พบผลลัพธ์ทั้งหมด 713 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและบัญชีระบุพยานในคดีแพ่งที่ฟ้องรวมกับคดีอาญา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่าง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้นมาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่งและส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กระบวนการล้มละลาย: การไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังเริ่มพิจารณา และการสันนิษฐานเรื่องหนี้สินล้นพ้นตัว
การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีฟ้องให้ล้มละลายนั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดวันยื่นคำให้การเหมือนคดีแพ่งธรรมดา ฉะนั้นจำเลยจะยื่นคำให้การหรือไม่ยื่นก็ได้และหากจำเลยประสงค์จะยื่นคำให้การก็มีโอกาสยื่นได้ถึง 7 วันเป็นอย่างน้อยก่อนวันนั่งพิจารณาแต่คดีนี้ปรากฏว่าจำเลยไม่มาศาลในวันนั่งพิจารณาและไม่ยื่นคำให้การทั้งมิได้ร้องขอเลื่อนหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยานเพิ่งจะมาศาลภายหลังเมื่อโจทก์สืบพยานเสร็จแล้ว ฉะนั้นที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การจึงชอบแล้ว
จำเลยถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดที่โจทก์จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้อีกจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 4 ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
จำเลยถูกยึดทรัพย์ตามหมายบังคับคดี และไม่ปรากฏว่าจำเลยมีทรัพย์สินอื่นใดที่โจทก์จะพึงยึดมาชำระหนี้ได้อีกจึงต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 4 ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้คดีกรรมสิทธิ์ต้องชัดเจน หากยื่นคำให้การอ้างกรรมสิทธิ์เป็นของผู้อื่น ศาลถือว่าไม่ได้ต่อสู้กรรมสิทธิ์ของตนเอง
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าซึ่งมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาทจำเลยต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของภริยาจำเลยมิได้ต่อสู้ว่าอสังหาริมทรัพย์ที่พิพาทนั้นเป็นของจำเลยจำเลยอุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 310/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์และการขาดนัดยื่นคำให้การ ผู้ร้องต้องยื่นคำขอให้โจทก์ขาดนัดตามกำหนดเวลา มิเช่นนั้นศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี
ผู้ร้องขัดทรัพย์ต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้โจทก์ยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัด ถ้าผู้ร้องไม่ยื่นคำขอต่อศาลภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวแล้ว ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นออกเสียจากสารบบความ ผู้ร้องจะอ้างว่ามิได้มีเจตนาทิ้งคำร้อง เพราะผู้ร้องได้รับหมายนัดสืบพยาน ผู้ร้องจึงเข้าใจว่า โจทก์ยื่นคำให้การแล้วนั้นไม่ได้ เพราะการที่ศาลมีคำสั่งไม่รับคำให้การต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2960/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบประเด็นนอกคำให้การ: ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นที่จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลชั้นต้นมิชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองชำระเงินกู้ 45,000 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้คดีเพียงว่ากู้เงินโจทก์ไปจริงเพียง 15,000 บาท ชำระแล้ว 5,000 บาท คงค้างอยู่อีก 10,000 บาท สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอม ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การเพียงว่าตนเป็นเพียงผู้ค้ำประกัน ดังนี้ การที่จำเลยทั้งสองนำสืบว่าหนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องได้ระงับไปโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงเป็นการนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยอันเป็นการห้ามการนำสืบและการรับฟัง ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจหยิบยกเอาปัญหาในประเด็นดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2574/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยนอกฟ้องนอกคำให้การเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ไม่อยู่ในข้อห้ามอุทธรณ์
ปัญหาว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยนอกฟ้อง นอกคำให้การเป็นปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
ฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์โจทก์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) ไม่ใช่เสียตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท
ฎีกาขอให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์โจทก์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลเรื่องละ 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ (2) ไม่ใช่เสียตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2470/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งไม่รับคำให้การตามมาตรา 199 พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความแพ่ง: ห้ามอุทธรณ์ระหว่างพิจารณา
คำสั่งศาลชั้นต้นที่เมื่อไต่สวนแล้วเห็นว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงมีคำสั่งไม่รับคำให้การมิใช่คำสั่งไม่รับคำคู่ความตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18 แต่เป็นการสั่งตาม มาตรา199 เป็นคำสั่งโดยปกติในระหว่างการพิจารณาของศาลก่อนที่จะได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีอันไม่เข้ากรณีที่ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้ตาม มาตรา227,228 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณาศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาแล้วพิพากษาคดีไปนั้นจึงไม่ชอบ และหามีผลแต่ประการใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2169/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ต้องรอรับคำให้การ หากทนายความทั้งสองฝ่ายตกลง
เมื่อทนายโจทก์ทนายจำเลยแถลงร่วมกันว่าคดีตกลงกันได้แล้วขอให้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความก็ไม่มีความจำเป็นที่ศาลชั้นต้นจะต้องมีคำสั่งรับคำให้การและคำแถลงจำเลยเพราะไม่เป็นสาระแก่คดีจะต้องพิจารณาต่อไปชอบที่ศาลจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความและพิพากษาตามยอมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1721/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้ออ้างใหม่ในอุทธรณ์ จำเลยต้องยกเหตุผลในคำให้การเท่านั้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 นายจ้างร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธว่าจำเลยที่ 1 มิใช่ลูกจ้างการที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นอ้างอิงในอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 1 อยู่ในฐานะผู้รับจ้างทำของโดยเอาเงินของจำเลยที่ 2 ไปหาซื้อมะพร้าวได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซนต์ของจำนวนมะพร้าวที่ซื้อมาได้เป็นคราว ๆจำเลยที่ 2 ผู้ว่าจ้างย่อมไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 นั้นเป็นข้อที่ไม่ได้กล่าวไว้ในคำให้การไม่มีสิทธินำสืบแม้จำเลยที่ 2 นำสืบและศาลชั้นต้นยกขึ้นวินิจฉัยให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1318/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การที่คลุมเครือถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพ หากโจทก์ไม่สืบพยาน ศาลลงโทษตามฟ้องไม่ได้
คำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลมีความว่า "คดีนี้ข้อเท็จจริงจำเลยเป็นลูกจ้างตัดไม้ ได้อาศัยรถยนต์คันเกิดเหตุไป ในระหว่างจับกุมวัตถุระเบิดมีผู้ต้องหา 3 คนผู้ต้องหาอีก 2 คนบอกให้จำเลยรับสารภาพแล้วจะช่วยเหลือเรื่องเงินทอง ด้วยความไม่รู้เท่าถึงการจำเลยจึงได้รับสารภาพ ความจริงแล้วระเบิดทั้งสองลูกไม่ใช่ของจำเลย แต่เพื่อไม่ให้ยุ่งยากแก่คดีจำเลยขอรับสารภาพตลอดข้อหาไม่ขอต่อสู้คดี" ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำให้การที่รับสารภาพว่าจำเลยได้กระทำความผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงลงโทษจำเลยตามฟ้องไม่ได้