พบผลลัพธ์ทั้งหมด 592 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกา ทำให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากทิ้งฟ้อง
จำเลยยื่นฎีกาไว้ แล้วเพิกเฉยไม่มาติดต่อนำพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์แก้นานเกินกว่ากำหนดเวลาที่ศาลได้กำหนดไว้ ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่มรณะ และผลกระทบต่อข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่เหลือ
จำเลยคนหนึ่งได้มรณะในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ไม่มีผู้ใดยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นคำขอให้ศาลหมายเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยผู้นั้นมรณะ ศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยผู้นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้มรณะจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนข้อพิพาทที่เกี่ยวกับจำเลยอื่น ถ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยุติแล้วนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่มรณะ และผลกระทบต่อข้อพิพาทที่เหลือ
จำเลยคนหนึ่งได้มรณะในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาไม่มีผู้ใดยื่นคำขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะ และไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นคำขอให้ศาลหมายเรียกผู้ใดเข้าเป็นคู่ความแทนที่ผู้มรณะภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยผู้นั้นมรณะศาลฎีกาย่อมมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยผู้นั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 ข้อพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยผู้มรณะจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ส่วนข้อพิพาทที่เกี่ยวกับจำเลยยื่น ถ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ซึ่งยุติแล้วนั้น ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่การวินิจฉัยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเลยดำเนินคดีโดยโจทก์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีจากสารบบความได้
ศาลชั้นต้นสั่งเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องจากวันที่ 28 ตุลาคม 2508 โดยให้นัดไต่สวมมูลฟ้องใหม่ในวันที่ 13 ธันวาคม 2508 อันให้เวลาโจทก์ถึง 46 วัน และศาลก็สั่งให้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบ ถ้าส่งหมายนัดไม่ได้ ก็ให้ปิดหมาย ซึ่งถ้าโจทก์จะยื่นคำร้องขอแก้ไขฟ้อง ก็น่าจะกระทำได้ก่อนกำหนด ไม่ใช่รอให้ถึงวันนัดโดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแล้วมายื่นคำร้องขอแก้ฟ้องเอาในวันนัด เพื่ออาศัยเป็นเหตุที่จะเลื่อนคดีต่อไป เช่นนี้ ย่อมเป็นการละเลยเพิกเฉยในการดำเนินคดี ศาลย่อมสั่งจำหน่ายคดี
โจทก์เสียจากสารบบความได้
โจทก์เสียจากสารบบความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไถ่ถอนการขายฝากผิดนัด นำสู่การหลุดกรรมสิทธิ์ และการจำหน่ายคดี
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝาก และศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยรับไถ่การขายฝาก โดยให้นำเงินสินไถ่มาวางศาลเพื่อชำระแก่จำเลยภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันพิพากษา เมื่อจำเลยฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แต่ต่อมาได้ยื่นคำแถลงว่าโจทก์ผิดนัดไม่นำเงินสินไถ่มาวางศาลภายในกำหนดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ดังนี้ คดีย่อมไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป เพราะทรัพย์ที่ขายฝากหลุดเป็นกรรมสิทธิ์แก่จำเลย โจทก์หมดสิทธิที่จะไถ่ถอนคืนแล้ว ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดี คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาของจำเลย 3 ใน 4 พร้อมด้วยค่าตัดสินและค่าคำบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 498-499/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งจำหน่ายคดีขาดนัด และข้อจำกัดการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายใหม่
บทบัญญัติใน ป.วิ.พ.มาตรา 198 มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ ฉะนั้น ในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วัน ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้ อ้างฎีกาที่ 1464/2495
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779-1780/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีทุเลาและการชำระหนี้จำนองหลังจำหน่ายคดีของผู้ค้ำประกัน
จำเลยเอาที่ดินมาวางเป็นหลักประกันทุเลาการบังคับคดีในระหว่างพิจารณาคดี จำเลยตายไปเกินกว่า 1 ปี ไม่มีผู้ใดขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี คดีเฉพาะตัวจำเลยจึงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งเช่นว่านั้นย่อมใช้บังคับแก่การประกันนั้นได้โดยไม่ต้องฟ้องผู้ค้ำประกันขึ้นใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 274 และอายุความเจ้าหนี้ของเจ้ามรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 จะนำมาใช้แก่กรณีนี้ไม่ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสองให้อำนาจผู้รับจำนองที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด แต่ถ้าไม่ยื่นภายในกำหนดดังกล่าวก็หาทำให้ผู้รับจำนองหมดสิทธิไปไม่ ดังนั้นการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่กระทบถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินที่จำนองได้ ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 วรรคสองให้อำนาจผู้รับจำนองที่จะยื่นคำร้องต่อศาลก่อนเอาทรัพย์สินนั้นออกขายทอดตลาด แต่ถ้าไม่ยื่นภายในกำหนดดังกล่าวก็หาทำให้ผู้รับจำนองหมดสิทธิไปไม่ ดังนั้นการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจึงไม่กระทบถึงบุริมสิทธิของผู้รับจำนองซึ่งอาจร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินที่จำนองได้ ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 667/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำให้การหลังศาลสั่งจำหน่ายคดีบางส่วนและการใช้ดุลพินิจของศาลในการอนุญาต
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 ให้โอกาสแก่โจทก์จำเลยที่จะขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้อง หรือคำให้การได้ก่อนศาลพิพากษา ในเมื่อมีเหตุอันสมควรแต่ถึงแม้จะมีเหตุอันสมควรดังที่โจทก์หรือจำเลยอ้างแล้วกฎหมายยังให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอีกชั้นหนึ่งว่าสมควรจะอนุญาตหรือไม่
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้คดีเสร็จโดยรวดเร็วจึงจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธและนัดตัดสินเนิ่นนานไปถึง 7 วัน เพื่อประสานกับคดีที่ให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ใหม่ ซึ่งถ้าศาลไม่สั่งเช่นนั้น จำเลยที่ 1 ก็จะถูกศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่อาจยื่นคำให้การใหม่ ดังนี้เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ(อ้างนัยฎีกาที่ 555/2501)
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นสอบสวนและชั้นศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าเพื่อให้คดีเสร็จโดยรวดเร็วจึงจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ที่ปฏิเสธและนัดตัดสินเนิ่นนานไปถึง 7 วัน เพื่อประสานกับคดีที่ให้โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ใหม่ ซึ่งถ้าศาลไม่สั่งเช่นนั้น จำเลยที่ 1 ก็จะถูกศาลพิพากษาลงโทษโดยไม่อาจยื่นคำให้การใหม่ ดังนี้เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับความผิดและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ(อ้างนัยฎีกาที่ 555/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อทายาทโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีเกิน 1 ปีหลังมรณะ
คดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โจทก์ได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะเช่นนี้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2 นั้น เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2508)
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 วรรค 2 นั้น เป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้นมิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 18/2508)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1549/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเมื่อทายาทขอเข้าดำเนินคดีแทนโจทก์หลังพ้นกำหนดเวลาตามกฎหมาย
คดีที่อยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล โจทก์ได้มรณะเสียก่อนศาลพิพากษาคดี ทายาทของโจทก์ยื่นคำร้องขอเข้าดำเนินคดีแทนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์มรณะเช่นนี้ ศาลก็ต้องมีคำสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสอง
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสองนั้นเป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2508)
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42 วรรคสองนั้นเป็นที่เห็นได้ชัดว่ากฎหมายประสงค์ให้ศาลจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเท่านั้น มิได้ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจที่จะสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตอย่างใด (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2508)