คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทำร้ายร่างกาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,834 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นการฆ่าโดยไม่เจตนา
จำเลยใช้ไม้ขนาดหน้า 3 นิ้วฟุต ยาวราว 1 ศอก ไม่ปรากฏความหนาตีผู้ตาย เมื่อผู้ตายล้มลงก็เข้าไปกระทืบซ้ำ และเมื่อจำเลยต้อนผู้ตายไปติดอยู่ที่รถปิกอัพจำเลยก็จับศีรษะผู้ตายโขกกับเสาเหล็กโครงหลังคารถซึ่งเป็นเสากลมกลวงขนาดโตไม่เกิน 1 นิ้ว กับเมื่อผู้ตายเดินกลับบ้านจำเลยก็หักไม้รั้วบ้านโดยไม่ปรากฏว่าเป็นไม้ใหญ่ขนาดเท่าใดตีผู้ตายแล้วเลิกรากันไปพฤติการณ์ดังกล่าวยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย คงมีเพียงเจตนาทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น ก่อนผู้ตายจะถูกจำเลยทำร้าย ผู้ตายมีอาการปกติดีอยู่ ไม่ได้ส่อว่าจะถึงแก่ความตายด้วยโรคตับแข็งซึ่งผู้ตายเป็นอยู่ในเร็ววันการที่ผู้ตายถึงแก่ความตายหลังจากถูกจำเลยทำร้ายเพียงประมาณ17 ชั่วโมง สภาพศพภายในสมองบวมน้ำ กระดูกซี่โครงซี่ที่ 2และที่ 4 ข้างขวาช้ำมีรอยแตกร้าว ส่วนสภาพศพภายนอกมีรอยช้ำขนาดใหญ่ที่ใบหน้าด้านขวาตั้งแต่คิ้วถึงคางและขอบตาซ้าย แม้แพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพจะเบิกความว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคตับแข็งไม่ได้ตายเพราะบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้ายแต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าการที่จำเลยทำร้ายผู้ตายไม่เป็นเหตุทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเร็วขึ้น จึงถือได้ว่าการกระทำของจำเลยทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเร็วขึ้นกว่าที่ควร จำเลยต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไม่เจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 657/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องทำให้ถึงแก่ความตาย ถือเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายเร็วขึ้น
จำเลยใช้ไม้ขนาดหน้า 3 นิ้วฟุต ยาวราว 1 ศอก ไม่ปรากฏว่าหนาเท่าใดตีผู้ตายเมื่อผู้ตายล้มลงก็เข้าไปกระทืบซ้ำ และเมื่อจำเลยต้อนผู้ตายไปติดอยู่ที่รถปิกอัพ จำเลยก็จับศีรษะผู้ตายโขกกับเสาเหล็กโครงหลังคารถปิกอัพซึ่งเป็นเสากลมกลวงขนาดโตไม่เกิน 1 นิ้ว กับเมื่อผู้ตายเดินกลับบ้านจำเลยก็หักไม้รั้วบ้านซึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นไม้ขนาดเท่าใดตีผู้ตายแล้วก็เลิกรา กันไป ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย คงถือได้เพียงว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายร่างกายผู้ตายเท่านั้น เมื่อปรากฏว่า ก่อนถูกจำเลยทำร้ายร่างกายผู้ตายยังมีอาการปกติดีอยู่ไม่ปรากฏว่ามีอาการผิดปกติอันส่อว่าจะถึงแก่ความตายในเวลาอันรวดเร็ว กลับถึงแก่ความตายหลังจากถูกจำเลยทำร้ายเพียงประมาณ 17 ชั่วโมงแม้แพทย์จะเห็นว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคตับแข็ง มิได้ตายเพราะบาดแผลที่ถูกจำเลยทำร้ายก็ตาม ก็ถือว่าความตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงจากการถูกจำเลยทำร้ายเพราะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไม่เจตนาตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายเข้ามาถาม จำเลยถึง เรื่องที่จำเลยตี บุตรสาวของผู้ตายแล้วผู้ตายได้ ชกต่อย เตะ ทำร้ายร่างกายจำเลยทันที โดย จำเลยมิได้ต่อสู้ ซึ่ง ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปนำเอาอาวุธปืนออกมายิงผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดย บันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การถูกทำร้ายร่างกายก่อนเป็นเหตุให้ใช้อาวุธปืนป้องกันตัว
