คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ไล่ออก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 35 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับเงินเดือนข้าราชการพักราชการที่ถูกไล่ออก และอายุความฟ้องละเมิด
ตามพระราชบัญญัติเงินเดือนของข้าราชการผู้ถูกสั่งพักราชการพ.ศ.2502 มาตรา 7(1) และพระราชบัญญัติว่าด้วยการจ่ายเงินเดือนและเงินอื่นให้แก่ผู้ถูกสั่งพักราชการ พ.ศ.2488 มาตรา 5(1) นั้นเป็นเรื่องให้จ่ายเงินเดือนแก่ผู้ถูกสั่งพักราชการโดยผลของการสอบสวนปรากฏว่าข้าราชการผู้นั้นไม่มีความผิด หรือไม่มีมลทินมัวหมองเท่านั้นแต่ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่ามีความผิด และทางราชการได้มีคำสั่งไล่ข้าราชการคนใดออกจากราชการไปแล้ว กรณีเช่นนี้ ตามกฎหมายดังกล่าวกลับห้ามมิให้จ่ายเงินเดือนระหว่างพักราชการให้แก่ข้าราชการซึ่งถูกไล่ออกจากราชการนั้นด้วย
กระทรวงเศรษฐการมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากราชการฐานผิดวินัยเมื่อโจทก์เห็นว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องร้องต่อศาลเสียภายในกำหนดอายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จะใช้อายุความ5 ปีตามมาตรา 166 หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2486

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยผู้ถูกไล่ออก: ต้องมีเจตนาจึงเป็นความผิด
ข้อบังคับของตำรวจมีว่าถ้าหนีราชการไปเกินกำหนดต้องถูกไล่ออกตำรวจผู้หนึ่งหนีราชการไปเกินกำหนดและถูกไล่ออกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าถูกไล่ออกและแต่งเครื่องแบบไปทำการจับกุมราษฎร ดังนี้ ไม่มีผิดฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจ ตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2483 การแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิจะเป็นความผิดต่อเมื่อมีเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6205/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเรียกคืนเงินสะสมและผลประโยชน์ของสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการเมื่อถูกไล่ออก
พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 มาตรา 54 ไม่ได้กล่าวถึงเงินสะสมและผลประโยชน์ของเงินสะสม และเมื่อพิจารณาบทนิยามคำว่า เงินสะสม ตามมาตรา 3 วรรคแปด ที่ให้ความหมายว่า เงินที่สมาชิกสะสมเข้ากองทุนตาม พ.ร.บ. นี้ แสดงว่าเงินสะสมเป็นเงินของสมาชิก ยิ่งเมื่อพิจารณาประกอบกับบทบัญญัติมาตรา 39 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ เห็นได้ว่า เงินสะสมนี้บทมาตราดังกล่าวให้ส่วนราชการหักตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงจากเงินเดือนที่สมาชิกผู้นั้นได้รับ เงินสะสมจึงเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนของสมาชิก เมื่อกระทรวงคมนาคมลงโทษไล่จำเลยออกจากราชการโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2550 จำเลยจึงต้องคืนเงินเดือนสำหรับการทำงานวันที่ 30 กันยายน 2550 ให้แก่ส่วนราชการเจ้าสังกัดคือ กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ผู้จ่ายเงินเดือนให้จำเลยจึงมีสิทธิเรียกเงินเดือนของวันดังกล่าวเต็มจำนวนก่อนมีการหักเงินสะสม โจทก์ไม่ใช่ส่วนราชการเจ้าสังกัดผู้จ่ายเงินเดือนให้จำเลย และ พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 ก็ไม่ได้บัญญัติให้สิทธิโจทก์ไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกคืนเงินสะสมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินเดือนจำเลยและไม่มีสิทธิเรียกคืนผลประโยชน์ของเงินสะสมด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3562/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีแรงงานในข้อเท็จจริง และการไล่ออกเนื่องจากลักทรัพย์และฝ่าฝืนระเบียบ
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง บัญญัติหลักเกณฑ์และวิธีการไว้เป็นการเฉพาะให้คู่ความอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานได้เฉพาะในข้อกฎหมาย ไม่มีบทบัญญัติยกเว้นกรณีหนึ่งกรณีใดให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ จึงนำหลักการอุทธรณ์กรณีผู้พิพากษาสมทบฝ่ายลูกจ้างทำความเห็นแย้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคหนึ่ง มาใช้กับการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแรงงานไม่ได้
ตามวิธีปฏิบัติงาน เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง ระบุการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงรถยนต์โดยสารแต่ละคันเติมด้วยยอดจำนวนเต็มหรือตามที่กำหนดในแต่ละสาย เมื่อครบจำนวนตามกำหนดพนักงานเติมน้ำมันจะดึงหัวจ่ายออกแล้วเก็บไว้ในที่เก็บและปิดฝาถังน้ำมันรถยนต์โดยสาร แสดงให้เห็นว่าน้ำมันที่ยังค้างอยู่ในหัวจ่ายเป็นน้ำมันของจำเลย แม้จะมีการตัดยอดจ่ายน้ำมันแล้ว แต่จำเลยก็ไม่มีระเบียบให้ทิ้งน้ำมันดังกล่าว การที่โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานเติมน้ำมันเทน้ำมันที่ค้างอยู่ที่หัวจ่ายใส่ถังน้ำมันและเอาไว้เป็นส่วนตัวจึงเป็นการลักทรัพย์นายจ้างซึ่งเป็นความผิดอาญาและจงใจไม่ปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติงาน เป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของจำเลย ฉบับที่ 46 จำเลยมีอำนาจไล่โจทก์ออกได้ตามข้อบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2035/2551

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจงใจขัดคำสั่งนายจ้างที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเหตุให้ไล่ออกได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
เมื่อโจทก์ทราบว่าจำเลยมีคำสั่งบริษัท ส. เรื่อง การลงบันทึกเวลาในระดับผู้บริหารที่ไปจัดการธุรกิจให้บริษัทซึ่งเป็นคำสั่งในหน้าที่เพื่อควบคุมการปฏิบัติงานโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วไม่ปฏิบัติตาม การกระทำของโจทก์จึงเป็นการจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 583 และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 17 วรรคห้า โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า
of 4