พบผลลัพธ์ทั้งหมด 616 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2810/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงานและการพิจารณาคำร้องใหม่เมื่อจำเลยไม่ทราบกำหนดนัด
บทบัญญัติมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 ที่ว่า ในกรณีที่ศาลแรงงานมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 40 วรรคสอง หากจำเลยมาแถลงให้ศาลแรงงานทราบถึงความจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลได้ภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่ศาลแรงงานมีคำสั่ง ศาลแรงงานมีอำนาจไต่สวนถึงเหตุแห่งความจำเป็นนั้นได้และหากเห็นเป็นการสมควร ให้ศาลแรงงานมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งตามมาตรา 40 นั้นใหม่ เสมือนหนึ่งมิได้เคยมีกระบวนพิจารณาเช่นว่านั้น เป็นกรณีที่จำเลยได้รับหมายเรียกและกำหนดนัดพิจารณาแล้ว หากจำเลยอ้างว่าจำเลยไม่ทราบกำหนดนัดพิจารณาเพราะสถานที่ส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกไม่ใช่ภูมิลำเนาแท้จริงของจำเลยกรณีต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2341/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่มีข้อความใดกล่าวถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลชั้นต้น คงกล่าวเพียงว่าคดีดังกล่าวมีทุนทรัพย์สูง และมีประเด็นในการต่อสู้อยู่สองประเด็น ถ้าจำเลยสู้คดีมีทางชนะคดีได้ จึงหาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียด และชัดแจ้งตามความประสงค์ของกฎหมายไม่ คำร้องของ จำเลยไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2270/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายโจทก์ป่วย และความจำเป็นในการพิจารณาคำร้องก่อนมีคำสั่งขาดนัด
ทนายโจทก์ป่วยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำขอเลื่อนคดีไว้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ศาลมิได้นำเสนอก่อนศาลออกนั่งพิจารณา จะถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาหาได้ไม่ และกรณีเช่นนี้เป็นความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ประกอบกับยังไม่มีการสืบพยานจำเลย โจทก์ขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีตามขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2238/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการไม่โต้แย้งคำสั่งศาล ทำให้จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์
จำเลยมีโอกาสที่จะโต้แย้งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยได้ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้แต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1773/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงาน และการกำหนดประเด็นข้อพิพาทที่ไม่ถูกต้อง
การที่จำเลยไม่มาศาลแรงงานในวันสืบพยาน ไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯจึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น จำเลยจึงขาดนัดพิจารณาตามมาตรา 197วรรคสองซึ่งมาตรา 202 บัญญัติให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเนื่องจากมาทำงานสายหรือไม่ การที่โจทก์นำสืบว่านาฬิกาของจำเลยเร็วไปก็ดี จำเลยยอมให้มาสายได้ก็ดี หานอกประเด็นไม่ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์นำสืบต่างไปจากเอกสารที่ลงไว้ว่าโจทก์มาทำงานสาย จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับฟัง เป็นปัญหาว่าควรเชื่อฟังพยานหลักฐานโจทก์หรือไม่ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา54
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างที่มิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวเพราะโจทก์มาทำงานสายและจำเลยเคยเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้ว ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่า โจทก์มาทำงานสายซึ่งจำเลยมีหนังสือเตือนแล้วหรือไม่ ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างที่ไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าและค่าชดเชย เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาท หาใช่ประเด็นข้อพิพาทไม่แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่ โดยนำเอาผลของการวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทมากำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทด้วย แต่ไม่ครบถ้วน ก็ไม่ทำให้ประเด็นข้อพิพาทเปลี่ยนแปลงไป
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชยเนื่องจากมาทำงานสายหรือไม่ การที่โจทก์นำสืบว่านาฬิกาของจำเลยเร็วไปก็ดี จำเลยยอมให้มาสายได้ก็ดี หานอกประเด็นไม่ ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์นำสืบต่างไปจากเอกสารที่ลงไว้ว่าโจทก์มาทำงานสาย จึงไม่ชอบที่ศาลจะรับฟัง เป็นปัญหาว่าควรเชื่อฟังพยานหลักฐานโจทก์หรือไม่ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา54
