พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขืนกระทำชำเรา แต่ไม่มีการกระทำอนาจารอื่นเพิ่มเติม จึงไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยร่วมกันจับแขนผู้เสียหายบังคับพาไปทำาการข่มขืนกระทำชำเราเพียงประการเดียวมิได้มีการกระทำอนาจาร ประการอื่นใดอีก ย่อมไม่มีความผิดในข้อหากระทำอนาจารผู้เสียตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานซ่อนเร้นทรัพย์ที่รับผิดชอบ แม้ไม่มีเจตนาทุจริต ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158
จำเลยเป็นนายตรวจทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีหน้าที่เก็บรักษาไม้หมอน รางรถไฟ เครื่องประกอบราง และอื่น ๆ ได้นำรางรถไฟและเครื่องประกอบรางส่วนที่เดินบัญชีไปฝังซ่อนไว้ชั่วคราวโดยไม่มีเจตนาทุจริต เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบพัสดุเห็นว่าพัสดุในความดูแลรักษาของจำเลยมิได้เดินบัญชี อันจะทำให้จำเลยมีความผิดทางวินัยตามความเข้าใจของจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวแม้จะไม่ประกอบด้วยเจตนาทุจริต จำเลยก็หาพ้นผิดไม่ เพราะการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำการซ่อนเร้นทรัพย์อันเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะปกครองหรือรักษา การกระทำของจำเลยครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานซ่อนเร้นทรัพย์ที่รับผิดชอบ แม้ไม่มีเจตนาทุจริต ก็เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158
จำเลยเป็นนายตรวจทางของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีหน้าที่เก็บรักษาไม้หมอน รางรถไฟเครื่องประกอบราง และอื่นๆ ได้นำรางรถไฟและเครื่องประกอบรางส่วนที่เกินบัญชีไปฝังซ่อนไว้ชั่วคราวโดยไม่มีเจตนาทุจริต เพื่อให้คณะกรรมการตรวจสอบพัสดุเห็นว่าพัสดุในความดูแลรักษาของจำเลยมิได้เกินบัญชี อันจะทำให้จำเลยมีความผิดทางวินัยตามความเข้าใจของจำเลย การกระทำของจำเลยดังกล่าวแม้จะไม่ประกอบด้วยเจตนาทุจริต จำเลยก็หาพ้นผิดไม่ เพราะการที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำการซ่อนเร้นทรัพย์อันเป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะปกครองหรือรักษา การกระทำของจำเลยครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2326-2328/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต่อศาล: การบรรยายฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 177 และองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากีดขวางลำบางทางน้ำสาธารณะ ได้เอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดี โดยโจทก์บรรยายคำเบิกความของจำเลยอันมีใจความว่า ลำบางนั้นเป็นทางน้ำสาธารณะ และว่าความจริงเป็นลำบางหรือคูที่โจทก์ขุดขึ้นในที่ดินของโจทก์ บุคคลทั่วไปมิได้ใช้เรือผ่านไปมา ดังนี้ ข้อที่ว่าทางน้ำที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำการกีดขวางจะเป็นทางน้ำสาธารณะจริงหรือไม่นั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเป็นข้อสำคัญในคดี ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2326-2328/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต่อศาล: การบรรยายฟ้องที่ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นพยานในคดีที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากีดขวางลำบางทางน้ำสาธารณะ ได้เอาความที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นความเท็จมาเบิกความเป็นข้อสำคัญในคดี โดยโจทก์บรรยายคำเบิกความของจำเลยอันมีใจความว่า ลำบางนั้นเป็นทางนำสาธารณะ และว่าความจริงเป็นลำบางหรือคูที่โจทก์ขุดขึ้นในที่ดินของโจทก์ บุคคลทั่วไปมิได้ใช้เรือผ่านไปมาดังนี้ ข้อที่ว่าทางน้ำที่โจทก์ถูกฟ้องว่ากระทำการกีดขวางจะเป็นทางน้ำสาธารณะจริงหรือไม่นั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่าเป็นข้อสำคัญในคดี ฟ้องโจทก์จึงสมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2220/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่า 'อีสัตว์ เดี๋ยวตบเสียนี่' เข้าข่ายดูหมิ่น ตามประมวลกฎหมายอาญา
ด่าว่า "อีสัตว์ เดี๋ยวตบเสียนี่" เป็นดูหมิ่นตามมาตรา 393
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลดโทษจำเลยเยาวชนตามมาตรา 75 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยอายุ 17 ปี ศาลลงโทษตามมาตรา 339 ต้องลดมาตราส่วนโทษกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 คงจำคุก 6 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238-1239/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรวมสำนวนคดีและการรอการลงโทษตามมาตรา 56 ประมวลกฎหมายอาญา กรณีโทษแต่ละสำนวนไม่เกิน 2 ปี
ในกรณีที่ศาลรวมการพิจารณาพิพากษาคดีที่จำเลยคนเดียวกันถูกฟ้องตั้งแต่ 2 สำนวนขึ้นไป คำว่า "ในคดีนั้น" ในตอนต้นของมาตรา 56 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หมายถึงคดีแต่ละสำนวนเป็นรายคดี เมื่อกำหนดโทษจำคุกที่ศาลลงแก่จำเลยในแต่ละสำนวนตามที่ได้ลดโทษให้แล้วไม่เกิน 2 ปี และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษได้ถ้าเห็นเป็นการสมควร
( ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2518 )
( ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2518 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษผู้กระทำผิดซ้ำตาม พ.ร.บ.ฝิ่น พ.ศ.2472 และประมวลกฎหมายอาญา: ศาลเพิ่มโทษได้เฉพาะตามกฎหมายเฉพาะ
มาตรา 68 พระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 เป็นบทเพิ่มโทษซึ่งกฎหมายได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะสำหรับผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติฝิ่นซ้ำอีก หลังจากพ้นโทษในการกระทำผิดครั้งแรกไปยังไม่ครบสามปีแสดงว่าไม่เข็ดหลาบ จึงต้องเพิ่มโทษให้หนักกว่าโทษที่ลงในการกระทำความผิดครั้งแรก และเมื่อศาลได้เพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติฝิ่นแล้ว จะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญาด้วยอันเป็นการเพิ่มโทษจำเลยถึงสองทางหาได้ไม่
การเพิ่มโทษตามมาตรา 68 พระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472แม้จะมิได้บัญญัติให้วางโทษสำหรับการกระทำผิดครั้งหลังที่มีโทษจำคุกและปรับไว้ ศาลก็ชอบที่จะวางโทษทั้งจำทั้งปรับจึงจะต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย
การเพิ่มโทษตามมาตรา 68 พระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472แม้จะมิได้บัญญัติให้วางโทษสำหรับการกระทำผิดครั้งหลังที่มีโทษจำคุกและปรับไว้ ศาลก็ชอบที่จะวางโทษทั้งจำทั้งปรับจึงจะต้องด้วยเจตนารมณ์ของกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและการทำบันทึกจับกุมที่ผิดสถานที่ ไม่ถือเป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162
บันทึกการจับกุมที่มีข้อความอื่นตรงกับความจริง เพียงแต่ลงสถานที่ทำบันทึกผิดจากความจริง ยังไม่ถือว่าจำเลยซึ่งเป็นนายตำรวจผู้ทำบันทึกกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162