คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
บอกเลิกสัญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,021 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบ และผลกระทบต่ออำนาจฟ้องของโจทก์ต่อจำเลยทั้งสอง
ตามใบตอบรับไปรษณีย์ระบุว่า ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ถึงจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักนายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงบางปะกง แต่จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประจำที่อื่นก่อนที่จะได้มีการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้ว การส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบ ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์อันเป็นผลที่เนื่องมาจากการบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และแม้โจทก์จะได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 2 แล้วก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ด้วยเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1600/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อที่ไม่ชอบและผลกระทบต่ออำนาจฟ้องของโจทก์ รวมถึงการฟ้องผู้ค้ำประกัน
ตามใบตอบรับไปรษณีย์ระบุว่า ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อของโจทก์ถึงจำเลยที่ 1 ที่บ้านพักนายตำรวจสถานีตำรวจทางหลวงบางประกง แต่จำเลยที่ 1 ได้ย้ายไปประจำที่อื่นก่อนที่จะได้มีการส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ การส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบ ดังนั้น เมื่อตามคำฟ้องของโจทก์มีความมุ่งหมายที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1 รับผิดต่อโจทก์อันเป็นผลที่เนื่องมาจากการบอกเลิกสัญญา แต่ปรากฏว่าการบอกเลิกสัญญากระทำโดยไม่ชอบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และแม้โจทก์จะได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อแก่จำเลยที่ 2 แล้วก็ตามแต่จำเลยที่ 2 มีฐานะเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2 ด้วยเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 96/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการเรียกร้องค่าปรับรายวัน กรณีผู้ขายไม่ส่งมอบของตามสัญญา
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายเครื่องอบด้วยความร้อนไมโครเวฟตามสัญญาข้อ 8 กำหนดว่า ถ้าผู้ขายไม่ส่งมอบสิ่งของที่ตกลงขายหรือส่งมอบของทั้งหมดไม่ถูกต้อง หรือส่งมอบสิ่งของไม่ครบจำนวนผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ ในกรณีที่ผู้ซื้อใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อริบหลักประกันได้ และสัญญาข้อ 9กำหนดว่า ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาตามข้อ 8ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของราคาสิ่งของที่ยังไม่ได้รับมอบ ในระหว่างที่มีการปรับนั้น ถ้าผู้ซื้อเห็นว่าผู้ขายไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาต่อไปได้ ผู้ซื้อจะใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันกับเรียกร้องให้ชดใช้ราคาที่เพิ่มขึ้นจากราคาที่กำหนดไว้ในข้อ 8 วรรคสอง นอกเหนือจากการปรับด้วยก็ได้ การที่จำเลยส่งมอบของที่มีคุณลักษณะไม่ถูกต้องตามสัญญาแก่โจทก์ แล้วโจทก์ได้ส่งของคืนนั้นและแจ้งให้จำเลยส่งของที่มีคุณลักษณะถูกต้องตามสัญญาแก่โจทก์ใหม่แต่จำเลยไม่ได้ส่งของใหม่แก่โจทก์ ถือว่าจำเลยยังไม่ได้ส่งมอบสิ่งของให้แก่โจทก์เลย เมื่อโจทก์ได้ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและริบหลักประกันที่จำเลยวางไว้แล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกเอาค่าปรับเป็นรายวันจากจำเลยตามสัญญาข้อ 9 ได้อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าหลังการซื้อขาย และการบอกเลิกสัญญาเช่าด้วยการปฏิเสธการรับหนังสือ
