คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ชิงทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 588 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งความรับผิดชอบในความผิดฐานชิงทรัพย์และลักทรัพย์ เมื่อการกระทำเกิดขึ้นต่างเวลากัน
คนร้าย 2 คนสมคบกันไปลักทรัพย์เขาเมื่อลักได้แล้วพาทรัพย์หนี คนหนึ่งพาทรัพย์ออกพ้นจากบ้านเจ้าทรัพย์ ไปแล้ว อีกคนหนึ่งถูกพวกเจ้าพนักงานสกัดหน้าไว้ในบริเวณบ้านคนร้ายคนที่ถูกสกัดหน้า จึงทำร้ายคนที่สกัดหน้า มีบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ แสดงว่ากระทำร้ายเพื่อจะหลบหนี อันนับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อตัวคนร้ายคนนั้นเองโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับการสมคบกันมาลักทรัพย์แต่แรก คนร้ายคนที่ทำร้าย จึงมีผิดฐานชิงทรัพย์แต่ผู้เดียวส่วนคนร้ายคนที่พาทรัพย์พ้นบ้านไปแล้วนั้น คงมีผิดเพียงฐานลักทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแยกความผิดฐานชิงทรัพย์และลักทรัพย์เมื่อมีการทำร้ายร่างกายระหว่างหลบหนี
คนร้าย 2 คนสมคบกันไปลักทรัพย์เขา เมื่อลักได้แล้วพาทรัพย์หนี คนหนึ่งพาทรัพย์ออกพ้นจากบ้านเจ้าทรัพย์ ไปแล้ว อีกคนหนึ่งถูกพวกเจ้าทรัพย์สกัดหน้าไว้ในบริเวณบ้าน คนร้ายคนที่ถูกสกัดหน้า จึงทำร้ายคนที่สกัดหน้า มีบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ แสดงว่ากระทำร้ายเพื่อจะหลบหนี อันนับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อตัวคนร้ายคนนั้นเองโดยเฉพาะไม่เกี่ยวกับการสมคบกันมาลักทรัพย์แต่แรก คนร้ายคนที่ทำร้าย จึงมีผิดฐานชิงทรัพย์แต่ผู้เดียว ส่วนคนร้ายคนที่พาทรัพย์พ้นบ้านไปแล้วนั้นคงมีผิดเพียงฐานลักทรัพย์เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1049/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีอาญา: การเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเกี่ยวกับความผิดฐานฆ่าคนตายและชิงทรัพย์
โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยชิงทรัพย์และฆ่าคนตาย โดยเจตนา ขอให้ลงโทษ ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยเฉพาะฐานชิงทรัพย์ ส่วนฐานฆ่าคนตายเห็นว่าจำเลยไม่เจตนาฆ่า จึงไม่ลงโทษจำเลยในฐานนี้ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ปล่อย แต่ศาลอุทธรณ์กลับเชื่อพยานฐานที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งหมดดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาอีกไม่ได้แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาลงโทษจำเลยที่รับสารภาพในคดีสมคบพยายามลักทรัพย์และชิงทรัพย์ โดยพิจารณาจากข้อกล่าวหาแยกส่วน
คำพ้องเป็นฟ้องจำเลยหลายคนแต่ข้อกล่าวหาแยกได้เป็น 2 ตอน ตอนแรกกล่าวหาว่า จำเลยสมคบกันพยายามลักทรัพย์ ในตอนหลังกล่าวหาจำเลยบางคนฐานชิงทรัพย์ประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์อันมีอัตราโทษขั้นสุงสุดถึง 10 ปี ดังนี้เมื่อจำเลยที่ถูกกล่าวหาในตอนแรกรักสารภาพแล้ว ศาลพิพากษาลงโทษได้ตาม ม.176 วิ.อาญา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 360/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาโทษจำเลยที่รับสารภาพในคดีสมคบพยายามลักทรัพย์และชิงทรัพย์ โดยแยกข้อกล่าวหาและอัตราโทษ
คำฟ้องที่ฟ้องจำเลยหลายคนแต่ข้อกล่าวหาแยกได้เป็น 2 ตอนตอนแรกกล่าวหาว่า จำเลยสมคบกันพยายามลักทรัพย์ ในตอนหลังกล่าวหาจำเลยบางคนฐานชิงทรัพย์ประกอบด้วยเหตุฉกรรจ์อันมีอัตราโทษขึ้นสูงถึง 10 ปี ดังนี้เมื่อจำเลยที่ถูกกล่าวหาในตอนแรกรับสารภาพแล้วศาลพิพากษาลงโทษได้ตามมาตรา 176 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์ทำให้บาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300: การพิจารณาบาดแผลเพื่อประกอบการวินิจฉัย
บาดแผลดังนี้คือ 1. ในช่องจมูกแถบซ้ายด้านใน รอยขีดหนังขาดยาว 3 ม.ม. และโลหิตออกทางช่องจมูกทั้งสอง
2. ชายโครงด้านหน้าแถบซ้าย รอยผื่นแดงยาว 8 ซ.ม. กว้าง 5 ซ.ม.