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างที่มิได้บอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยจำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวเพราะโจทก์มาทำงานสายและจำเลยเคยเตือนโจทก์เป็นหนังสือแล้ว ดังนี้ ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงว่า โจทก์มาทำงานสายซึ่งจำเลยมีหนังสือเตือนแล้วหรือไม่ ส่วนข้อที่ว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับสินจ้างที่ไม่บอกกล่าวเลิกจ้างล่วงหน้าและค่าชดเชย เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาท หาใช่ประเด็นข้อพิพาทไม่แม้ศาลชั้นต้นจะกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยหรือไม่ โดยนำเอาผลของการวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทมากำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทด้วย แต่ไม่ครบถ้วน ก็ไม่ทำให้ประเด็นข้อพิพาทเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1554/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีเนื่องจากความผิดพลาดในการจดวันนัด และการคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดที่ไม่ชัดเจน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกโจทก์ขอเลื่อนคดี ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 11 ธันวาคม 2522 ถึงวันนัดโจทก์ขอเลื่อนอีก ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 25 มกราคม 2523 แต่ทนายจำเลยจดวันนัดลงในสมุดนัดความของตนผิดโดยจดเป็นวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2523 ซึ่งเป็นผลทำให้ทนายจำเลยเข้าใจวันนัดสืบพยานโจทก์ผิดไปจึงมิได้มาศาลในวันที่ 25มกราคม 2523 ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา กรณีมีเหตุสมควรที่จะให้พิจารณาใหม่ได้
ในคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย ได้มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่า ศาลได้พิจารณาให้โจทก์ชนะคดีโดยเพียงแต่ฟังพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งนำพยานเข้าสืบเพียงปากเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะให้โจทก์ชนะคดีได้ เนื่องจากจำเลยมีพยานทั้งบุคคลและเอกสารต่างๆ ที่จะนำสืบแสดงว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญาตามฟ้องโจทก์ ดังนี้ถือได้ว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
ในคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย ได้มีข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่า ศาลได้พิจารณาให้โจทก์ชนะคดีโดยเพียงแต่ฟังพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งนำพยานเข้าสืบเพียงปากเดียวนั้นยังไม่เพียงพอที่จะให้โจทก์ชนะคดีได้ เนื่องจากจำเลยมีพยานทั้งบุคคลและเอกสารต่างๆ ที่จะนำสืบแสดงว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญาตามฟ้องโจทก์ ดังนี้ถือได้ว่าคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ ศาลต้องให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดี
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ความว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัด จำเลยไม่เคยรับหมายเรียก สำเนาคำฟ้องหรือคำสั่งใดๆของศาล จึงไม่ทราบมาก่อนว่าถูกฟ้อง จำเลยไม่เคยติดต่อซื้อสินค้าในฐานะลูกหนี้ที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีไม่ชอบ เมื่อปรากฏว่าเหตุแห่งข้ออ้างตามคำขอให้ศาลทำการไต่สวนเพื่อมีคำสั่งให้มีการพิจารณาใหม่ และโอกาสแห่งการยื่นคำร้องขอของจำเลยดังกล่าวอยู่ในวิสัยและภายใต้เงื่อนไขของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 และมาตรา 208ซึ่งจำเลยจะกระทำได้โดยชอบ ซึ่งหากฟังเป็นจริงตามคำร้องของจำเลยก็น่าจะได้มีการพิจารณาใหม่ เช่นนี้ศาลชอบที่จะรับคำร้องของจำเลยไว้ทำการไต่สวนต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยที่ยังไม่ได้ทำการไต่สวนจึงเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การคดีแพ่ง & บัญชีระบุพยานรวมสำนวนอาญา-แพ่ง ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15 วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้น มาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่ง และส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่ง และส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานในคดีแพ่งที่ฟ้องรวมกับคดีอาญา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่าง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้นมาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: การไม่นำพยานหลักฐานมายังไม่ถือขาดนัด
คำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้บัญญัติกระบวนพิจารณาไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยเฉพาะ ไม่อาจนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเรื่องการขาดนัดพิจารณามาอนุโลมใช้ในเรื่องนี้ได้