พบผลลัพธ์ทั้งหมด 948 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 145/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองครอบคลุมหนี้ทั้งปัญญาเดิมและปัญญาใหม่ สัญญาจำนองย่อมเป็นประกันหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง
จ.ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคาร ท. สาขาชลบุรีโดยจำนองที่ดินเป็นประกัน และทำสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองว่าทรัพย์ที่จำนองเพื่อเป็นประกันหนี้เบิกเงินเกินบัญชี หนี้เงินกู้และหนี้สินอื่นใดบรรดาที่ จ. เป็นหนี้ธนาคาร ท. อยู่แล้วในขณะทำสัญญาและหนี้ต่อไปภายหน้า ต่อมา จ. ทำสัญญากู้เงินธนาคารท.สาขาศรีราชาอีก ซึ่งหนี้ที่เกิดขึ้นตามสัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าวล้วนแต่จ. เป็นหนี้ธนาคาร ท. ทั้งสิ้น เมื่อหนี้ตามสัญญากู้เงินเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง การจำนองดังกล่าวจึงเป็นประกันหนี้ตามสัญญากู้เงินด้วย ธนาคาร ท. จึงชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์ที่ จ. จำนองชำระหนี้ตนทั้งสิ้นก่อนเจ้าหนี้อื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองโดยสุจริต: สิทธิบังคับจำนองสมบูรณ์ แม้มีผู้อ้างกรรมสิทธิ์ร่วม
จำเลยเป็นผู้มีชื่อในโฉนดแต่เพียงผู้เดียว ตามคำร้องของผู้ร้องที่อ้างว่าได้จดทะเบียนที่ดินให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์แทนนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกรู้เห็นด้วย ทั้งคำร้องมิได้กล่าวว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ต้องถือว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริต เมื่อโจทก์เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตนิติกรรมจำนองระหว่าง โจทก์จำเลย จึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้ ผู้ร้องจะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินจากการบังคับจำนองหาได้ไม่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ไต่สวน จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1299/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองสุจริตของผู้รับจำนองเหนือสิทธิของเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง การบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยเป็นผู้มีชื่อในโฉนดแต่เพียงผู้เดียว ตามคำร้องของผู้ร้องที่อ้างว่าได้จดทะเบียนที่ดินให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์แทนนั้น เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับจำเลย ไม่ปรากฏว่าโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกรู้เห็นด้วย ทั้งคำร้องมิได้กล่าวว่าโจทก์กระทำการโดยไม่สุจริต ต้องถือว่าโจทก์รับจำนองไว้โดยสุจริต เมื่อโจทก์เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตนิติกรรมจำนองระหว่าง โจทก์จำเลย จึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายโจทก์มีสิทธิบังคับจำนองได้ ผู้ร้องจะขอกันส่วนของตนจากเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินจากการบังคับจำนองหาได้ไม่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของผู้ร้องโดยไม่ไต่สวน จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการคิดดอกเบี้ยหลังบอกเลิกสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี
ศาลให้โอกาสจำเลยเลื่อนสืบ ส. พยานจำเลยปากสุดท้ายมา 2 นัด นัดแรกที่ขอเลื่อนจำเลยแถลงรับรองว่าถ้าไม่ได้พยานปากนี้มาสืบก็ให้ศาลตัดพยานปากนี้ได้ ถึงวันนัด ส.ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นให้โอกาสจำเลยเลื่อนสืบพยานปากนี้ต่อไปอีกในนัดที่สามจำเลยบอก ส.ว่าไม่ต้องมาเบิกความที่ศาลโดยอ้างว่ากำลังเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับโจทก์ ก็ปรากฏว่า การลดดอกเบี้ยนี้ต้องให้กรรมการของโจทก์พิจารณาเสียก่อน และมีผลเพียง 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะไม่นำพยานมาสืบ และมีพฤติการณ์ส่อไปในทางที่จะประวิงคดี ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไปได้
จำเลยมีหนังสือนัดหมายโจทก์ไปทำการไถ่ถอนจำนองและรับชำระหนี้จากจำเลยที่สำนักงานที่ดิน โดยจำเลยจะขอชำระหนี้ให้โจทก์เพียงบางส่วน ไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่จะต้องชำระให้โจทก์ โจทก์ย่อมปฏิเสธที่จะไม่รับชำระหนี้ดังกล่าวได้ การที่โจทก์ไม่รับชำระหนี้และไปไถ่ถอนจำนองให้ จะถือว่าโจทก์ผิดนัดไม่ได้
จำเลยมีหนังสือนัดหมายโจทก์ไปทำการไถ่ถอนจำนองและรับชำระหนี้จากจำเลยที่สำนักงานที่ดิน โดยจำเลยจะขอชำระหนี้ให้โจทก์เพียงบางส่วน ไม่ครบถ้วนตามจำนวนที่จะต้องชำระให้โจทก์ โจทก์ย่อมปฏิเสธที่จะไม่รับชำระหนี้ดังกล่าวได้ การที่โจทก์ไม่รับชำระหนี้และไปไถ่ถอนจำนองให้ จะถือว่าโจทก์ผิดนัดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายและจำนองที่ดินบางส่วน สิทธิในที่ดินพิพาท และการคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่ง ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ ดังนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและจำนอง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลย
