พบผลลัพธ์ทั้งหมด 598 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาสัญญาเช่าซื้อ และสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยของเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับคืน
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ชำระค่าเช่าซื้อบางส่วนให้จำเลยแล้ว ต่อมาโจทก์จำเลยแสดงเจตนาเลิกสัญญากันและเป็นผลให้โจทก์จำเลยกลับคืนสู่ฐานะเดิม ดังนี้ จำเลยจึงต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับไว้ให้โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยของเงินดังกล่าวด้วย โดยคิดตั้งแต่เวลาที่รับเงินนั้นไว้ในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 ประกอบด้วยมาตรา 391
แม้โจทก์จะมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่เวลาที่จำเลยรับเงินไว้แต่เมื่อฎีกาขอดอกเบี้ยมาเพียงนับแต่วันพ้นกำหนดคำบอกกล่าวให้คืนเงินค่าเช่าซื้อเท่านั้น ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ได้เท่าที่ขอ
แม้โจทก์จะมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่เวลาที่จำเลยรับเงินไว้แต่เมื่อฎีกาขอดอกเบี้ยมาเพียงนับแต่วันพ้นกำหนดคำบอกกล่าวให้คืนเงินค่าเช่าซื้อเท่านั้น ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ได้เท่าที่ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 754/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกสัญญาสัญญาเช่าซื้อและการคืนเงินค่าเช่าพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินจากจำเลยและได้ชำระค่าเช่าซื้อบางส่วนให้จำเลยแล้วต่อมาโจทก์จำเลยแสดงเจตนาเลิกสัญญากันและเป็นผลให้โจทก์จำเลยกลับคืนสู่ฐานะเดิม ดังนี้ จำเลยจึงต้องคืนเงินค่าเช่าซื้อที่ได้รับไว้ให้โจทก์รวมทั้งดอกเบี้ยของเงินดังกล่าวด้วยโดยคิดตั้งแต่เวลาที่รับเงินนั้นไว้ในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 ประกอบด้วย มาตรา 391
แม้โจทก์จะมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่เวลาที่จำเลบรับเงินไว้แต่เมื่อโจทก์ฎีกาขอดอกเบี้ยมาเพียงนับแต่วันพ้นกำหนดคำบอกกล่าวให้คืนเงินค่าเช่าซื้อเท่านั้น ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ได้เท่าที่ขอ
แม้โจทก์จะมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่เวลาที่จำเลบรับเงินไว้แต่เมื่อโจทก์ฎีกาขอดอกเบี้ยมาเพียงนับแต่วันพ้นกำหนดคำบอกกล่าวให้คืนเงินค่าเช่าซื้อเท่านั้น ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ได้เท่าที่ขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการเรียกร้องค่าจ้างจากสัญญาจ้างทำของ เริ่มนับแต่วันเลิกสัญญา
จำเลยจ้างโจทก์ซึ่งเป็นทนายความให้ดำเนินคดีให้จำเลย สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ จำเลยผู้ว่าจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 605 เมื่อเลิกจ้างแล้วจำเลยต้องใช้เงินให้โจทก์ตามควรค่าแห่งการงานที่โจทก์ทำ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคสาม สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามมาตรานี้เกิดขึ้นเมื่อเลิกสัญญากัน และมีอายุความ 2 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อมีข้อบกพร่องตามคำพรรณนา ผู้ซื้อเลิกสัญญาและเรียกราคาคืนได้
เช่าซื้อเครื่องสีข้าวซึ่งผู้ขายโฆษณาว่าแยกข้าวได้ที่ 1,2,3ไม่มีปลายข้าวติดกับแกลบเลยและไม่มีกากเด็ดขาด เมื่อปรากฏว่าเครื่องสีข้าวที่ส่งมอบใช้แยกข้าวไม่ได้ตามคำพรรณนาผู้ซื้อเลิกสัญญาได้ เรียกราคาคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาบัญชีเดินสะพัดต่ออายุโดยปริยาย & ดอกเบี้ยทบต้นหลังบอกกล่าวบังคับจำนอง
สัญญาบัญชีเดินสะพัดมีกำหนดเวลา 1 ปี 6 เดือน แต่หลังจากนั้นคู่สัญญายังติดต่อให้บัญชีเดินสะพัดเดินอยู่ถือว่าเลิกกันเมื่อเจ้าหนี้บอกกล่าวบังคับจำนอง เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยทบต้นหลังจากนั้นอีกไม่ได้
คำสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ศาลสั่งในคำพิพากษาได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 แม้โจทก์มิได้มีคำขอมาในฟ้อง
คำสั่งให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ศาลสั่งในคำพิพากษาได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 167 แม้โจทก์มิได้มีคำขอมาในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 292/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เลิกสัญญาซื้อขายไม้: เมื่อสัญญาเป็นโมฆะ ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าไม้ได้
ในคดีก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นฟ้องโจทก์ขอให้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตามเอกสารหมาย จ.3 ซึ่งทำกันไว้คือให้โจทก์ชำระหนี้ค่าไม้เป็นเงิน 58,000 บาทแก่จำเลย พร้อมกับมารับโอนกรรมสิทธิ์ไม้ตามสัญญา ศาลฎีกาพิพากษาในคดีนั้นว่า สัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งโจทก์จำเลยมีสิทธิ (ให้อีกฝ่าย) ปฏิบัติการชำระหนี้ แต่จำเลยในฐานะลูกหนี้ไม่ชำระหนี้คือไม่ส่งมอบไม้ทั้งหมดแก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ภายในเวลาอันควร จนเป็นเหตุให้ไม้เสื่อมคุณภาพใช้ประโยชน์ไม่ได้การชำระหนี้จึงกลายเป็นไร้ประโยชน์แก่โจทก์ โจทก์ได้แสดงเจตนาบอกปัดไม่รับมอบไม้ทั้งหมดจากจำเลย ถือว่าเป็นการได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาต่อจำเลย ซึ่งจำเลยก็ได้ทราบแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับโจทก์ให้รับไม้และให้ชำระเงินแก่จำเลยได้ พิพากษายกฟ้องจำเลย โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจนบัดนี้โจทก์ยังไม่ได้รับไม้จากจำเลยตามสัญญาเพราะไม้ผุเน่าไปหมด จำเลยจึงต้องชำระหนี้ตามสัญญาโดยชำระเป็นเงินค่าไม้แทนคิดเป็นเงิน 203,250 บาท ขอให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ดังนี้ เมื่อโจทก์ซึ่งเคยเป็นจำเลยในคดีก่อนได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาต่อจำเลยแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้วคู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม กล่าวคือ เมื่อก่อนทำสัญญาอยู่ในฐานะอย่างไร ก็ให้คู่สัญญากลับไปอยู่ในฐานะอย่างนั้นประดุจว่าไม่เคยมีนิติกรรมเกิดขึ้นในระหว่างคู่กรณีเนื่องจากโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาก่อนที่จะได้มีการชำระหนี้ต่อกันฉะนั้น จึงไม่มีสิ่งใดที่จะต้องคืนต่อกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระเงินค่าไม้แทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเรียกร้องค่าเสียหายกรณีเครื่องดูดขี้กบถูกไฟไหม้หลังคดีเลิกสัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์กลับคืนเจ้าของเดิม
คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วน คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่ สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริง แต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่าสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันโจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม กรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิมโจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรม สิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของหรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่าสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกันโจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิม กรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิมโจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรม สิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของหรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกค่าเสียหายกรณีเครื่องดูดขี้กบถูกไฟไหม้หลังคดีเลิกสัญญาซื้อขาย กรรมสิทธิ์กลับคืนเจ้าของเดิม
