นก่อนถูกปลอมเป็นหนังสือเดินทางฉบับแท้จริงของ ย.ภริยาจำเลย แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยได้สมรู้ร่วมคิดกับ พ.นำหนังสือเดินทางปลอมดังกล่าวมาใช้ จำเลยจึงเป็นตัวการในการใช้หนังสือเดินทางปลอมด้วยมีความผิดฐานเป็นตัวการใช้เอกสารราชการปลอมตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบกับ มาตรา265, 83
พฤติการณ์ที่จำเลยพูดจากับ ส.เพื่อช่วยเหลือให้ พ.ใช้หนังสือเดินทางปลอมออกนอกราชอาณาจักรได้ ทั้งหนังสือเดินทางปลอมที่ พ.ใช้นั้นก่อนถูกปลอมเป็นหนังสือเดินทางฉบับแท้จริงของ ย.ภริยาจำเลย แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยได้สมรู้ร่วมคิดกับ พ.นำหนังสือเดินทางปลอมดังกล่าวมาใช้ จำเลยจึงเป็นตัวการในการใช้หนังสือเดินทางปลอมด้วยมีความผิดฐานเป็นตัวการใช้เอกสารราชการปลอมตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบกับ มาตรา265, 83
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3199/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารปลอม กรณีลงชื่อแทนเจ้าพนักงานและใช้แผ่นป้ายทะเบียนปลอม
นอกจากจำเลยได้กรอกข้อความลงในใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์โดยลงชื่อของจำเลยในช่องลงชื่อของเจ้าของรถแล้ว จำเลยยังลงชื่อบุคคลอื่นในช่องลงชื่อผู้บันทึกและนายทะเบียนด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยทราบอยู่แล้วว่าผู้บันทึกและนายทะเบียนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเป็นผู้มีอำนาจกระทำเอกสารดังกล่าว หาใช่จำเลยไม่ จำเลยจึงมีเจตนาทำปลอมใบคู่มือการจดทะเบียนอันเป็นเอกสารราชการ เมื่อจำเลยเป็นผู้ทำปลอมใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ย่อมแสดงว่าจำเลยมีเจตนาทำปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 2 แผ่นเพราะจำเลยได้นำไปใช้ติดกับรถยนต์ของกลางเพื่อให้ตรงกับหมายเลขทะเบียนในใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์ การที่จำเลยเป็นผู้ทำปลอมใบคู่มือการจดทะเบียนรถยนต์และแผ่นป้ายวงกลมแสดงการเสียภาษีรถยนต์ และว่าจ้างให้ผู้อื่นทำปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 2 แผ่น แล้วนำเอกสารทั้งหมดไปใช้กับรถยนต์ของกลาง ย่อมฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้เอกสารปลอมดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2867/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ: การพิจารณาความผิดหลายกรรมต่อเนื่อง
จำเลยปลอมบัตรนำนักทัศนาจรชาวต่างประเทศเข้าชมพระราชฐานขอสำนักพระราชวังจำนวน 4 ฉบับ ให้แก่ผู้มีชื่อในบัตร แม้บัตรแต่ละฉบับที่จำเลยทำปลอมขึ้นเป็นการออกให้ต่างบุคคลกัน และวันออกบัตรกับวันบัตรหมดอายุแตกต่างทั้ง 4 ฉบับ แต่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยและยึดเอกสารต่าง ๆ ได้ในคราวเดียวกัน โดยโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยได้ปลอมบัตรทั้ง 4 ฉบับต่างวันต่างเวลาและโดยมีเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน จึงต้องฟังว่าจำเลยกระทำเพียงกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2667/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการ แสตมป์ และเครื่องมือปลอมแปลง ศาลตัดสินลงโทษเฉพาะความผิดฐานปลอมแปลงแสตมป์
แบบใบอนุญาตขับรถเป็นเอกสารราชการซึ่งเจ้าพนักงานได้จัดทำขึ้นตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(8) ผู้ใดจะทำขึ้นเองไม่ได้การที่จำเลยพิมพ์แบบใบอนุญาตขับรถขึ้นเอง โดยปรากฏข้อความบางส่วนให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าเป็นแบบใบอนุญาตของทางราชการที่แท้จริง แม้ยังไม่กรอกข้อความอื่นลงไปก็เป็นการปลอมข้อความบางส่วนลงไปแล้วจึงเป็นการปลอมเอกสารราชการ จำเลยปลอมแสตมป์ที่ใช้สำหรับการภาษีอากรอันเป็นความผิดตามมาตรา 254 และจำเลยมีเครื่องมือหรือวัตถุเพื่อใช้ในการปลอมอันเป็นความผิดตามมาตรา 261 ด้วย จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 254 ได้เพียงกระทงเดียวตามมาตรา 263 แม้คู่ความจะมิได้ฎีกาในปัญหานี้แต่ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง,225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารราชการปลอม vs. ใช้เอกสารปลอม: ความแตกต่างและขอบเขตความผิด