3. ใต้ลิ้นปี่ รอยผื่นแดงยาว 4 ซ.ม. กว้าง 3 ซ.ม.
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นรอยถูกกระทำแก่ร่างกายถึงแก่บาดเจ็บแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1696/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ทำให้บาดเจ็บ: การประเมินบาดแผลเพื่อวินิจฉัยความผิดตามมาตรา 300
บาดแผล ดังนี้ คือ 1. ในช่องจมูกแถบซ้ายด้านในรอยขีดหนังขาดยาว 3 ม.ม. และโลหิตออกทางช่องจมูกทั้งสอง 2. ชายโครงด้านหน้าแถบซ้าย รอยผื่นแดงยาว 8ซ.ม. กว้าง 5 ซ.ม. 3. ใต้ลิ้นปี่ รอยผื่นแดงยาว 4 ซ.ม. กว้าง 3 ซ.ม.
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นรอยถูกกระทำแก่ร่างกายถึงแก่บาดเจ็บแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องไม่สมบูรณ์ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ เนื่องจากไม่ระบุตัวผู้ร่วมกระทำความผิดชัดเจน แม้พยานหลักฐานแสดงว่ามีการกระทำผิดฐานชิงทรัพย์
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลย(คนเดียว)กับพวกที่ยังหลบหนีจับตัวยังไม่ได้ สมคบกันปล้นทรัพย์ผู้มีชื่อไป ขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ดังนี้รู้ไม่ได้ว่าพวกของจำเลยที่โจทก์กล่าวจะมีจำนวนคนเดียวหรือหลายคน ถือว่าโจทก์ไม่กล่าวถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องจึงฟังให้สมบูรณ์ในฐานความผิดปล้นทรัพย์ไม่ได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) ฉะนั้นแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยกับพวกรวม 5 คนทำการปล้นทรัพย์ ศาลก็จะลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ไม่ได้ลงลงโทษได้แต่เพียงฐานชิงทรัพย์เท่านั้น
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยกับพวกมีมีดเป็นสาตราวุธทำการปล้นทรัพย์ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดและปืนสั้นด้วย ย่อมถือว่าไม่ใช่ข้อสำคัญเพราะทางพิจารณาก็ได้ความว่าจำเลยกับพวกมีมีดสมตามฟ้องแล้ว จะถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับฟ้องยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นชิงทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อัน พบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจ ๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงิน ค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่น ๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัส ดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธ ตามความหมายของมาตรา 301.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมคบชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายโดยไม่มีอาวุธ ไม่เข้าข่ายปล้นทรัพย์
จำเลย 5 คนไปเที่ยวยิงนก มีหนังสะติ๊กไป 2 อันพบเจ้าทรัพย์เดินสวนทางมา พวกจำเลยพูด ตรวจๆ เป็นทำนองว่าเป็นเจ้าพนักงานจะทำการตรวจค้น จำเลยที่ 1 เป็นคนเข้าตรวจค้น ยึดเอามีดดาบ มีดปลายแหลมและเงินค้นได้ก็ส่งทรัพย์ให้แก่จำเลยคนอื่นๆ รับมาถือไว้ เจ้าทรัพย์ขอมีดและเงินคืน จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบของเจ้าทรัพย์นั้นเองฟันเจ้าทรัพย์ 1 ทีเป็นบาดแผลสาหัสดังนี้ รูปคดีฟังได้ว่า จำเลยทุกคนสมคบกันทำการชิงทรัพย์ของเจ้าทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่เป็นผิดฐานปล้น
หนังสะติ๊กซึ่งตามธรรมดาเป็นของสำหรับเด็กยิงอะไรเล่นไม่ใช่ศาสตราวุธ
จำเลยแย่งเอาดาบของเจ้าทรัพย์มาได้ และใช้ดาบนั้นฟันเจ้าทรัพย์ และเอาทรัพย์ไป ไม่นับว่าจำเลยมีศาสตราวุธตามความหมายของมาตรา 301
of 59