คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ใช้สิทธิ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 52 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องตามเช็คค้ำประกันและการชำระดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย การใช้สิทธิไม่สุจริต
จำเลยกู้เงินโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท โดยมอบเช็คสั่งจ่ายเงินสดจำนวน 80,000 บาท ให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกัน และมอบโฉนดให้โจทก์ไว้เป็นประกันอีกด้วย การที่โจทก์ไม่นำสัญญากู้ยืมมาฟ้อง หากแต่ฟ้องเรียกเงินตามเช็คนั้น เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อโจทก์เห็นว่าการดำเนินคดีในเรื่องเช็คเป็นความสะดวกและดีกว่า โจทก์ย่อมทำได้ไม่ถือว่าเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต
จำเลยชำระดอกเบี้ยเงินกู้เกินอัตราเป็นผิดกฎหมาย จำเลยเรียกคืนไม่ได้ หักกับเงินที่ค้างชำระก็ไม่ได้
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยจะต้องแสดงโดยแจ้งชัดไว้ในคำให้การรวมทั้งเหตุแห่งการนั้นด้วยว่า ฟ้องของโจทก์ตอนไหนที่เคลือบคลุม จำเลยไม่เข้าใจอย่างไร จำเลยอ้างแต่เพียงว่าเคลือบคลุมโดยไม่ชี้แจงรายละเอียด จึงไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3189/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินริมน้ำท่วมถึง ไม่เป็นสาธารณสมบัติ หากเจ้าของยังใช้สิทธิและห้ามผู้อื่น
ที่พิพาทเป็นที่ดินซึ่งน้ำในแม่น้ำท่วมถึง แต่ไม่มีผู้อื่น มาใช้ที่พิพาทเลยนอกจากมีบิดามารดาจำเลยและจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่พิพาทเท่านั้น โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่พิพาทยังใช้สิทธิแห่งความเป็นเจ้าของที่ดินในเขตของตนอยู่ โดยมิได้ทอดทิ้งปล่อยให้บุคคลอื่นมาใช้ที่พิพาทเป็นที่ชายตลิ่ง เพียงแต่จำเลยต่อเติมบ้านของตนเท่านั้น โจทก์ก็ยังห้ามปรามไม่ให้กระทำดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2707/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการอนุญาตถอนฟ้อง และการใช้สิทธิถอนฟ้องไม่ถือเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริต
การที่ศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องเป็นอำนาจของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ และการที่โจทก์ขอถอนคำฟ้องเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยไม่สุจริตเพื่อเอาเปรียบในเชิงคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2693/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิฟ้องคดีล้มละลาย แม้รู้อยู่ก่อนว่ามีคดีอื่นอยู่แล้ว ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดเสียหายแก่บุคคลอื่น เป็นการมิชอบด้วยกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 นั้น หมายถึงเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผลคือความเสียหายแก่ผู้อื่นฝ่ายเดียว (อ้างฎีกาที่ 1618/2512)
การที่จำเลยฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้สิทธิไว้ แม้จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วก็หาใช่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายหรือแกล้งใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อโจทก์อย่างใดไม่การฟ้องคดีล้มละลายก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนไม่ว่าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเป็นโจทก์ผลก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าหนี้ทุกคนต่างก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน หากโจทก์เห็นว่าการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการกระทำไปโดยไม่สุจริตและอาจขอให้เพิกถอนได้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113, 114 หรือมาตรา 115 ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการให้ได้เพียงใดหรือไม่ก็ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริง หาใช่เกี่ยวกับการที่โจทก์หรือจำเลยฝ่ายใดเป็นฝ่ายฟ้องคดีล้มละลายนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2693/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิฟ้องล้มละลาย แม้รู้ว่ามีคดีอื่นอยู่แล้ว ไม่ถือเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดเสียหายแก่บุคคลอื่น เป็นการมิชอบด้วยกฎหมายดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 421 นั้น หมายถึงเป็นการแกล้งโดยผู้กระทำมุ่งต่อผล คือความเสียหายแก่ผู้อื่นฝ่ายเดียว (อ้างฎีกาที่ 1618/2512)