คดีเดิม จำเลยฟ้องโจทก์ว่าผิดสัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบขอให้คืนเงินราคาของที่ซื้อโจทก์ต่อสู้ว่าไม่ผิดสัญญาส่วนคดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ราคาค่าเครื่องดูดขี้กบของโจทก์ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องคืนให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่สามารถคืนให้ได้เพราะไฟไหม้เสียแล้วดังนี้ แม้โจทก์จำเลยในคดีทั้งสองนี้จะเป็นคู่ความเดียวกันก็จริงแต่ประเด็นที่ได้วินิจฉัยในคดีทั้งสองอาศัยเหตุต่างกันจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่า สัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกัน โจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ หรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยไว้แล้วในคดีเดิมว่า สัญญาซื้อขายเครื่องดูดขี้กบระหว่างโจทก์จำเลยได้เลิกกัน โจทก์และจำเลยก็ย่อมกลับคืนสู่ฐานะเดิมกรรมสิทธิ์ในเครื่องดูดขี้กบก็กลับมาเป็นของโจทก์ตามเดิม โจทก์ชอบที่จะติดตามเอาได้ในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ในฐานะพ่อค้าฟ้องเรียกเอาค่าที่ได้ส่งมอบของ หรือฟ้องเรียกคืนฐานลาภมิควรได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายไม่ถือว่ามีสาระสำคัญ หากไม่ระบุเงื่อนไขการเลิกสัญญาชัดเจน และการบอกกล่าวเป็นหน้าที่ก่อนเลิกสัญญา
โจทก์ซื้อที่ดินและตึกแถวซึ่งแบ่งแยกโฉนดเป็นแปลง ๆ แล้วจากจำเลย เพื่อขายเอากำไร โจทก์ขายที่ดินและตึกแถวตามสัญญาไป 12 ห้อง 12 โฉนด โดยโจทก์ติดต่อจำเลยให้ทำใบมอบอำนาจให้โจทก์ไปโอนขายแก่ผู้ซื้อเป็นคราวๆ ไป และโจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยเป็นรายห้องตามที่ขายได้แล้วดังนี้ เห็นได้ว่าแม้สัญญาจะได้กำหนดจำนวนห้องที่ซื้อขายและวันชำระเงินที่เหลือครั้งสุดท้ายระบุเป็นวันโอนโฉนดด้วยก็ดี แต่โจทก์จำเลยก็มิได้มีเจตนาถือจำนวนห้อง กำหนดเวลาชำระเงินที่เหลือและวันโอนโฉนดเป็นสารสำคัญ เพราะสัญญามิได้ระบุชัดแจ้งว่าหากผู้ซื้อผิดนัดไม่นำเงินที่เหลือมาชำระแก่ผู้ขายตามกำหนด และผู้ขายไม่มาโอนโฉนดในวันชำระเงินดังกล่าวแล้ว สัญญาเป็นอันเลิกกันทันที และเมื่อทำสัญญากันแล้ว โจทก์ยังมีสิทธิที่จะเอาตึกแถวไปแบ่งขายและโอนโฉนดได้ก่อนเป็นห้องๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเลยยอมปฏิบัติไปตามสัญญาส่วนหนึ่งแล้ว จำนวนเงินคงเหลือที่จะชำระหนี้ครั้งสุดท้ายจึงไม่แน่นอน ชอบที่จะคิดเงินกันก่อน วัตถุที่ประสงค์แห่งสัญญาว่าโดยสภาพหรือโดยเจตนาที่คู่สัญญาแสดงไว้มิใช่ว่าจะเป็นผลสำเร็จได้ก็แต่ด้วยการชำระหนี้ ณ เวลาที่กำหนด หรือภายในระยะเวลาวันใดวันหนึ่งซึ่งกำหนดไว้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 388 สัญญาจะซื้อขายรายนี้จึงต้องบังคับตามมาตรา 387 กล่าวคือ โจทก์ต้องบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ภายในระยะเวลาพอสมควรก่อน หากจำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงจะบอกเลิกสัญญาได้ แต่โจทก์มิได้ปฏิบัติเช่นนั้น จึงไม่มีสิทธิที่จะบอกเลิกสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1536/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าและสถานีบริการ: สิทธิเลิกสัญญา, ข้อตกลงพิเศษ, และการลดเบี้ยปรับ
สัญญาเช่าที่ดินจดทะเบียนกำหนด 15 ปี แต่ระบุไว้ว่าผู้เช่าเลิกสัญญาได้โดยบอกกล่าวล่วงหน้า 30 วัน ผู้เช่าบอกเลิกก่อน 15 ปีได้
สัญญาดำเนินการสถานีบริการระบุว่าผู้ดำเนินการต้องเก็บและใช้สินค้าน้ำมันที่ซื้อจากบริษัทโดยตรงเท่านั้น ถ้าฝ่าฝืนบริษัทบอกเลิกสัญญาได้ ดังนี้ ผู้ดำเนินการซื้อน้ำมันจากผู้อื่น แม้เป็นน้ำมันของบริษัทบริษัทก็บอกเลิกสัญญาได้
เบี้ยปรับกำหนดไว้วันละ 2,000 บาท ศาลลดลงให้เสียเพียงวันละ 100 บาทได้
สัญญาดำเนินการสถานีบริการระบุว่าผู้ดำเนินการต้องเก็บและใช้สินค้าน้ำมันที่ซื้อจากบริษัทโดยตรงเท่านั้น ถ้าฝ่าฝืนบริษัทบอกเลิกสัญญาได้ ดังนี้ ผู้ดำเนินการซื้อน้ำมันจากผู้อื่น แม้เป็นน้ำมันของบริษัทบริษัทก็บอกเลิกสัญญาได้
เบี้ยปรับกำหนดไว้วันละ 2,000 บาท ศาลลดลงให้เสียเพียงวันละ 100 บาทได้