โจทก์ได้รับโอนห้องพิพาทมาจากมารดาโดยจำเลยเป็นผู้เช่าอยู่ในขณะโอน โจทก์จึงรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา 569 วรรคสอง โจทก์ได้ส่งหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลย ณ ห้องพิพาทแล้วแต่ส่งไม่ได้โดยมีหมายเหตุการนำจ่ายไปรษณียภัณฑ์แจ้งเหตุขัดข้องว่าผู้รับไม่ยอมรับ จึงถือว่าได้มีการบอกเลิกการเช่าไปถึงจำเลยโดยชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิบอกเลิกสัญญาการประกวดราคาและการริบเงินประกันซองเมื่อผู้ชนะไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข
คำฟ้องของจำเลยบรรยายเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาอันเป็นเหตุให้จำเลยเลิกสัญญากับโจทก์ที่ 1 และอ้างว่าโจทก์ที่ 1 ทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาดังกล่าวแล้วแม้จะไม่มีเอกสารประกอบข้ออ้างนั้นก็ย่อมเป็นคำบรรยายฟ้องที่แสดงแจ้งชัดแล้ว ข้อกำหนดและเงื่อนไขของสัญญาจะมีอยู่หรือไม่อย่างไรย่อมสามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณา หาจำต้องแนบมากับคำฟ้องไม่ ส่วนที่โจทก์ที่ 1 อ้างว่า จำเลยมิได้บรรยายว่าจำเลยได้รับความเสียหายอย่างไรจึงเป็นฟ้องเคลือบคลุมนั้น เป็นข้อที่โจทก์ที่ 1 มิได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น คำฟ้องของโจทก์ที่ 1 ในฐานะที่เป็นโจทก์ในสำนวนแรกและคำให้การของโจทก์ที่ 1 ในฐานะที่เป็นจำเลยที่ 1 ในสำนวนที่สองนั้นกล่าวไว้อย่างเดียวกันว่าในวันนัดลงนามในสัญญาก่อสร้างกับจำเลยนั้นจำเลยได้แจ้งให้โจทก์ที่ 1 ทราบว่าหนังสือของบริษัท ซ. ที่โจทก์ที่ 1 ยื่นแก่จำเลยครั้งแรกไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ที่1 ลงนามในสัญญาแทนบริษัท ซ. ได้ ในวันนั้นโจทก์ที่ 1 จึงลงนามไปฝ่ายเดียวก่อน โดยจะจัดการให้บริษัท ซ. ทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ที่ 1 มีอำนาจลงนามมายื่นแก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งคำฟ้องและคำให้การของโจทก์ที่ 1 เช่นนี้จึงเป็นการยอมรับแล้วว่าในการลงนามในสัญญาก่อสร้างจะต้องให้บริษัท ซ. ลงนามด้วยดังนั้นที่โจทก์ที่ 1 ฎีกาว่าโจทก์ที่ 1 มิได้ผิดสัญญาเพราะโจทก์ที่ 1 ไม่มีหน้าที่จะต้องนำบริษัท ซ. มาลงนามด้วยเพียงแต่โจทก์ที่ 1 ลงนามฝ่ายเดียวในสัญญาก็สมบูรณ์แล้วเนื่องจากมิได้มีข้อกำหนดระบุไว้เช่นนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่ออายุ-บอกเลิกสัญญา-อายุความ-การคิดเบี้ยปรับ การฟ้องร้องเรียกค่าเช่าและเบี้ยปรับตามสัญญาเช่า
เมื่อสิ้นกำหนดเวลาตามสัญญาเช่า จำเลยยังมิได้ส่งมอบบ้านเช่าคืนโจทก์ ต่อมาผู้ซึ่งได้รับอนุญาตจากโจทก์ให้จัดประโยชน์ในที่ดินที่เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยแสดงว่าโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยยังมิได้ออกจากบ้านเช่าด้วย จึงถือว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาเช่าตาม ป.พ.พ. มาตรา570 ค่าเช่าและเบี้ยปรับเมื่อไม่ชำระค่าเช่าเป็นไปตามสัญญาเช่าเดิม และสัญญาใหม่นี้ได้สิ้นสุดลงโดยการบอกเลิกสัญญาในวันครบกำหนดตามหนังสือบอกเลิกสัญญา ตาม ป.พ.พ. มาตรา 566
หลังจากครบกำหนดตามหนังสือบอกเลิกสัญญา ตัวแทนของจำเลยกับโจทก์ทำความตกลงกันเกี่ยวกับการยืดเวลาการย้ายกับค่ารื้อย้าย มีลักษณะเป็นการประนีประนอมยอมความกัน ไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้นำเอาสัญญาเช่าที่สิ้นสุดไปแล้วมาบังคับใช้กันอีกต่อไป โจทก์จะให้จำเลยชำระค่าเช่าในระหว่างนี้ไม่ได้
