คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุสุดวิสัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ศาลมีอำนาจขยายเวลาได้ แม้ไม่มีคำร้อง
'เหตุสุดวิสัย' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา23 หมายถึงเหตุที่ทำให้ศาลไม่สามารถมีคำสั่งให้ขยายระยะเวลาหรือคู่ความมีคำขอเช่นนั้นขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายให้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดอย่างหนึ่งได้มิได้หมายถึงว่า'พฤติการณ์พิเศษที่ทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาไม่อาจกระทำได้ภายในกำหนดนั้นต้องเป็นเหตุสุดวิสัยเหตุสุดวิสัยตามมาตรา 23 จึงไม่จำต้องเป็นเหตุอันเกิดจากภัยธรรมชาติซึ่งไม่มีใครอาจป้องกันได้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 8 หากมีพฤติการณ์นอกเหนือที่ศาลไม่อาจมีคำสั่งขยายเวลาให้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ในการดำเนินกระบวนพิจารณาย่อมนับได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยการสั่งขยายเวลาศาลมีอำนาจสั่งเองได้ โดยคู่ความไม่ต้องร้องขอ
ระยะเวลา 14 วันที่กำหนดให้ลูกหนี้ของบุคคลผู้ล้มละลายปฏิเสธหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 119 นั้นศาลอาจสั่งขยายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 และการที่เจ้าหนี้ปฏิเสธหนี้ส่งทางไปรษณีย์ถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ช้าไป 1 วันนั้น ก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะสั่งขยายเมื่อพ้นกำหนดเวลาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 825/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างและผู้รับขนคนโดยสาร กรณีเหตุสุดวิสัยและการประมาทเลินเล่อ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าของรถ และจัดรถนั้นรับคนโดยสารนำเที่ยว เก็บค่าโดยสารคนละ 55 บาท และโจทก์เป็นผู้โดยสาร แสดงให้เห็นถึงสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยมีหน้าที่เป็นผู้รับขนคนโดยสารแล้ว
เมื่อรถที่ลูกจ้างขับไปชนรถอื่นเพราะเหตุสุดวิสัย นายจ้างไม่ต้องรับผิดทั้งในฐานะนายจ้างและในฐานผู้รับขนคนโดยสาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775-776/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่อนุญาตขยายเวลา ยื่นฎีกา เหตุสุดวิสัยไม่ครอบคลุมละเลยหน้าที่ และจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องคัดค้านการยึดทรัพย์
เมื่อเลยกำหนดเวลายื่นฎีกาแล้วจำเลยจึงยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งยืดเวลาให้จำเลยมีโอกาสยื่นฎีกา โดยอ้างว่าทนายจำเลยมอบฉันทะให้ผู้อื่นไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แทน ผู้รับมอบฉันทะนั้นฟังแล้วมิได้แจ้งผลของคำพิพากษาให้ทนายทราบเพราะความเจ็บป่วยพลั้งเผลอหลงลืมทนายจำเลยจึงไม่ทราบผลคำพิพากษา ส่วนจำเลยเองไปต่างจังหวัดและล้มป่วย เพิ่งทุเลาและมาพบกับทนายหลังวันครบกำหนดยื่นฎีกาแล้วพากันไปสืบที่ศาล จึงทราบว่าได้อ่านคำพิพากษาไปจนเลยกำหนดเวลายื่นฎีกาเสียแล้ว ดังนี้ เหตุเท่าที่อ้างนั้นมิใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยอันจะมีคำขอภายหลังสิ้นกำหนดเวลายื่นฎีกาได้ และไม่พึงถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาด้วยศาลย่อมสั่งยกคำร้องได้โดยมิต้องไต่สวนก่อน
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ไปขายทอดตลาด แม้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะรู้ว่าทรัพย์นั้นไม่ใช่ของตน ลูกหนี้ก็ไม่มีหน้าที่ต้องคัดค้านหรือโต้แย้งการนำยึดนั้น ทั้งไม่มีหน้าที่ต้องบอกกล่าวให้เจ้าของทรัพย์นั้นทราบด้วย และเมื่อลูกหนี้นั้นไม่ได้ร่วมกับเจ้าหนี้กระทำการยึดทรัพย์นั้นมาขายทอดตลาดด้วยประการใด ก็จะฟังว่าได้ร่วมกระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ไม่ได้แม้เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นถูกนำมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้และลูกหนี้ก็ยอมรับเอาประโยชน์นั้นด้วย ก็จะถือเป็นเหตุว่าลูกหนี้นั้นได้ร่วมกับเจ้าหนี้กระทำละเมิดต่อเจ้าของทรัพย์ไม่ได้อยู่นั่นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยและการรับผิดในสัญญาเช่า: ลูกหนี้ไม่ต้องรับผิดหากช้างตายจากเหตุสุดวิสัย
(1) ตามหลักกฎหมายนั้น ลูกหนี้จะต้องรับผิดในการชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ก็ต่อเมื่อลูกหนี้ได้กระทำการโดยเจตนาหรือประมาท
(2) แต่ถ้าการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย เพราะเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นโดยเหตุสุดวิสัยลูกหนี้ก็ไม่ต้องรับผิดชอบและย่อมหลุดพ้นจากการชำระหนี้นั้นตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยืมรถและการรับผิดในความเสียหายจากเหตุสุดวิสัย ผู้ยืมไม่ต้องรับผิดหากความเสียหายไม่ได้เกิดจากความผิดของตน