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ขอให้ห้ามจำเลยที่ 1 จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่ 1 รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่ 1 ทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่ 1รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่ 1 กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ดังนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่ 1 ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่ 1 ต่อไป ศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3361/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและจำนอง หลังศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาเดิม คำสั่งคุ้มครองประโยชน์เดิมจึงสิ้นสุด
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ยกฟ้องโจทก์ที่ฟ้องจำเลยให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายและการจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเฉพาะส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ขอให้ห้ามจำเลยที่1จำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสองแปลงพร้อมทั้งสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินและห้ามจำเลยที่1รื้อถอนทำลายสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวศาลอุทธรณ์สั่งห้ามจำเลยที่1ทำนิติกรรมใดๆเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์เว้นแต่นิติกรรมไถ่ถอนจำนองและห้ามจำเลยที่1รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินพิพาทด้วยจำเลยที่1ฎีกาคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนขายที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์และจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงร่วมกับจำเลยที่1กับเพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจำนองระหว่างจำเลยที่1ที่2ที่เกี่ยวกับที่ดินส่วนที่เป็นของโจทก์ดังนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงไม่จำเป็นแก่คดีและที่จำเลยที่1ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของจำเลยที่1ต่อไปศาลฎีกาย่อมพิพากษายกฎีกาจำเลยที่1.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2794/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนองเกินวงเงิน: สิทธิบังคับจำนองสงวนเฉพาะวงเงินที่ระบุ แม้มีหนี้อื่นเพิ่ม
จำเลยที่ 1 กู้เงินผู้ร้องไป 260,700 บาท โดยจำนองที่ดินพร้อมด้วยเรือนพิพาทเป็นประกันในวงเงินไม่เกิน 97,700 บาทผู้ร้องฟ้องจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับจำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้หนี้ดังกล่าว และเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินออกขายทอดตลาดได้เงิน 115,000 บาท แต่มิได้ยึดเรือนพิพาท จำเลยที่ 1 ยังคงค้างชำระหนี้ผู้ร้องอยู่อีก 130,000 บาท ดังนี้ ผู้ร้องจะบังคับจำนองเอากับที่ดินและเรือนพิพาทได้ไม่เกิน 97,700 บาท เท่านั้นไม่ว่าจะแยกบังคับหรือบังคับเอาพร้อมกันเมื่อผู้ร้องบังคับจำนองเฉพาะที่ดินได้เงินจำนวน 115,000 บาท เกินจำนวนเงินจำนองที่ระบุไว้ ก็ไม่มีสิทธิจะบังคับจำนองเอากับเรือนพิพาทอีก แม้การจำนองจะคลุมถึงหนี้อื่นเช่นดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมด้วย แต่ผู้ร้องก็ไม่ได้นำสืบว่าหนี้ดังกล่าวมีจำนวนแน่นอนแยกได้จากหนี้สามัญเท่าใด ผู้ร้องจึงไม่อาจอาศัยอำนาจแห่งการจำนองนั้นขอรับชำระหนี้จากการขายทอดตลาดเรือนพิพาทก่อนเจ้าหนี้อื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2676/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาต่อบุคคลภายนอก: กรณีจำนองที่ดิน
โจทก์ของจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาตามยอมที่ถึงที่สุดแล้วเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งแก่โจทก์ว่าโอนที่ดินให้ไม่ได้เพราะจำเลยจำนองที่ดินดังกล่าวไว้แก่ธนาคารและธนาคารไม่ยอมส่งโฉนดคู่ฉบับมาให้ดังนี้เจ้าพนักานที่ดินเป็นบุคคลภายนอกและกรณีไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่ให้คำพิพากษามีผลผูกพันบุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145ศาลจึงไม่อาจสั่งบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ตามที่โจทก์ประสงค์ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้จำนองแทนกัน การคืนเงินที่เสียไป และลาภมิควรได้
คดีเดิมศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์ไม่มีอำนาจชำระหนี้จำนองเป็นหน้าที่ของจำเลยจะนำเงินไปชำระแก่ผู้รับจำนองคำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความการที่โจทก์ชำระหนี้จำนองโดยตนมิได้เป็นหนี้และมิได้มีเจตนากระทำแทนจำเลยจึงไม่ทำให้โจทก์ได้รับช่วงสิทธิจากผู้รับจำนองแต่ทำให้ที่พิพาทของจำเลยปลอดจากภาระจำนองเป็นประโยชน์แก่จำเลยไม่ต้องชำระหนี้จำนองอีกกรณีเป็นเรื่องที่จำเลยได้ที่พิพาทโดยปลอดภาระจำนองโดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้และเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบจำเลยจึงต้องคืนเงินที่โจทก์ได้เสียไปในการไถ่ถอนจำนองแก่โจทก์ฐานลาภมิควรได้พร้อมดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันครบกำหนดตามหนังสือทวงถาม.