คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องร้อง, สัญญาเงินกู้, หลักฐานการกู้ยืม, คำฟ้องไม่เคลือบคลุม, การตั้งประเด็นวินิจฉัยของศาล
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้ จำเลยให้การว่า สัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องจะใช่สัญญากู้เงินที่จำเลยลงลายมือชื่อไว้หรือไม่ จำเลยไม่อาจให้การได้โดยชัดแจ้งและฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ดังนี้ ตามคำให้การของจำเลยหมายความว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความฟ้องเรียกเงินกู้ตามคำฟ้องของโจทก์นั่นเอง ปัญหาเรื่องอายุความจึงเป็นประเด็นในคดี เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นเรื่องอายุความและได้ยื่นคำแถลงคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องดังกล่าวไว้ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา การที่ศาลชั้นต้นมิได้ตั้งประเด็นเรื่องอายุความ และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยเรื่องอายุความจึงเป็นการไม่ชอบ
โจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินและรับเงินไปจากโจทก์แต่ละครั้งเมื่อใดถึงกำหนดชำระคืนเมื่อใด จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินคืน จึงฟ้องเรียกเงินกู้คืนพร้อมดอกเบี้ยคำฟ้องของโจทก์จึงแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง การที่โจทก์ไม่ได้แนบสัญญากู้หรือสำเนาสัญญากู้มาพร้อมกับฟ้อง ไม่ทำให้ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653วรรคแรก บังคับแต่เพียงว่าการกู้ยืมเงินกว่าห้าสิบบาทขึ้นไปถ้าไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่เท่านั้นมิได้บังคับว่าจะต้องแนบสัญญากู้หรือหลักฐานการกู้เงินมาพร้อมกับคำฟ้องด้วยจึงจะฟ้องร้องได้ ทั้งไม่มีกฎหมายบทใดบังคับไว้เช่นนั้นด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเบิกความเท็จไม่ชอบ เหตุคำฟ้องไม่ระบุรายละเอียดข้อกล่าวหาและข้อความเท็จในคดีก่อน
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จ ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์แม้ระบุเลขคดีและชื่อคู่ความของคดีที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จ แต่ไม่ได้ระบุว่าคดีดังกล่าวมีข้อกล่าวหากันอย่างไร และข้อความที่อ้างว่าเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร อันเป็นเหตุให้โจทก์ถูกศาลลงโทษ จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีไม่ชอบด้วยป.วิ.อ. มาตรา 158(5).(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ระบุฐานละเมิด รายละเอียดความสัมพันธ์ไม่จำเป็นในคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลยได้จอดรถยนต์ซึ่งมีสินค้าร่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในบริเวณโรงแรม จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลทรัพย์สินของโจทก์ ต่อมารถยนต์ของโจทก์ถูกงัดและร่มในรถยนต์หายไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แม้โจทก์จะระบุในช่องข้อหาหรือฐานความผิดมาเป็นเรื่องละเมิด ก็ไม่ทำให้สาระในคำฟ้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์ระหว่างโจทก์กับผู้เข้ามาพักในโรงแรมของจำเลยก็เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่ จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6105/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ระบุข้อหาละเมิด และรายละเอียดความสัมพันธ์ไม่จำเป็นในคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าห้องพักในโรงแรมของจำเลยได้จอดรถยนต์ซึ่งมีสินค้าร่มชนิดต่าง ๆ ไว้ในบริเวณโรงแรม จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลทรัพย์สินของโจทก์ ต่อมารถยนต์ของโจทก์ถูกงัดและร่มในรถยนต์หายไป ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย คำฟ้องดังกล่าวได้บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองแม้โจทก์จะระบุในช่องข้อหาหรือฐานความผิดมาเป็นเรื่องละเมิดก็ไม่ทำให้สาระในคำฟ้องเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์กับผู้เข้ามาพักในโรงแรมของจำเลยก็เป็นเพียงรายละเอียดที่ไม่จำต้องบรรยายมาในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5217/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดฐานเรียกค่าไถ่ แม้ไม่ปรากฏในคำฟ้อง ศาลมีอำนาจลงโทษตามบทมาตราที่ถูกต้องได้
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานจับคนไปเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313ทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำการเป็นคนกลางเรียกทรัพย์สินอันมิควรได้จากผู้ที่จะให้ค่าไถ่ อันเป็นความผิดตามมาตรา 315ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 315 ได้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5140/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม ผู้ครอบครองเช็คโดยชอบมีสิทธิเรียกร้องเงินตามเช็คได้
