พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การลงโทษจำเลยในคดีจำหน่ายยาเสพติด ศาลอุทธรณ์แก้โทษเหลือกระทงเดียว ฎีกาไม่รับเนื่องจากเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
                        
                        ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทง ฐานมีเฮโรอีน จำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงเดียว จำคุก 5 ปี จึงเป็นการพิพากษายืนในความผิดกระทงนี้ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2664/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติด โดยพิจารณาจากคำฟ้องเดิมและข้อเท็จจริงที่ได้ความ
                        
                        โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจมีไว้ซึ่งยาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์เพื่อจำหน่าย น้ำหนัก 0.11 กรัมราคา 3 บาท 30 สตางค์  และจำเลยได้บังอาจจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษดังกล่าวให้กับผู้มีชื่อ  ดังนี้ ตามคำบรรยายฟ้องมีความหมายชัดแจ้ง แสดงว่าจำเลยมีเฮโรอีน 0.11 กรัมแล้วจำหน่ายไปทั้งหมด ไม่มีเหลืออยู่ที่จำเลยอีก  แม้จะได้ความตามทางพิจารณาว่า หลังจากจำเลยจำหน่ายเฮโรอีนไป 1 หลอดแล้ว ยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ที่จำเลยอีก 2 หลอด  ก็เป็นกรณีที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องจะนำข้อเท็จจริงที่ได้ความนอกเหนือจากคำฟ้องมาวินิจฉัยให้เป็นโทษแก่จำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายมิได้  คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะข้อหาฐานจำหน่ายเฮโรอีนเท่านั้น
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1844/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: ไม่ปรับบทลงโทษซ้ำซ้อน
                        
                        มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองและเพื่อจำหน่ายเป็นจำนวนเดียวกันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา20 ทวิฉบับที่ 4 พ.ศ.2504 มาตรา 6 อันเป็นบทเฉพาะแล้ว  ไม่ต้องปรับบทลงโทษตาม มาตรา 20 ตรี ฉบับที่ 4 มาตรา 7 อีก
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายยาเสพติด: การพิจารณาความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายกับการจำหน่ายไปแล้ว
                        
                        โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง และจำเลยบังอาจจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อโดยมิได้รับอนุญาต  เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าร้อยตำรวจโทส.วางแผนให้สิบตำรวจตรีอ. และนายอ. เข้าไปซื้อเฮโรอีนจากจำเลย จำเลยนำเฮโรอีนมาส่งมอบและรับเงินก็เข้าจับกุมจำเลยได้ในทันทีทันใดนั้น  จำเลยคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20ทวิ  ไม่ผิดตามมาตรา 20ตรี ด้วย เพราะเฮโรอีนที่จำเลยมีนั้นจำเลยได้จำหน่ายไปทั้งหมดแล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ความผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติดเป็นคนละกรรม ต้องเรียงกระทงลงโทษตามกฎหมาย
                        
                        การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย  และได้ขายไปจำนวน 2 ห่อเล็ก  กับจับได้ที่จำเลยอีก 23 ห่อเล็กนั้น  เป็นความผิดสองกรรมต่างกันเป็นสองกระทงความผิด ต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
                                    ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยเมื่อคดีขึ้นมาสู่ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1677/2520
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายยาเสพติดเป็นสองกรรมต่างกัน ต้องเรียงกระทงลงโทษตามกฎหมาย แต่ศาลฎีกาไม่เพิ่มโทษเกินคำพิพากษาเดิม
                        
                        การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่าย และได้ขายไปจำนวน 2 ห่อเล็กกับจับได้ที่จำเลยอีก 23 ห่อเล็กนั้นเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเป็นสองกระทงความผิดต้องเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
                                    ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดเพียงกรรมเดียว โจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลย เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดเป็นสองกรรมได้ แต่จะพิพากษาลงโทษให้หนักกว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมาแล้วไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเรียงกระทงความผิดฐานครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด แม้โจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
                        
                        จำเลยมีเฮโรอีนอยู่ในความครอบครองอยู่แล้ว 4 หลอด  ก่อนจำหน่ายเป็นความผิดสำเร็จ  หลังจากจำหน่ายแล้วจำเลยยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ในความครอบครองอีก 2 หลอด  การกระทำของจำเลยแยกได้เป็นสองกระทง  แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมาย  ศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองและฐานจำหน่ายเฮโรอีนได้  และแม้โจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91  ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11  ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514  ข้อ 2  ซึ่งบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกรรมทุกกรรมเป็นกระทงความผิดมาด้วยก็ตาม  ศาลก็มีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2519
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเรียงกระทงความผิดฐานครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด แม้โจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
                        
                        จำเลยมีเฮโรอีนอยู่ในความครอบครองอยู่แล้ว 4 หลอดก่อนจำหน่ายเป็นความผิดสำเร็จ หลังจากจำหน่ายแล้วจำเลยยังมีเฮโรอีนเหลืออยู่ในความครอบครองอีก 2 หลอด การกระทำของจำเลยแยกได้เป็นสองกระทง แต่ละกระทงเป็นความผิดตามกฎหมาย ศาลมีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองและฐานจำหน่ายเฮโรอีนได้และแม้โจทก์มิได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน 2514 ข้อ 2 ซึ่งบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำการอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกรรมทุกกรรมเป็นกระทงความผิดมาด้วยก็ตาม ศาลก็มีอำนาจเรียงกระทงลงโทษจำเลยได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2519
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายยาเสพติดและการมีไว้เพื่อจำหน่าย: ไม่ต้องปรับบทลงโทษซ้ำซ้อน
                        
                        จำเลยขายเฮโรอีน 2 ห่อให้พลตำรวจ  ท. ซึ่งปลอมตัวไปซื้อท. ซื้อไปแล้วได้นำพวกกลับไปจับจำเลยได้เฮโรอีนอีก 24 ห่อ เป็นความผิดอีกกระทงหนึ่งที่จำเลยมีไว้เพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 20ทวิ ซึ่งเป็นบทเฉพาะ ไม่ต้องปรับบทลงโทษฐานมีเฮโรอีนจำนวนเดียวกันนั้นไว้ในความครอบครองตามมาตรา 20 ตรีอีก
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 931/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การแยกความผิดฐานจำหน่ายและมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดเป็นคนละกรรม
                        
                        โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน  โดยมีเฮโรอีนจำนวน 5 ห่อ  หนัก 0.43 กรัมไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย  และขายเฮโรอีน 1 ห่อ   หัก  0.12 กรัม  ที่จำเลยมีไว้นั้นให้ผู้มีชื่อ  จำเลยรับสารภาพ  ปรากฏตามทางพิจารณาว่า  ตำรวจจับผู้ซื้อพร้อมด้วยเฮโรอีน 1 ห่อ  ซึ่งจำเลยขายให้และจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอีนของกลางอีก 4 ห่อ  เห็นได้ว่าการที่จำเลยขายเฮโรอีนแก่ผู้อื่นไป 1 ห่อ  ย่อมเป็นความผิดฐานจำหน่ายเฮโรอีนอีกกรรมหนึ่ง  การที่จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายอีก 4 ห่อ  จนกระทั่งถูกจับได้พร้อมกับเฮโรอีนดังกล่าว  ย่อมเป็นความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งต่างหาก  เพราะเป็นเฮโรอีนคนละจำนวนกัน  ความผิดดังกล่าวจึงแยกออกได้เป็นสองกรรม  แต่ละกรรมเป็นความผิดต่างกระทงกัน