ยืมรถของผู้อื่นไปใช้อย่างปกติ แล้วถูกรถของบุคคลภายนอกชนเสียหาย โดยไม่ใช่ความผิดของฝ่ายผู้ยืม ผู้ยืมก็ไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 42/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่เมื่อจำเลยขาดนัดโดยมีเหตุสุดวิสัยและยื่นคำขอภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด
ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไปโดยจำเลยขาดนัด จำเลยร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดและศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาใหม่ คำสั่งนี้เป็นคำสั่งภายหลังเมื่อศาลพิพากษาแล้ว ฉะนั้น จึงไม่เป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณา โจทก์ย่อมอุทธรณ์ฎีกาได้
การที่จำเลยไปอยู่ต่างประเทศโดยไม่ทราบว่าตนถูกฟ้องและถูกศาลพิพากษาให้แพ้คดี ย่อมถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ จำเลยจึงอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 339/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนกรรมสิทธิ์ไม้หลังตรวจรับ และผลกระทบจากเหตุสุดวิสัย กรณีไฟไหม้
จำเลยตกลงขายไม้ในโรงเลื่อยให้โจทก์ โดยเจ้าหน้าที่ของโจทก์ได้วัดไม้ตีตรากรรมสิทธิ์ ได้ไม่ครบตามสัญญาและชำระราคาแล้วนั้นต้องถือว่ากรรมสิทธิ์ในไม้ได้โอนเป็นของโจทก์แล้ว หากไฟไหม้ไม้นั้นเสียหายไปเพราะเหตุอันจะโทษจำเลยมิได้แล้ว การสูญหรือเสียหายก็ย่อมตกเป็นพับแก่โจทก์
หากมีเงื่อนไขระบุไว้ในสัญญาว่าจำเลยยังต้องรับผิดชอบในไม้ที่ซื้อขายอยู่จนกว่าจะได้ส่งมอบแก่โจทก์ถึงที่ตามที่ได้ตกลงกันไว้อันเป็นการยกเว้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 370 และ 460 แล้วโจทก์ก็ต้องยกข้อความในสัญญาข้อนี้ขึ้นกล่าวเป็นประเด็นในฟ้องให้ชัดแจ้ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1636/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยและการพิสูจน์ความประมาทเลินเล่อในคดีรถยนต์พลิกคว่ำ แม้บรรทุกน้ำหนักเกิน แต่หากเหตุเกิดจากสภาพรถและไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ ก็ไม่ต้องรับผิด
จำเลยขับรถบรรทุกน้ำมันซึ่งมีผู้เสียหายขออาศัยโดยสารมาด้วย ระหว่างทางรถตกหลุมแหนบหักไปค้ำคันส่ง ทำให้รถเฉไปชนหลักกิโลเมตรข้างทางและตะแคงลง ทำให้ผู้เสียหายถึงแก่กรรม อันเป็นเหตุสุดวิสัยนั้น แม้รถจำเลยจะบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราก็ตามแต่เมื่อเหตุที่เกิดขึ้นมิได้เนื่องมาจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยแล้ว จำเลยก็หาต้องรับผิดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุสุดวิสัยและดุลพินิจศาลในการสั่งพิจารณาคดีใหม่
วันนัดสืบพยานจำเลย ทนายโจทก์มาศาลล่าช้ากว่ากำหนดเพียง 1 ชั่วโมงเศษ เนื่องจากรถยนต์ที่ทนายโจทก์เดินทางมาเกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์จากบังคับคดีข้ามศาล: เหตุสุดวิสัยตามมาตรา 10 และการพิจารณาคำร้อง
โจทก์กับผู้ร้องต่างเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาของจำเลยแต่ต่างศาลกัน โจทก์ฟ้องและชนะคดีที่ศาลจังหวัดอุดรธานี แล้วบังคับคดียึดทรัพย์ จำเลยซึ่งมีอยู่ในเขตศาลจังหวัดราชบุรี ผู้ร้องฟ้องและชนะคดีที่ศาลจังหวัดราชบุรี เมื่อปรากฏว่าศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี เมื่อวันสุดท้ายแห่งการขอเฉลี่ยตามสำนวนที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ปรากฏว่า จากวันฟ้องถึงวันที่ศาลพิพากษาก็เป็นเวลาสองเดือน กับสองวัน เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ผู้ร้องไม่มีเวลาพอที่จะไปยื่นคำร้องที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ดังนี้ ผู้ร้องก็ชอบก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอเฉลี่ย ต่อศาลจังหวัดราชบุรีในกรณีเหตุฉุกเฉินตามมาตรา 10 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ศาลสั่งยกคำร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่ได้ยื่นต่อศาลจังหวัดอุดรธานีที่พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งให้รับคำร้องขอเฉลี่ยไว้พิจารณาต่อไป นั้น กรณียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งผู้ร้องยังโต้แย้งคำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรีไม่ยอมรับคำร้องของผู้ร้องยังหาได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ย โดยเหตุที่ยื่นไม่ทันกำหนดแต่ประการใดไม่ เรื่องจึงยังไม่ต้องด้วยมาตรา 291 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบัญญัติให้ขอจากเงินเหลือจ่าย
of 52