พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,887 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5494/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความบังคับคดีและการฟ้องล้มละลาย: โจทก์ต้องดำเนินการบังคับคดีภายใน 10 ปีนับจากคำพิพากษา จึงจะฟ้องล้มละลายได้
เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามชำระหนี้แก่โจทก์3คดีโจทก์ชอบที่จะร้องขอบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสามภายในสิบปีนับแต่วันที่ศาลในคดีนั้นๆพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา271แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความว่าในคดีแรกโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์และประกาศขายทอดตลาดแต่ไม่สามารถขายได้เพราะทรัพย์ที่ถูกยึดสูญหายและจำเลยทั้งสามชำระหนี้ให้โจทก์บางส่วนเป็นเงิน1,500,000บาทภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาก็ตามก็เป็นขั้นตอนของการบังคับคดีเมื่อหนี้ตามคำพิพากษาแต่ละคดีที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยทั้งสามล้มละลายโจทก์มิได้ดำเนินการบังคับคดีเสียภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาโจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะบังคับคดีแก่จำเลยทั้งสามโจทก์จึงไม่อาจนำหนี้ที่พ้นกำหนดเวลาบังคับคดีดังกล่าวแล้วมาฟ้องจำเลยทั้งสามให้ล้มละลายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5167/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. หากไม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยคงอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์โดยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเป็นการไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไร จึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อ ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5167/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากมิได้ยกเหตุผลใหม่โต้แย้งคำพิพากษาศาลล่าง
ฎีกาของจำเลยคงอ้างเหตุอย่างเดียวกับที่อุทธรณ์โดยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเป็นการไม่ชอบหรือผิดพลาดข้อไหนอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4711/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต้องสงบต่อเนื่อง ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด การครอบครองระหว่างคดีไม่นับรวม
ผู้ครอบครองที่ดินจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ในระหว่างระยะเวลาที่กำลังพิพาทเป็นคดีหาอยู่ได้ไม่เพราะการครอบครองทรัพย์ในระหว่างคดีมิใช่การครอบครองโดยความสงบตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382จะนับเวลาในช่วงนี้มารวมกับเวลาก่อนนั้นเพื่อให้ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์มิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4702/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิซื้อที่ดินตามมติ คชก.และการใช้สิทธิหลังคำพิพากษาถึงที่สุด
คชก.ตำบลบางหลวงมีมติให้โจทก์ซื้อที่นาจากผู้รับโอนในราคาไร่ละ30,000บาทด้วยเงินสดภายใน30วันคชก.จังหวัดปฐมมีมติยืนยันมติของคชก.ตำบลบางหลวง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่12ตุลาคม2533ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่ามติของคชก.จังหวัดนครปฐมชอบแล้วเมื่อคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้วแต่โจทก์มิได้ใช้สิทธิขอซื้อที่นาตามราคาและวิธีการชำระเงินดังกล่าวโดยโจทก์นัดให้จำเลยไปจดทะเบียนขายที่นาแก่โจทก์ในวันที่6มีนาคม2534ซึ่งเป็นเวลาหลังมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นถึง4เดือนเศษโจทก์จึงไม่มีสิทธิซื้อที่นาจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอน/แก้ไขคำสั่งอายัดทรัพย์ชั่วคราวในคดีที่เกี่ยวข้องกับมรดกและสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ระหว่าง ส.ยังมีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยสร้างตึกแถว 6 ห้อง บนที่ดินเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชน ส.ได้ชำระค่าที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้ว ระหว่างรอโอนขายให้ลูกค้าโดยตรง ส.ถึงแก่ความตาย จำเลยโอนขายที่ดินและตึกแถว 2 ห้อง ให้แก่บุคคลภายนอก ส่วนที่ดินและตึกแถวที่เหลือจำเลยกำลังจะขายให้โจทก์ ผู้ร้องในฐานะเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของ ส.จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไว้ชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี ระหว่างผู้ร้องดำเนินการบังคับคดี ศาลชั้นต้นคดีนี้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าว และให้จดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้ เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม และเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาล ศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่ง ถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้
คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอน เพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราว และมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิม เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 27 แล้ว
การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม และเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาล ศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่ง ถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้
คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอน เพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราว และมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิม เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 27 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์หลังมีคำพิพากษาและการเพิกถอนคำสั่งอายัดโดยศาลที่ชอบด้วยกฎหมาย
ระหว่างส. ยังมีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยสร้างตึกแถว6ห้องบนที่ดินเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนส.ได้ชำระค่าที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้วระหว่างรอโอนขายให้ลูกค้าโดยตรงส.ถึงแก่ความตายจำเลยโอนขายที่ดินและตึกแถว2ห้องให้แก่บุคคลภายนอกส่วนที่ดินและตึกแถวที่เหลือจำเลยกำลังจะขายให้โจทก์ผู้ร้องในฐานะเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของส. จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไว้ชั่วคราวศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดีระหว่างผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีศาลชั้นต้นคดีนี้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวและให้จดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมและเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาลศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่งถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้วเพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้ คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอนเพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราวและมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิมเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีที่ไม่ชอบ ศาลไม่อาจถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษา
พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายความของจำเลยทั้งสอง ณ สำนักงานของทนายจำเลยทั้งสองแต่ไม่พบตัวเนื่องจากย้ายสำนักงานไปแล้ว อีกทั้งมิได้มีการส่งหมายนัดดังกล่าวให้แก่ตัวความจึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองรวมทั้งทนายความของจำเลยทั้งสองยังไม่ทราบวันนัดเพราะการปิดหมายของพนักงานเดินหมาย ณ สำนักงานทนายความของจำเลยทั้งสองซึ่งย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนั้นเป็นการแจ้งวันนัดขัดต่อความเป็นจริง การที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าว และถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้ว ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นในการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4198-4199/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกพิสูจน์กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท แม้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว และสิทธิในการแสดงอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
แม้จะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็ไม่ตัดสิทธิบุคคลภายนอกที่จะพิสูจน์ว่าตนมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าการที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลว่าผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทก็เพื่อแสดงว่าผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทไม่ได้เป็นบริวารของจำเลยเป็นการแสดงอำนาจพิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296จัตวา(3)มิฉะนั้นแล้วผู้ร้องทั้งสองจะต้องเสียหายโดยต้องออกไปเสียจากที่ดินพิพาทเพราะหากไม่ให้สิทธิแก่ผู้ร้องทั้งสองในการยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษโดยให้ไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งต่างหากแล้วผู้ร้องทั้งสองอาจถูกจับกุมและกักขังตามมาตรา296จัตวา(2)ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ที่ศาลล่างมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองโดยที่ยังไม่ได้ไต่สวนให้สิ้นกระแสความเป็นการที่ศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลฎีกาย่อมย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องของผู้ร้องทั้งสองแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4198-4199/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกโต้แย้งกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทหลังมีคำพิพากษาถึงที่สุด และสิทธิในการยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษ
แม้จะได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์แล้วก็ตามก็ไม่ตัดสิทธิบุคคลภายนอกที่จะพิสูจน์ว่าตนมีสิทธิในที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์โดยเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทดังนั้นผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296จัตวา(3)จึงหาได้จำกัดเฉพาะแต่ผู้ทรงสิทธิพิเศษเหนือทรัพย์เช่นผู้ทรงสิทธิเก็บกินสิทธิอาศัยสิทธิเหนือพื้นดินเท่านั้นไม่ผู้ร้องทั้งสองซึ่งอ้างว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทและไม่ใช่บริวารของจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลว่าได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิความเป็นเจ้าของได้เพราะถ้าไม่ให้สิทธิแก่ผู้ร้องทั้งสองในการที่จะยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษดังกล่าวต่อศาลโดยให้ไปว่ากล่าวเอาแก่โจทก์เป็นคดีหนึ่งต่างหากแล้วผู้ร้องทั้งสองก็อาจถูกจับกุมและกักขังตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา296จัตวา(2)