คำบรรยายคำฟ้องที่ว่า จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมีโจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์จำเลยประมูลแชร์ได้เป็นคนแรก แล้วออกเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในขณะนั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ ลูกวงแชร์ที่ได้รับโอนเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้จึงโอนเช็คที่พิพาทกลับไปให้โจทก์ โจทก์ในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ลูกวงแชร์เหล่านั้น โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบนั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่ได้กล่าวสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหา และต่อสู้คดีได้พอสมควรแล้ว ทั้งจำเลยก็ให้การเกี่ยวกับการเล่นแชร์และการสั่งจ่ายเช็คพิพาทได้เนื้อถ้อยกระทง ความดี แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาต่อสู้คดีได้มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในเวลานั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คพิพาททั้งหมดกลับไปให้โจทก์ และรับชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจากโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5140/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุม ผู้ครอบครองเช็คมีสิทธิเรียกร้องได้ แม้เช็คถูกปฏิเสธ
คำบรรยายคำฟ้องที่ว่า จำเลยเล่นแชร์ซึ่งมีโจทก์เป็นหัวหน้าวงแชร์ จำเลยประมูลแชร์ได้เป็นคนแรก แล้วออกเช็คพิพาทให้โจทก์ไว้เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในขณะนั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ ลูกวงแชร์ที่ได้รับโอนเช็คพิพาทเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จึงโอนเช็คพิพาทกลับไปให้โจทก์ โจทก์ในฐานะหัวหน้าวงแชร์ต้องชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่ลูกวงแชร์เหล่านั้น โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบนั้น เป็นคำบรรยายฟ้องที่ได้กล่าวสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเพียงพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้พอสมควรแล้วทั้งจำเลยก็ให้การเกี่ยวกับการเล่นแชร์ และการสั่งจ่ายเช็คพิพาทได้เนื้อถ้อยกระทงความดี แสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหา ต่อสู้คดีได้มิได้หลงต่อสู้แต่อย่างใด คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยออกเช็คพิพาทซึ่งเป็นเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ แล้วมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าแชร์แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ยังไม่ได้ในเวลานั้น ต่อมาโจทก์โอนเช็คพิพาทชำระหนี้ค่าแชร์ให้แก่ลูกวงแชร์ที่ประมูลแชร์ได้ แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ลูกวงแชร์ดังกล่าวจึงโอนเช็คพิพาททั้งหมดกลับไปให้โจทก์ และรับชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งห้าฉบับจากโจทก์ซึ่งเป็นหัวหน้าวงแชร์ โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็คพิพาทจึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4947/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดทำร้ายร่างกาย และความแตกต่างในสาระสำคัญระหว่างคำฟ้องกับข้อเท็จจริง
การที่จำเลยเพียงแต่ร้องบอกว่า "เอามันให้ตายเลย" แล้วพวกของจำเลยได้ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายนั้น เป็นการที่จำเลยก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาจึงแตกต่างกับคำฟ้องในสาระสำคัญอย่างมากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง จะลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดไม่ได้ แต่การที่จำเลยร้องบอกดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ศาลมีอำนาจลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ผู้เสียหายได้รับบาดแผลฟกช้ำที่ใบหน้าด้านซ้ายเพียงแห่งเดียวแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 7 วัน ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ผู้กระทำความผิดคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำเลยเป็นผู้สนับสนุนความผิดดังกล่าวอันเป็นความผิดลหุโทษ จึงไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 106

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินคำขอในคดีแรงงาน ศาลต้องยึดตามจำนวนที่ระบุในคำฟ้อง
แม้ศาลแรงงานจะฟังว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 64,285.71 บาทก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวเพียง 56,000 บาท ดังนั้นการที่ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินนั้นแก่โจทก์ 64,285.71 บาทโดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแต่อย่างใด จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 52

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำขอท้ายฟ้อง: ศาลแรงงานพิพากษาเกินกว่าที่ฟ้องได้
แม้ศาลแรงงานจะฟังว่าจำเลยต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 64,285.71 บาทก็ตาม แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องและมีคำขอท้ายฟ้องให้จำเลยจ่ายเงินดังกล่าวเพียง 56,000 บาท ดังนั้นการที่ศาลแรงงานพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินนั้นแก่โจทก์ 64,285.71 บาท โดยไม่ได้อ้างเหตุอันสมควรเพื่อความเป็นธรรมแต่อย่างใด จึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้องไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน ฯ มาตรา 52.
of 89