คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สุจริต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,168 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการบุกรุก - การครอบครองโดยสุจริต - การละเมิด
โจทก์ร่วมได้ไปศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่กรุงเทพมหานคร มิได้ทำประโยชน์ในที่พิพาท การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เข้าปลูกบ้านและทำกินในที่พิพาทกับบิดาโจทก์ร่วมมาช้านาน เป็นพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เข้าใจโดยสุจริตว่ามีสิทธิที่จะอยู่และทำกินในที่พิพาทต่อไปได้ จึงขาดเจตนาอันเป็นองค์ประกอบความผิดทางอาญา เมื่อศาลฎีกาพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ร่วม และโจทก์ร่วมได้ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ออกจากที่พิพาทแล้วแต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เพิกเฉยเสียไม่ยอมออกจากที่พิพาทก็อาจเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 อยู่ในที่พิพาทโดยละเมิดต่อโจทก์ร่วม หาใช่เป็นความผิดฐานบุกรุกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4163/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับมรดกของคู่สมรสที่การสมรสถูกเพิกถอน: ศาลต้องพิจารณาความสุจริตในการสมรสและอายุความ
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกในฐานะภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกจำเลยให้การต่อสู้ว่าการจดทะเบียนสมรสของโจทก์กับเจ้ามรดกเป็นไปโดยทุจริตและคดีโจทก์ขาดอายุความ ในวันนัดชี้สองสถาน คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันว่า ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาเพิกถอนการสมรสดังกล่าวไปแล้ว แต่ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าโจทก์ทำการสมรสโดยสุจริตหรือไม่ ข้อเท็จจริงส่วนนี้จึงยังไม่ยุติ ซึ่งหากข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ทำการสมรสโดยสุจริตแล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิได้รับมรดกของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1499ส่วนที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยว่าโจทก์กับเจ้ามรดกสมรสกันโดยไม่สุจริต ก็ไม่ปรากฏการวินิจฉัยของศาลฎีกาในข้อนี้แต่อย่างใด ทั้งยังมีประเด็นเรื่องอายุความอีกด้วย ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานกับพิพากษาคดีไป และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงเป็นการไม่ชอบและเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา มีเหตุสมควรต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4141-4142/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้มาซึ่งที่ดินโดยครอบครองปรปักษ์และการจดทะเบียนสิทธิ การซื้อขายโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครอง
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่จำเลยและบริวาร ผู้ร้องเป็นบุตรของจำเลยอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาท ดังนั้นไม่ว่าผู้ร้องจะได้ที่พิพาทมาโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่ แต่เมื่อผู้ร้องยังมิได้มีการจดทะเบียนการได้มาเช่นนั้น ผู้ร้องก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทมาโดยเสียค่าตอบแทนโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วได้ ทั้งกรณีถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนแล้ว เมื่อผู้ร้องไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ร้องมีอำนาจพิเศษที่จะอยู่ในที่พิพาทได้ ถือได้ว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินรุกล้ำสาธารณสมบัติโดยสุจริตและไม่ได้มีเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ถือว่ามีความผิด
บ้านของจำเลยบางส่วนปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเป็นเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางเมตรอยู่แต่เดิมแล้วจำเลยมิได้เป็นผู้ปลูกสร้างเมื่อบิดามารดาจำเลยถึงแก่กรรมบ้านและที่ดินดังกล่าวจึงตกเป็นสิทธิแก่จำเลย โดยจำเลยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด ดังนั้นการที่จำเลยสร้างรั้วสังกะสีปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นทางสาะารณะที่ใช้เดินสู่ชายทะเล เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยเข้าใจว่าที่ดินที่ปลูกบ้านและที่จำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินนั้นเป็นของตนโดยสุจริต จำเลยไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินชายทะเลโดยมีเจตนาทีจะฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินชายทะเลโดยสุจริตและต่อเนื่อง ย่อมไม่ถือว่าเป็นการยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยเจตนาฝ่าฝืนกฎหมาย
บ้านของจำเลยบางส่วนปลูกรุกล้ำเข้าไปในที่ดินชายทะเลอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันเป็นเนื้อที่ประมาณ60 ตารางเมตรอยู่แต่เดิม จำเลยมิได้เป็นผู้ปลูกสร้าง เมื่อบิดามารดาจำเลยถึงแก่กรรมบ้านและที่ดินดังกล่าวตกเป็นสิทธิแก่จำเลยโดยจำเลยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด การที่จำเลยสร้างรั้วสังกะสีปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นทางสาธารณะที่ใช้เดินสู่ชายทะเล เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยเข้าใจว่าที่ดินที่ปลูกบ้านและที่จำเลยล้อมรั้วปิดกั้นทางเดินนั้นเป็นของตนโดยสุจริต จำเลยไม่ได้เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินชายทะเลโดยมีเจตนาที่จะฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นเพื่อปกป้องอาชีพและผลประโยชน์ส่วนตนโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์เขียนข้อความในหนังสือพิมพ์ของโจทก์กล่าวหาส. หรือ น. หรือมัคคุเทศก์ หมายเลข 116 ซึ่งหมายถึงจำเลยว่ามีพฤติการณ์หลอกลวงต้มตุ๋น นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ชอบหาโสเภณี ราคาถูกไปย้อมแมว ว่าเป็นนางแบบ เรียกค่าตัวสูงลิ่ว และชักชวนชาวมาเลเซียมาเปิดซ่องที่หาดใหญ่จำเลยย่อมเข้าใจโดยสุจริตว่า ข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเป็นข้อความที่กล่าวหาจำเลย น่าจะทำความเสื่อมเสียหรือกระทบกระเทือนต่ออาชีพและฐานะของจำเลยซึ่งทำงานเป็นมัคคุเทศก์ การที่จำเลยมีจดหมายไปถึงนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทยให้รับทราบพฤติการณ์ของโจทก์ว่าไม่ให้ความร่วมมือแก่สมาคมดังกล่าวและเป็นคนบ่อนทำลายเศรษฐกิจของชาติ ด้านการท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยงการสมาคมและให้ข่าวแก่โจทก์ เพราะอาจนำบทความไปเผยแพร่เกิดความเสียหายแก่วงการธุรกิจ การท่องเที่ยว ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม และเป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตาม ป.อ. มาตรา 329(1) การกระทำของจำเลย ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 363/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อปกป้องอาชีพและเศรษฐกิจของชาติ ไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
โจทก์เขียนข้อความในหนังสือพิมพ์ของโจทก์กล่าวหา ส. หรือน. หรือมัคคุเทศก์หมายเลข 116 ซึ่งหมายถึงจำเลยว่า มีพฤติการณ์หลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ชอบหาโสเภณีราคาถูกไปย้อมแมวว่าเป็นนางแบบ เรียกค่าตัวสูงลิ่วและชักชวนชาวมาเลเซียมาเปิดซ่องที่หาดใหญ่ จำเลยย่อมเข้าใจโดยสุจริตว่า ข้อความในหนังสือพิมพ์ดังกล่าวเป็นข้อความที่กล่าวหาจำเลย น่าจะทำความเสื่อมเสียหรือกระทบกระเทือนต่ออาชีพและฐานะของจำเลยซึ่งทำงานเป็นมัคคุเทศก์ การที่จำเลยมีจดหมายไปถึงนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ให้รับทราบพฤติการณ์ของโจทก์ว่าไม่ให้ความร่วมมือแก่สมาคมดังกล่าว และเป็นคนบ่อนทำลายเศรษฐกิจของชาติด้านการท่องเที่ยว ควรหลีกเลี่ยงการสมาคมและให้ข่าวแก่โจทก์ เพราะอาจนำบทความไปเผยแพร่เกิดความเสียหายแก่วงการธุรกิจการท่องเที่ยว ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม และเป็นการป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนเช็คโดยสุจริต ผู้สั่งจ่ายไม่สามารถต่อสู้ได้หากไม่ได้กล่าวอ้างถึงการฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมซึ่งมี ดอกเบี้ย เกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าเช็คพิพาทตกไปอยู่ในมือของโจทก์ได้อย่างไรโดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริต การที่จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาอย่างไร ไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะใช้ยันโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905 และมาตรา 916จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การโอนเช็คโดยสุจริต ผู้สั่งจ่ายไม่อาจต่อสู้ได้ และเช็คสมบูรณ์ตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค จำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมซึ่งมีดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าเช็คพิพาทตกไปอยู่ในมือของโจทก์ได้อย่างไร โดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ต้องถือว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริต การที่จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาอย่างไร ไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะใช้ยันโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905,และมาตรา 916 จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้ จำเลยให้การต่อสู้ว่า ลายมือที่ลงปีที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาทจะเป็นลายมือของจำเลยหรือไม่จำเลยไม่รับรองนั้น แม้จะรับฟังได้ว่าจำเลยไม่ได้ลงปีที่สั่งจ่ายในเช็คพิพาท ผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมายคนหนึ่งคนใดทำการโดยสุจริตจะจดวันตามที่ถูกต้องแท้จริงลงก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 989 ดังนั้น เช็คพิพาทจึงเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมายศาลชั้นต้นไม่ต้องกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่สมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ และไม่จำเป็นจะต้องสืบพยานในประเด็นดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3099/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนเช็คโดยสุจริตและการต่อสู้เรื่องการฉ้อฉล จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยานหากไม่ได้กล่าวอ้างเรื่องการคบคิดฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำเช็คเข้าบัญชีแต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็คจำเลยให้การต่อสู้ว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่ผู้มีชื่อเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมซึ่งมี ดอกเบี้ย เกินอัตราตามกฎหมายรวมอยู่ด้วย ไม่ทราบว่าเช็คพิพาทตกไปอยู่ในมือของโจทก์ได้อย่างไรโดยจำเลยมิได้กล่าวอ้างต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาโดยคบคิดกับผู้หนึ่งผู้ใดฉ้อฉลจำเลย ดังนี้ ต้องถือว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาโดยสุจริต การที่จำเลยไม่ทราบว่าโจทก์ได้รับโอนเช็คพิพาทมาอย่างไร ไม่เป็นข้อต่อสู้ที่จำเลยจะใช้ยันโจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 905 และมาตรา 916จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบตามข้อต่อสู้.
of 117