เอกสารมรณบัตรปลอมที่จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้นั้นเป็นภาพถ่ายเอกสาร โจทก์มิได้อ้างส่งเอกสารอันเป็นที่มาของภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว จึงไม่อาจทราบได้ว่าภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวถ่ายเอกสารมาจากมรณบัตรที่เจ้าพนักงานทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ หรือสำเนาเอกสารที่เจ้าพนักงานได้รับรองในหน้าที่ ซึ่งมีการปลอมโดยแก้ไขข้อความในเอกสารนั้นหรือไม่ ต้องฟังเป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองว่าภาพถ่ายเอกสารดังกล่าว มิได้ถ่ายเอกสารมาจากเอกสารที่มีลักษณะดังกล่าว แต่ได้ถ่ายเอกสารมาจากภาพถ่ายเอกสารที่มีการปลอมโดยแก้ไขข้อความในภาพถ่ายเอกสารนั้น ซึ่งมิใช่เอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ จึงไม่เป็นเอกสารราชการปลอม การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสาร ท.ร.6 ตอน 1 เป็นเอกสารราชการหรือไม่? ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัย แม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลชั้นต้น
ใบแจ้งย้ายที่อยู่ ท.ร.6 ตอน 1 เป็นเอกสารราชการหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกามีอำนาจวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 ใบแจ้งย้ายที่อยู่ ท.ร.6 ตอน 1 เป็นแบบฟอร์มของทางราชการที่นายทะเบียนผู้รับแจ้งย้ายออก และนายทะเบียนผู้รับแจ้งย้ายเข้าต้องลงชื่อเป็นผู้รับแจ้งในเอกสารนี้ด้วย ถือได้ว่าเป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้น อันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้น อันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(8) หาใช่เป็นเพียงเอกสารส่วนตัวของเจ้าบ้านไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2209/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสาร ท.ร.6 เป็นเอกสารราชการ ความผิดต่อเจ้าพนักงาน
เอกสารใบแจ้งย้าย ท.ร.6 ตอน 1 เป็นแบบฟอร์มของทางราชการที่นายทะเบียนผู้รับแจ้งย้ายออก และนายทะเบียนผู้รับแจ้งย้ายเข้าต้องลงชื่อเป็นผู้รับแจ้งในเอกสารนี้ด้วย จึงถือได้ว่าเป็นเอกสารซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้น อันเป็นเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1(8)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเพลิงทำลายเอกสารราชการโดยมีพิรุธจากพฤติการณ์และการถูกฟ้องคดีก่อนหน้า
วันเกิดเหตุซึ่งเป็นเวลาใกล้ชิดกับเหตุเพลิงไหม้ จำเลยเป็นคนสุดท้ายที่เปิดประตูเข้าไปในสำนักงานที่ดิน โดยเข้าออกหลังเลิกงานซึ่งมีการปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยแล้วและเป็นเวลาก่อนเกิดเหตุไม่นาน ก่อนเกิดเหตุจำเลยถูกราษฎรฟ้องคดีอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการออก น.ส.3 ทับที่ดินผู้อื่น จำเลยย่อมต้องได้รับความเดือดร้อนจากการปฏิบัติหน้าที่อันเกี่ยวกับการมีอยู่ของเอกสารบางฉบับซึ่งอยู่ในความครอบครองของทางราชการ นับแต่จำเลยถูกฟ้องเป็นต้นมาจำเลยมีพฤติการณ์เข้าไปมีส่วนได้เสียกับแผนที่ระวาง ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญเกี่ยวข้องกับการออก น.ส.3 การเผาทำลายเอกสารครั้งนี้ย่อมเล็งเห็นเจตนาของผู้กระทำได้ว่ามุ่งหมายจะทำลายเอกสารทั้งหมด เพื่อไม่ต้องการให้เอกสารฉบับใดฉบับหนึ่ง ใช้เป็นพยานหลักฐานยันตนในการกระทำอันฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ประกอบกับพฤติการณ์ของจำเลยที่เข้าไปในสำนักงานที่ดินเป็นคนสุดท้ายก่อนเกิดเพลิงไหม้ไม่นาน แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้วางเพลิง แต่จากพยานแวดล้อมกรณีมีน้ำหนักมั่นคงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้วางเพลิงเผาทรัพย์รายนี้เป็นเหตุให้ ส.ค.1 ประมาณ 30 แฟ้มและเพดานห้องบางส่วนบนอาคารสำนักงานที่ดินได้รับความเสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1403/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการเพื่อหลอกลวงและรับเงิน กรณีศาลลดโทษรอการลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยปลอมเอกสารเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง หาจำต้องบรรยายด้วยว่าผู้หนึ่งผู้ใดนั้นเป็นใครหรือชื่ออะไรคำฟ้องของโจทก์ก็สมบูรณ์ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว จำเลยกรอกข้อความและลงลายมือชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินของกรุงเทพมหานคร และลงลายมือชื่อปลอมพร้อมประทับตราของบุคคลอื่นลงในใบเสร็จรับเงิน เพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง โดยปราศจากอำนาจจึงเป็นการปลอมเอกสาร