คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ใช้เอกสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 658/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมแม้ผู้เสียหายยินยอม: ความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตาม ป.อาญา มาตรา 268 เมื่อความเสียหายแก่ศาล
ผู้เสียหายได้รู้เห็นยินยอมให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนในใบแต่งทนาย เมื่อมีผู้นำใบแต่งทนายนั้นไปให้ทนายทำคำร้องยื่นต่อศาล ความเสียหายที่จะมีแก่ผู้เสียหาย จึงไม่มีผู้เสียหาย จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย
เมื่อจำเลยนำคำร้องที่มีลายเซ็นชื่อผู้เสียหายปลอมโดยให้ผู้อื่นเซ็นชื่อแทนมายื่นต่อศาล ย่อมจะเห็นได้ว่าน่าจะเสียหายแก่ศาลในการรับคำร้องนั้นไว้พิจารณา จำเลยจึงมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 ประกอบด้วยมาตรา 264

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1126/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิเป็นความผิดกระทงเดียว เมื่อศาลยกฟ้องฐานปลอมเอกสาร ความผิดฐานใช้จึงระงับตามกฎหมาย
ในการพิจารณาคดีแพ่ง จำเลยได้อ้างสัญญากู้ยืมเงินเป็นพยาน โจทก์จึงฟ้องคดีอาญาหาว่าจำเลยปลอมสัญญากู้ยืมดังกล่าวก่อน แล้วต่อมาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยฐานใช้และอ้างเอกสารที่หาว่าปลอมนั้นด้วย เช่นนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 และ 268 เห็นได้ชัดว่าในเรื่องมีผู้ทำปลอมเอกสารขึ้นแล้วผู้ทำนำเอกสารปลอมนั้นไปใช้หรืออ้างเองกฎหมายให้ลงโทษในการใช้หรืออ้างเอกสารปลอมแต่อย่างเดียว ถือว่าเป็นความผิดกระทงเดียวเมื่อโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยเพียงทำเอกสารสิทธิปลอมก่อนและฟังไม่ได้ว่าเป็นเอกสารปลอม คดีถึงที่สุดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ก็ต้องถือว่าความผิดในข้อหาใช้หรืออ้างเอกสารปลอมคดีถึงที่สุดเสร็จเด็ดขาดไปแล้วด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์จะขอให้ดำเนินคดีและสืบพยานต่อไปหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แก้ไข ส.ค.1 และใช้เอกสารปลอม ความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม
ส.ค.1 (แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน) เป็นเอกสารสิทธิที่ผู้ครอบครองที่ดินทำขึ้นตามประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อสงวนสิทธิของตน ณ พื้นที่ดินนั้นแต่ไม่ใช่เอกสารราชการ
จำเลยแก้ไขเพิ่มเติมและตัดทอนข้อความในหนังสือ ส.ค.1และนำไปใช้เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอมแต่ลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมกระทงเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิชำระหนี้, อำนาจสอบสวนคดีอาญา
จำเลยขำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เพียง 10,000 บาทแล้วจำเลยแก้ไขจำนวนเงินในใบรับเงินที่เจ้าหนี้เซ็นชื่อเป็นผู้รับเงิน โดยแก้ 10,000 บาท เป็ฯ 70,0100 บาท ต่อมาจำเลยคัดสำเนาใบรับเงินที่ปลอมนั้นมาแสดงต่อศาลทำให้เจ้าหนี้ได้รับความเสียหาย เพราถ้าศาลหลงเชื่อว่าเป็ฯเอาสารที่แ้จริงแล้ว เจ้าหนี้จะต้องขาดเงินที่ควรได้รับชำระหนี้ไป 60,000 บาท การปลอมของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 264 แล้ว และเอกสารนี้เป็นใบรับเงินชำระหนี้ แสดงว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ในจำนวนเงินนี้ระงับไปแล้ว จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอาสารสิทธิตามมาตรา 265 และการที่จำเลยคัดสำเนาเอกสารที่ปลอมแสดงต่อศาลเป็นการอ้างถึงเอกสารที่ปลอม จึงเป็นความผิดตามมาตรา 268 ด้วย ต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 268 ตามอัตราโทษในมาตรา 265
คำบรรยายฟ้องที่แสดงว่าวันเวลาที่ระบุไว้นั้นหมายถึงวันเวลาที่ทำปลอมกับที่ใช้เอกสารปลอมด้วย
จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้เจ้าหนี้และเจ้าหนี้ออกใบรับเงินให้ที่บ้านในท้องที่บุบผาราม จำเลยที่ 1 และที่ 2 อยู่ที่เทเวศร์ จำเลยที่ 1 ปลอมใบรับเงินนั้นที่ไหนไม่ปรากฎ แต่เอามาใช้อ้างที่ศาลแพ่ง จำเลยที่ 1 ถูกจับในท้องที่นางเลิ้ง ส่วนจำเลยที่ 2 ถูกจับที่สถานีตำรวจบุบผาราม เมื่อเป็นการไม่แน่ว่าการกระทำผิดได้กระทำในท้องที่ใด แต่จำเลยที่ 2 ถูกจับที่สถานีตำรวจบุบผารามเช่นนี้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจบุบผารามจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้ และย่อมสอบสวนจำเลยที่ 1 ได้ด้วย เพราะมีข้อหาว่าร่วมกันกระทำผิดในคดีนี้ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน การกำหนดอำนาจสอบสวน
จำเลยชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เพียง 10,000 บาทแล้วจำเลยแก้ไขจำนวนเงินในใบรับเงินที่เจ้าหนี้เซ็นชื่อเป็นผู้รับเงิน โดยแก้ 10,000 บาท เป็น 70,000 บาท ต่อมาจำเลยคัดสำเนาใบรับเงินที่ปลอมนั้นมาแสดงต่อศาลทำให้เจ้าหนี้ได้รับความเสียหายเพราะถ้าศาลหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงแล้ว เจ้าหนี้จะต้องขาดเงินที่ควรได้รับชำระหนี้ไป 60,000 บาทการปลอมของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 264 แล้ว และเอกสารนี้เป็นใบรับเงินชำระหนี้แสดงว่าสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ในจำนวนเงินนี้ระงับไปแล้วจำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามมาตรา 265 และการที่จำเลยคัดสำเนาเอกสารที่ปลอมแสดงต่อศาลเป็นการอ้างถึงเอกสารที่ปลอม จึงเป็นความผิดตามมาตรา 268 ด้วยต้องลงโทษจำเลยตามมาตรา 268 ตามอัตราโทษในมาตรา 265
คำบรรยายฟ้องที่แสดงว่าวันเวลาที่ระบุไว้นั้นหมายถึงวันเวลาที่ปลอมกับที่ใช้เอกสารปลอมด้วย
จำเลยที่ 2 ชำระเงินให้เจ้าหนี้และเจ้าหนี้ออกใบรับเงินที่บ้านในท้องที่บุบผาราม.จำเลยที่1และที่2อยู่ที่เทเวศร์ จำเลยที่ 1 ปลอมใบรับเงินนั้นที่ไหนไม่ปรากฏ แต่เอามาใช้อ้างที่ศาลแพ่ง จำเลยที่ 1 ถูกจับในท้องที่นางเลิ้งส่วนจำเลยที่2ถูกจับที่สถานีตำรวจบุบผาราม เมื่อเป็นการไม่แน่ว่าการกระทำผิดได้กระทำในท้องที่ใด แต่จำเลยที่ 2 ถูกจับที่สถานีตำรวจบุบผารามเช่นนี้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจบุบผารามจึงมีอำนาจสอบสวนคดีนี้ได้และย่อมสอบสวนจำเลยที่ 1 ได้ด้วย เพราะมีข้อหาว่าร่วมกันกระทำผิดในคดีนี้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมโดยเจตนา แม้รายละเอียดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ศาลลงโทษได้หากพิสูจน์เจตนา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมใบสำคัญทหารกองเกินของคณะกรรมการอำเภอบางรักและใช้ใบสำคัญทหารกองเกิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเอกสารที่ปลอมนั้นทำจากอำเภอยานนาวา ก็เป็นเพียงรายละเอียดหาใช่ข้อสาระสำคัญไม่ จำเลยก็นำสืบว่าไม่เคยขึ้นทะเบียนทหารไว้ที่ไหนเลย จึงมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 208/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้เอกสารปลอมโดยเจตนา แม้รายละเอียดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ศาลยังลงโทษได้หากพิสูจน์เจตนา
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลอมใบสำคัญทหารกองเกินของคณะกรรมการอำเภอบางรักและใช้ใบสำคัญทหารกองเกิน แม้ทางพิจารณาได้ความว่าเอกสารที่ปลอมนั้นทำจากอำเภอยานนาวา ก็เป็นเพียงรายละเอียด หาใช่ข้อสารสำคัญไม่ จำเลยก็นำสืบว่าไม่เคยขึ้นทะเบียนทหารไว้ที่ไหนเลย จึงมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมลายมือชื่อในเอกสารทางราชการและการใช้เอกสารปลอม ความผิดตามกฎหมายอาญา
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยปลอมหนังสือขึ้นเอง แล้วนำหนังสือปลอมนั้นไปใช้ คือไปขายให้แก่ผู้อื่น จึงขอให้ลงโทษทั้ง 2 ฐานคือตาม ก.ม,ลักษณะอาญามาตรา 224 และ 227 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าฟังไม่ได้ว่าจำเลยปลอมเอง คงฟังได้ว่าจำ เลยใช้หนังสือปลอมอันเป็นผิดตามมาตรา 227 ซึ่งโยนไปลงโทษตามมาตรา 224 จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี.
โจทก์มิได้อุทธรณ์ คงมีจำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ขอให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์กลับเห็นว่าจำเลยเป็นตีวการในการปลอม หนังสือ แต่ไม่ผิดฐานใช้หนังสือปลอม จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา 224 ดังนี้ ถือได้ว่า เป็นการลงโทษตามมาตราที่โจทก์ฟ้อง จึงเป็นการชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 836/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำเอกสารแก้ไขไปสอบถามความถูกต้อง ไม่ถือเป็นการใช้เอกสารปลอม
เอาตั๋วพิมพ์รูปพรรณปลอมไปให้เจ้าพนักงานดูและถามว่าจะใช้ได้หรือไม่นั้นไม่ผู้ถือว่านำหนังสือนั้นไปใช้ไม่เป็นผิดฐานนำหนังสือปลอมไปใช้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21841/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลอมลายมือชื่อในเอกสารเพื่อยื่นต่อเจ้าพนักงาน แม้เอกสารนั้นมิใช่เอกสารราชการ แต่ยังคงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารปลอม
คำรับรองการชี้แนวเขตที่ดินเป็นแบบพิมพ์ของทางราชการ มีไว้สำหรับให้ผู้ครอบครองทำประโยชน์ที่ดินนำไปกรอกข้อความและลงลายมือชื่อแสดงว่าตนครอบครองที่ดินมีอาณาเขตเท่าใด และนำไปประกอบเอกสารอื่นเพื่อให้เจ้าพนักงานกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดรูปที่ดินและทำระวางแผนที่ เอกสารดังกล่าวจึงมิใช่เป็นเอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิตาม ป.อ. มาตรา 1 (9) ไม่เป็นเอกสารสิทธิ และเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่จำเลยทำขึ้นเพื่อเสนอต่อเจ้าพนักงาน มิใช่เอกสารที่เจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ จึงมิใช่เอกสารราชการ
of 5