คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ดุลพินิจ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 923 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1257/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานที่นั่งฟังการเบิกความของพยานก่อนหน้า: ศาลมีอำนาจดุลพินิจ
การที่พยานโจทก์คนที่สองนั่งฟังพยานโจทก์คนแรกเบิกความในห้องพิจารณาคดีนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา114 วรรคสอง ให้เป็นดุลพินิจของศาลที่จะรับฟังคำเบิกความของพยานโจทก์คนที่สองได้หากเห็นว่า คำเบิกความนั้นเป็นที่เชื่อฟังได้หรือมิได้เปลี่ยนแปลงโดยได้ฟังคำเบิกความของพยานคนก่อนหรือไม่สามารถทำให้คำวินิจฉัยชี้ขาดเปลี่ยนแปลงไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1221/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาโต้เถียงดุลพินิจข้อเท็จจริงในคดีเช็ค คดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า เช็คที่โจทก์ฟ้องเป็นเช็คค้ำประกันเงินกู้ จำเลยทั้งสองขาดเจตนาที่จะสั่งจ่ายเช็คโดยไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และธนาคารมิได้ปฏิเสธการจ่ายเงินเพราะว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย ล้วนเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการที่ศาลรับฟังพยานหลักฐาน เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 1จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 87/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจทางปกครอง: การไม่อนุญาตตั้งสถานบริการไม่ขัดรัฐธรรมนูญหากใช้ดุลพินิจชอบธรรมตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 มาตรา 4 และมาตรา 11บัญญัติให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่และปลัดกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจพิจารณาอนุญาตให้ตั้งสถานบริการประเภทสถานอาบน้ำ นวด หรืออบตัวซึ่งมีหญิงบริการแก่ลูกค้าชายหรือไม่ก็ได้ การที่บุคคลดังกล่าวใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ตั้งสถานบริการนวดแผนโบราณโดยยึดถือนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ย่อมเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521 คำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่า พนักงานเจ้าหน้าที่และปลัดกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจพิจารณาไม่อนุญาตโดยไม่สุจริต หรือขัดต่อพยานหลักฐาน หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509ประการใด บุคคลดังกล่าวจึงมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยพิจารณาจากคำฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6125/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจตามพฤติการณ์คดี หากผู้ร้องแสดงเหตุสมควรและประสงค์ดำเนินคดีต่อ
การทิ้งฟ้องที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามป.วิ.พ. มาตรา 132(1) นั้น มิได้บังคับโดยเด็ดขาดว่าจะต้องจำหน่ายคดีเสมอไป บทบัญญัติดังกล่าวให้ศาลใช้ดุลพินิจตามพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่อง ๆ ไป ได้ความว่าเหตุที่ผู้ร้องมิได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในกำหนด เพราะมีเหตุอันสมควร ซึ่งต่อมาผู้ร้องได้แถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ผู้คัดค้านจนผู้คัดค้านได้รับและยื่นคำแก้อุทธรณ์แล้ว แสดงว่าผู้ร้องประสงค์ให้ดำเนินคดีต่อไป จึงไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6067/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการขายทอดตลาด: ศาลมีดุลพินิจไม่จำต้องไต่สวนเสมอไป หากข้ออ้างไม่สมเหตุผล
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปแล้ว จำเลยมาร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขาย โดยมิได้กล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคสอง แต่อย่างใดเพียงแต่อ้างว่าราคาที่ขายทอดตลาดต่ำกว่าความเป็นจริง ศาลชั้นต้นชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยโดยไม่ต้องไต่สวนก่อนได้ บทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 296 วรรคท้าย มิได้บังคับให้ศาลต้องไต่สวนเสียก่อนมีคำสั่งทุกเรื่องไป การจะไต่สวนคำร้องหรือไม่ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาล เมื่อผู้ซื้อทรัพย์ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ซื้อทอดตลาดไปแล้ว โดยที่จำเลยมิได้ขอให้ศาลงดการบังคับไว้ก่อนตามป.วิ.พ. มาตรา 292 จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลเพิกถอนหนังสือที่อนุญาตให้ผู้ซื้อทรัพย์รับโอน หรือทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับทรัพย์ที่ประมูลซื้อทอดตลาดไว้ระหว่างอุทธรณ์ได้ ซึ่งแม้ต่อมาศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดในภายหลัง ก็ไม่ทำให้จำเลยเสียหาย เพราะผู้ซื้อทรัพย์และผู้รับโอนทรัพย์ต่อมาก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์อยู่ดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5983/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งงดบังคับคดี: ดุลพินิจนอกเหนือจาก ป.วิ.พ. มาตรา 293 ได้ หากไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทั้งสองฝ่าย
อำนาจของศาลที่จะมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีมิใช่มีแต่เฉพาะเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอโดยอาศัยเหตุและเงื่อนไขตาม ป.วิ.พ. มาตรา 293 เท่านั้น หากคำร้องของลูกหนี้ ตามคำพิพากษาไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตราดังกล่าว แต่ปรากฏเหตุอื่น ที่เป็นการสมควรและไม่ก่อให้เกิดผลได้เสียแก่เจ้าหนี้และลูกหนี้ตามคำพิพากษายิ่งหย่อนกว่ากัน ศาลก็มีคำสั่งให้งดการบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 292(2) ได้. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1452/2522)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 594/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดบังคับคดี: ราคาเหมาะสมและดุลพินิจเจ้าพนักงานบังคับคดี
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดโดยมิได้โต้แย้งว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ใช้ดุลพินิจในการขายโดยไม่สุจริตอย่างไร กรณีจึงต้องถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดทรัพย์ให้แก่ผู้ประมูลราคาสูงสุดโดยเห็นว่าเป็นราคาที่สมควรแล้ว จำเลยจะรื้อฟื้นขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าเป็นการขายในราคาต่ำหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5308/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดเวลาส่งสำเนาอุทธรณ์และการทิ้งอุทธรณ์: ศาลมีดุลพินิจกำหนดเวลาเหมาะสมได้ แม้ต่ำกว่า 7 วัน
การกำหนดเวลาให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์นั้น เป็นการกำหนดเวลาเกี่ยวกับการดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้เพื่อการนั้น ซึ่งกำหนดเวลาดังกล่าวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลชั้นต้น กฎหมายมิได้จำกัดดุลพินิจของศาลชั้นต้นว่าจะต้องสั่งให้จำเลยส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์เกินกว่า 7 วัน จึงจะเป็นการสมควร เมื่อศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจกำหนดเวลาโดยเหมาะสมแล้ว และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนด จึงเป็นการทิ้งอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยมาตรา 246

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5302/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้เถียงดุลพินิจศาลอุทธรณ์
แม้จำเลยทั้งสามจะฎีกาอ้างเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานผิดไปจากสำนวน และมิได้วินิจฉัยว่าจำเลยคนใดกระทำความผิด เพราะจำเลยทั้งสามนำสืบปฏิเสธว่าไม่ทราบว่ามีไม้ของกลางบรรทุกบนรถยนต์คันเกิดเหตุนั้น แต่ฎีกาจำเลยทั้งสามล้วนเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยทั้งสามไม่เกินคนละห้าปี ต้องห้ามฎีกาตามป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5247/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาแก้ไขคำพิพากษาเรื่องการทำลายของกลาง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากเป็นการโต้เถียงดุลพินิจ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ริบของกลางและให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เฉพาะให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก โจทก์ฎีกาขอให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาล อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 93