ผู้ตายเข้ามาถามจำเลยถึงเรื่องที่จำเลยตีบุตรสาวของผู้ตาย แล้วผู้ตายได้ชกต่อยเตะ ทำร้ายร่างกายจำเลยทันที โดยจำเลยมิได้ต่อสู้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหง จำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปเอาอาวุธปืนในบ้านออกมายิงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายเข้ามาถามจำเลยถึงเรื่องที่จำเลยตีบุตรสาวของผู้ตายแล้วผู้ตายได้ชกต่อย เตะ ทำร้ายร่างกายจำเลยทันที โดยจำเลยมิได้ต่อสู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปนำเอาอาวุธปืนออกมายิงผู้ตายในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำโดยบันดาลโทสะหลังถูกทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายเข้ามาถาม จำเลยถึง เรื่องที่จำเลยตี บุตรสาวของผู้ตายแล้วผู้ตายได้ ชกต่อย เตะ ทำร้ายร่างกายจำเลยทันที โดย จำเลยมิได้ต่อสู้ ซึ่ง ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยเข้าไปนำเอาอาวุธปืนออกมายิงผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำโดย บันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 50/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยอาวุธมีด แม้ไม่สำเร็จผลก็เป็นความผิดพยายามฆ่า
จำเลยแทงผู้เสียหายเนื่องจากจำเลยโกรธผู้เสียหายที่ไม่ยอมรับผิดชอบต่อ จำเลยและไม่ยอมเจรจากับจำเลยโดยดี ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนแล้ว กรณีที่เกิดแทงกันขึ้นจึงมิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่เป็นธรรม การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการบันดาลโทสะ การที่จำเลยใช้ อาวุธมีดปลายแหลม ซึ่ง มีความยาวส่วนใบมีด5 นิ้วครึ่ง ความกว้างตรง ส่วนกลางของใบมีด 1 นิ้วแทงถูก ผู้เสียหายที่ท้องลึก 2 เซนติเมตร ซึ่ง ความลึกส่วนนี้แม้ไม่ถึงอวัยวะภายในที่จะเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายได้ ก็ตาม แต่ เมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยไปล้มนอนหงาย จำเลยได้ ติดตาม ไปนั่งคร่อมผู้เสียหายแล้วเงื้อมีดจะแทงผู้เสียหายอีก แต่ ผู้เสียหายจับมือของจำเลยไว้ทันแล้วแย่งมีดกัน โดย มีบุคคลอื่นได้ มาช่วย แย่งมีดด้วยซึ่ง หากผู้เสียหายจับมือของจำเลยไม่ได้ จำเลยจะต้อง แทงผู้เสียหายที่บริเวณอก และอาจทะลุถึง อวัยวะภายในซึ่ง เป็นอวัยวะที่สำคัญและอาจเป็นผลให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย การที่ผู้เสียหายและบุคคลอื่นมาช่วย แย่งเอามีดไปจากจำเลยได้ ทันทำให้การกระทำของจำเลยไม่บรรลุผลดัง เจตนาของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐาน พยายามฆ่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4617/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายเพื่อป้องกันอนาจารบุตร: เหตุสมควรปรานีและรอการลงโทษ
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเนื่องจากผู้เสียหายเข้ามากอดปล้ำกระทำอนาจารบุตรสาวจำเลย ถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลและกรรมการศึกษาประจำโรงเรียน ทั้งไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4617/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำร้ายร่างกายเพื่อปกป้องบุตรจากอนาจาร: เหตุสมควรปรานีรอการลงโทษ
จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายเนื่องจากผู้เสียหายเข้ามากอดปล้ำกระทำอนาจารบุตรสาวจำเลย ถือได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลและกรรมการศึกษาประจำโรงเรียน ทั้งไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงมีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4486/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: การพิสูจน์เจตนาและพฤติกรรมร่วม
จำเลยที่ 1 ถูกผู้ตายข่มเหงก่อน จำเลยทั้งสามจึงปรึกษาวางแผนทำร้ายผู้ตายโดยมี ป. ร่วมอยู่ด้วยและทราบดีถึงการวางแผนดังกล่าว ต่อมาเมื่อผู้ตายลุกออกจากวงสุราจำเลยทั้งสามก็ตามไปรุมชกต่อยเตะผู้ตาย และ ป. ใช้มีดแทงผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้วพากันหลบหนีไป เช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกับ ป. ฆ่าผู้ตายแล้วจำเลยทั้งสามจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83
of 184