คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความเสียหาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,842 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4359/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีกับลูกหนี้ร่วม: การขายทอดตลาดทรัพย์สินของลูกหนี้รายหนึ่งไม่ทำให้ลูกหนี้ร่วมรายอื่นได้รับความเสียหาย
ที่ดินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านที่9ได้ขายทอดตลาดไปเป็นของจำเลยที่2แต่เพียงผู้เดียวถึงแม้ผู้ร้องและจำเลยที่2เป็นลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาซึ่งต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกันก็ตามก็เป็นเรื่องที่ผู้ร้องและจำเลยที่2ต่างต้องผูกพันที่ต้องชำระหนี้แก่โจทก์ในคดีนั้นซึ่งโจทก์มีสิทธิเรียกให้ชำระหนี้จากจำเลยคนใดคนหนึ่งทั้งหมดโดยสิ้นเชิงได้การบังคับเอาแก่ทรัพย์สินของจำเลยคนใดคนหนึ่งจึงไม่เกี่ยวข้องแก่ลูกหนี้คนอื่นที่มิได้ถูกบังคับคดีด้วยการที่ผู้คัดค้านที่9ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่2ไปในการรวบรวมทรัพย์สินของจำเลยที่2เพื่อแบ่งเฉลี่ยให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลายในคดีนี้จึงไม่ทำให้ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะลูกหนี้ร่วมกับจำเลยที่2ต้องได้รับความเสียหายโดยการกระทำหรือคำวินิจฉัยของผู้คัดค้านที่9ที่ได้ขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่2ให้แก่ผู้คัดค้านที่1ถึงที่7และที่8ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา146

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4106/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้บรรยายรายละเอียดความเสียหายเฉพาะเจาะจง โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาได้
คำฟ้องโจทก์ได้บรรยายแล้วว่าจำเลยที่1ได้ขับรถยนต์โดยสารของจำเลยที่2โดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเฉี่ยวชนรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหายรวมหลายรายการคิดเป็นเงิน85,000บาทการที่จำเลยขับรถยนต์ชนรถยนต์ของโจทก์ในส่วนใดรถยนต์โจทก์จะได้รับความเสียหายตรงส่วนไหนบริเวณใดและได้รับความเสียหายอย่างไรเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาหาใช่ข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาซึ่งจะต้องบรรยายมาในคำฟ้องแต่อย่างใดไม่ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4105/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในสัญญาจากการคาดการณ์ความเสียหายพิเศษ
โจทก์เป็นบริษัทจำกัดที่มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจในทางการค้าการที่โจทก์ว่าจ้างจำเลยทั้งสองให้ผลิตขาตั้งลำโพงและม้าไม้เพื่อส่งสินค้าดังกล่าวไปขายที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เช่นนี้ ค่าเสียหายของโจทก์ที่ต้องขาดกำไรเพราะไม่ได้นำสินค้าไปขาย จึงเป็นค่าเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษที่จำเลยทั้งสองคาดเห็นได้ล่วงหน้าอยู่แล้ว จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 33/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารปลอมใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาได้ แม้ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ และการวินิจฉัยความเสียหายไม่เกินคำขอ
สำเนาเอกสารสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่โจทก์อ้างเป็นพยานเป็นเอกสารที่จำเลยนำมามอบให้แก่โจทก์ร่วมศาลรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้แม้เอกสารดังกล่าวจะไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ให้บริบูรณ์ตามประมวลรัษฎากรมาตรา118ก็ตามจะใช้เป็นพยานหลักฐานไม่ได้เฉพาะคดีแพ่งเท่านั้นไม่รวมถึงคดีอาญาด้วย โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสารปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมว่าโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหายป.ส.ช.ล.ผู้อื่นและประชาชนโดยไม่ได้บรรยายว่าจะเกิดความเสียหายอย่างใดการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมเพราะโจทก์ร่วมอาจจะฟ้องร้องให้ผู้มีชื่อเป็นผู้จะขายที่ดินโอนที่ดินให้โจทก์ร่วมนั้นมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 289/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างลูกจ้างกรณีเล่นการพนันสลากกินรวบ
การเล่นการพนันสลากกินรวบนอกจากจะเป็นการกระทำที่ผิดต่อกฎหมายอาญาแล้วยังเป็นบ่อเกิดแห่งอาชญากรรมและอาจทำให้บริษัทจำเลยได้รับความเสียหายทางชื่อเสียง การฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับดังกล่าวถึงแม้จะเป็นการกระทำผิดครั้งแรกก็เป็นกรณีร้ายแรงที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 274/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องเรียนสามีต่อผู้บังคับบัญชาจากความหึงหวง ไม่เป็นเหตุฟ้องหย่า
การที่ภริยาร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของสามี เป็นการกระทำด้วยอารมณ์หึงหวง เนื่องจากถูกสามีทอดทิ้งและถูกทำร้ายทางจิตใจ เพราะสามีไปมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น แม้ภริยาจะขอให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษทางวินัยแก่สามีก็เป็นเพียงวิธีการที่จะให้สามีเลิกมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่น และเหตุก็เกิดขึ้นจากความผิดของสามีเอง การกระทำของภริยายังไม่เพียงพอที่จะถือว่าได้กระทำการให้สามีได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง และได้รับคสวามเสียหายเดือดร้อนเกินควร อันจะเป็นเหตุให้สามีฟ้องหย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 259/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย กรณีอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ศาลคำนวณความรับผิดตามสัดส่วนความเสียหาย