การที่จำเลยฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายตามที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้สิทธิไว้ แม้จำเลยได้กระทำไปโดยรู้อยู่ว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนแล้วก็หาใช่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายหรือแกล้งใช้สิทธิอันมิชอบด้วยกฎหมายต่อโจทก์อย่างใดไม่การฟ้องคดีล้มละลายก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทุกคนไม่ว่าเจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดเป็นโจทก์ผลก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าหนี้ทุกคนต่างก็มีสิทธิยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ตามสิทธิที่ตนมีอยู่อย่างเท่าเทียมกัน หากโจทก์เห็นว่าการโอนทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นการกระทำไปโดยไม่สุจริตและอาจขอให้เพิกถอนได้แล้วโจทก์ก็ชอบที่จะขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 113,114 หรือมาตรา 115 ส่วนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการให้ได้เพียงใดหรือไม่ก็ย่อมแล้วแต่ข้อเท็จจริง หาใช่เกี่ยวกับการที่โจทก์หรือจำเลยฝ่ายใดเป็นฝ่ายฟ้องคดีล้มละลายนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1951/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดจากการปิดกั้นทางน้ำ – การใช้สิทธิก่อความเสียหาย – แก้ไขเพื่อบรรเทา – ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.421, 1337
ที่ดินของโจทก์จำเลยอยู่ติดต่อกัน โดยที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่งอยู่ติดถนนฟากตะวันตกตรงกันข้ามกับที่ดินของจำเลย อีกแปลงหนึ่งซึ่งติดต่อกับที่ดินโจทก์ฟากตะวันออกทั้งโจทก์จำเลยต่างใช้ที่ดินทำนาข้าวโดยอาศัยน้ำฝน เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลจากที่ดินของผู้อื่นทางทิศตะวันออกมาสู่ที่ดินโจทก์จำเลยทางทิศตะวันออกเขตถนน แล้วไหลผ่านท่อระบายน้ำผ่านถนนลงที่นาจำเลยแปลงทิศตะวันตก จำเลยทำคันดินหรือพนังขวางทางน้ำไหลจากท่อระบายมิให้ลงสู่ที่นาของจำเลยดังที่เคยเป็นมา เป็นเหตุให้น้ำทางฟากถนนตะวันออกเอ่อท่วมทั้งที่นาจำเลยกับที่นาโจทก์มีระดับสูงแค่อก โจทก์ใช้ประโยชน์ที่ดินทำนาไม่ได้ แม้จะฟังได้ว่าจำเลยทำคันดินหรือพนังกั้นน้ำเพื่อมิให้น้ำซึ่งไหลจากท่อระบายเข้านาทำความเสียหายแก่ข้าวกล้าของจำเลยและไม่ใช่กรณีน้ำที่ไหลจากพื้นดินสูงลงสู่พื้นดินต่ำตามธรรมดา แต่ก็ได้ความว่า ถ้าจำเลยแก้ไขทำเหมืองให้น้ำผ่านนาของจำเลยไป ความเสียหายของโจทก์ผู้มีที่นาใกล้เคียงอีกฟากหนึ่งของถนนก็จะไม่เสียหายเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรแต่จำเลยก็ไม่ยอมแก้ไขเพื่อบรรเทาผลร้ายของโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ปิดกั้นน้ำโดยทำคันดินหรือพนังดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิอันมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นเป็นละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 และโจทก์มีสิทธิที่จะปฏิบัติการให้ความเสียหายนั้นสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการขัดขวางการบุกรุก และการใช้สิทธิเพื่อปกป้องทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยถอนเสารั้วของโจทก์แล้ววางไว้ เพื่อระงับยับยั้งมิให้โจทก์ขุดหลุมปักเสาในที่ดิน ซึ่งจำเลยเข้าใจหรือเชื่อว่าอยู่ในเขตของจำเลย เป็นการกระทำโดยเจตนาใช้สิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของตนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็นเหตุสมควรที่จำเลยจะปฏิบัติเช่นนั้นได้ เพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนสิ้นไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและการใช้สิทธิของเจ้าของสถานที่เมื่อผู้เช่าผิดสัญญา ไม่เป็นความผิดอาญา
ข้อสัญญาเช่าสำนักงานมีว่า ถ้าผู้เช่าผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนด ผู้ให้เช่ากลับเข้าครอบครองสถานที่ ย้ายบุคคลออก ฯลฯ ได้ข้อสัญญานี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่าผู้ให้เช่าใช้ลวดไขกุญแจห้องเช่าออกเอากุญแจใหม่ใส่แทน ผู้เช่าเข้าห้องเช่าไม่ได้ ดังนี้ เป็นการใช้สิทธิตามสัญญาเช่า ไม่เป็นความผิดอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องตามเช็คและการฟ้องบังคับชำระหนี้: การใช้สิทธิโดยชอบธรรมและการเลือกทางฟ้อง
การที่โจทก์นำเช็คพิพาทซึ่งจำเลยสั่งจ่ายไปฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาแล้วมาฟ้องเรียกเงินทางแพ่งจากจำเลยอีกนั้น หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
จำเลยซื้อเชื่อสินค้าไปจากโจทก์และได้ลงนามรับสินค้าไว้ในใบสั่งของทุกครั้งเมื่อคิดบัญชีกันปรากฏว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่จำนวนหนึ่ง จำเลยจึงออกเช็คตามจำนวนนั้นชำระหนี้ให้โจทก์ ดังนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค โจทก์ย่อมฟ้องบังคับจำเลยได้สองทาง คือฟ้องเรียกเงินตามเช็คก็ได้ หรือจะฟ้องเรียกค่าซื้อสินค้าตามใบสั่งของก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1167/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือแจ้งข้อเท็จจริงจากเจ้าพนักงานการพิมพ์ ไม่ถือเป็นการข่มขู่หรือละเมิดสิทธิ โจทก์ยังสามารถใช้สิทธิได้
ฟ้องว่าเจ้าพนักงานการพิมพ์มีหนังสือถึงโจทก์ใจความว่าหนังสือพิมพ์ของโจทก์ไม่ได้พิมพ์ออกโฆษณาและจำหน่ายติดต่อกัน เป็นระยะเวลา 30 วันใบอนุญาตของโจทก์สิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 จึงเรียนมาเพื่อทราบเป็นการข่มขู่โจทก์มิให้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์ของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนหนังสือดังกล่าวของโจทก์ ดังนี้หนังสือที่จำเลยมีถึงโจทก์ เพียงแต่แจ้งข้อเท็จจริงตามความเข้าใจของจำเลยให้โจทก์ทราบ เพื่อจะได้ไม่ปฏิบัติผิดกฎหมายขึ้น ไม่เป็นการข่มขู่หรือกระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ ศาลย่อมไม่รับฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณา
of 6