ตามกรมธรรม์ประกันภัยระบุให้จำเลยที่4รับผิดในอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่เกินจำนวน500,000บาทต่ออุบัติเหตุ1ครั้งแต่ในมูลคดีเดียวกันนี้จำเลยที่4ถูกองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยฟ้องเรียกค่าเสียหายศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยเป็นเงิน144,580.48บาทซึ่งจำเลยที่2ในคดีดังกล่าวคือจำเลยที่4คดีนี้จำเลยที่4ได้ชำระเงิน195,183บาทไปแล้วเมื่อรวมกับความรับผิดของจำเลยทั้งสองที่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในคดีนี้จำนวน2,620,210.80บาทรวมยอดความรับผิดทั้งสิ้น2,764,791.28บาทจึงเกินวงเงินที่จำเลยที่4จะต้องรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัยที่จำกัดความรับผิดไว้เพียง500,000บาทดังนั้นจำเลยที่4จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์คดีนี้เฉลี่ยตามส่วนที่ได้รับความเสียหายโดยต้องรับผิดเพียง473,853.27บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2540/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ว่าจ้างตอกเสาเข็มใกล้ที่ดินผู้อื่น กรณีเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน
คดีระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 แม้โจทก์ที่ 2 จะฟ้องเรียกค่าเสียหายรวมมากับโจทก์ที่ 1 แต่ก็เป็นความเสียหายที่แต่ละคนได้รับต่างหากแยกจากกัน การคำนวณทุนทรัพย์ ของแต่ละคนจึงต้องแยกจากกันด้วย เมื่อคดีในส่วนของโจทก์ที่ 2มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินที่มีการก่อสร้างอาคารและตอกเสาเข็ม จำเลยที่ 2 เป็นผู้ขออนุญาตก่อสร้าง โดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 เป็นผู้จ้างให้จำเลยที่ 4 ดำเนินการตอกเสาเข็ม อีกทั้งจำเลยที่ 1ก็เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 3จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงมีผลประโยชน์ร่วมกันในการก่อสร้างถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้ร่วมกันจ้างจำเลยที่ 4ในการตอกเสาเข็ม จำเลยที่ 4 ตอกเสาเข็มตามแผนผังแบบแปลนการก่อสร้างของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ห่างรั้วของโจทก์เพียง 2 เมตร ย่อมตระหนักดีว่าการตอกเสาเข็มขนาดใหญ่ย่อมทำให้ที่ดินข้างเคียงถูกกระทบกระเทือนอย่างแรงอันจะเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์เสียหายได้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำจึงต้องรับผิดในความเสียหารของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2540/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ว่าจ้างตอกเสาเข็มใกล้เคียงที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของผู้อื่น
จำเลยที่1เป็นเจ้าของที่ดินที่มีการก่อสร้างและตอกเสาเข็มยินยอมให้จำเลยที่2ขออนุญาตก่อสร้างบนที่ดินมีจำเลยที่3เป็นผู้จ้างให้จำเลยที่4ดำเนินการตอกเสาเข็มบนที่ดินเมื่อเกิดความเสียหายแก่อาคารของโจทก์ที่1ซึ่งอยู่บนที่ดินข้างเคียงจำเลยที่1ถึงที่3ก็เคยเข้าไปตรวจดูแลซ่อมแซมให้บางส่วนพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่1ถึงที่3มีผลประโยชน์ร่วมกันในการก่อสร้างอาคารบนที่ดินของจำเลยที่1แม้จำเลยที่3จะเป็นผู้จ้างให้จำเลยที่4ตอกเสาเข็มแต่ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลยที่1ถึงที่3ด้วยถือได้ว่าจำเลยที่1ถึงที่3เป็นผู้ร่วมกันจ้างจำเลยที่4ในการตอกเสาเข็มซึ่งโดยปกติผู้ว่าจ้างทำของไม่ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายอันผู้รับจ้างได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่บุคคลภายนอกในระหว่างทำการงานที่ว่าจ้างเว้นแต่ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำหรือในคำสั่งที่ตนให้ไว้หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างการที่จำเลยที่4ตอกเสาเข็มตามแผนผังแบบแปลนการก่อสร้างของจำเลยที่1ถึงที่3ห่างรั้วกำแพงของโจทก์เพียง2เมตรเท่ากับจำเลยที่4ได้ดำเนินการตามคำสั่งของจำเลยที่1ถึงที่3จำเลยที่1ถึงที่3ผู้ว่าจ้างจึงเป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำอันทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ที่1 ที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายของโจทก์ที่1โดยพิเคราะห์ตามคำเบิกความของ ย. พยานโจทก์ที่1ประกอบภาพถ่ายและใบประเมินราคาแล้วเห็นว่ากำแพงรั้วพื้นซีเมนต์ตัวอาคารและสระน้ำเสียหายเป็นจำนวนมากจึงเหมาะสมแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2482/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนที่ดินเพื่อชำระหนี้แทนบุคคลอื่นเป็นโมฆะ และสิทธิเรียกร้องความเสียหายจากโมฆะกรรม
การที่โจทก์ตกลงยอมยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยโดยจำเลยชำระหนี้ให้แก่บุคคลภายนอกแทนโจทก์ มีผลเท่ากับโจทก์โอนที่ดินพิพาทให้แก่ผู้อื่นตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 31 แล้ว ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมตกเป็นโมฆะ ไม่มีผลบังคับ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 113 (มาตรา 150 ที่แก้ไขใหม่)และเมื่อสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียย่อมมีสิทธิยกเอาความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึ้นกล่าวอ้างได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 172 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่ การที่โจทก์มาฟ้องคดี จึงไม่เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
of 185