โจทก์คิดเบี้ยปรับของค่าเช่าโดยเอาเบี้ยปรับและค่าเช่าที่ค้างชำระมาทบเข้ากับค่าเช่าของแต่ละเดือนเพื่อคำนวณหาจำนวนเงินเบี้ยปรับในเดือนต่อไป เป็นการคิดเบี้ยปรับจากเบี้ยปรับที่ค้างชำระ ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะเบี้ยปรับที่ค้างมิใช่ค่าเช่า จึงนำมาคิดเบี้ยปรับอีกไม่ได้
จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความละเมิดเพราะเกิน1 ปี ถือได้ว่าแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความแล้ว ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานกำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท โจทก์ไม่ได้คัดค้าน ปัญหาเรื่องอายุ-ความจึงเป็นประเด็นในคดี แต่จำเลยให้การยกอายุความต่อสู้เฉพาะที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานละเมิดเท่านั้น ส่วนที่ศาลให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นเรื่องให้รับผิดตามสัญญาเช่า เรื่องอายุความสำหรับค่าเช่าที่จำเลยค้างชำระจึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5771/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าต่อเนื่อง, การบอกเลิกสัญญา, อายุความ, การคิดเบี้ยปรับ และการประนีประนอม
เมื่อสิ้นกำหนดเวลาตามสัญญาเช่า จำเลยยังมิได้ส่งมอบบ้านเช่าคืนโจทก์ ต่อมาผู้ซึ่งได้รับอนุญาตจากโจทก์ให้จัดประโยชน์ในที่ดินที่เช่าได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยแสดงว่าโจทก์ได้รู้ถึงการที่จำเลยยังมิได้ออกจากบ้านเช่าด้วย จึงถือว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาใหม่ต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลานับแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญาเช่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 570ค่าเช่าและเบี้ยปรับเมื่อไม่ชำระค่าเช่าเป็นไปตามสัญญาเช่าเดิมและสัญญาใหม่นี้ได้สิ้นสุดลงโดยการบอกเลิกสัญญาในวันครบกำหนดตามหนังสือบอกเลิกสัญญา ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 หลังจากครบกำหนดตามหนังสือบอกเลิกสัญญา ตัวแทนของจำเลยกับโจทก์ทำความตกลงกันเกี่ยวกับการยืดเวลาการย้ายกับค่ารื้อย้ายมีลักษณะเป็นการประนีประนอมยอมความกัน ไม่ปรากฏว่าได้มีการตกลงกันให้นำเอาสัญญาเช่าที่สิ้นสุดไปแล้วมาบังคับใช้กันอีกต่อไปโจทก์จะให้จำเลยชำระค่าเช่าในระหว่างนี้ไม่ได้ โจทก์คิดเบี้ยปรับของค่าเช่าโดยเอาเบี้ยปรับและค่าเช่าที่ค้างชำระมาทบเข้ากับค่าเช่าของแต่ละเดือนเพื่อคำนวณหาจำนวนเงินเบี้ยปรับในเดือนต่อไป เป็นการคิดเบี้ยปรับจากเบี้ยปรับที่ค้างชำระ ซึ่งไม่ถูกต้องเพราะเบี้ยปรับที่ค้างมิใช่ค่าเช่า จึงนำมาคิดเบี้ยปรับอีกไม่ได้ จำเลยให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความละเมิดเพราะเกิน 1 ปีถือได้ว่าแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความแล้ว ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานกำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาท โจทก์ไม่ได้คัดค้าน ปัญหาเรื่องอายุความจึงเป็นประเด็นในคดี แต่จำเลยให้การยกอายุความต่อสู้เฉพาะที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในฐานละเมิดเท่านั้น ส่วนที่ศาลให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์เป็นเรื่องให้รับผิดตามสัญญาเช่า เรื่องอายุความสำหรับค่าเช่าที่จำเลยค้างชำระจึงไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5497/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าโทรศัพท์สิ้นสุดเมื่อผู้เช่าผิดสัญญา ค่าเช่าค้าง ผู้ให้เช่ามีสิทธิบอกเลิกสัญญา การขายทอดตลาดสิทธิเช่าหลังบอกเลิกสัญญาไม่ผูกพันผู้ให้เช่า
การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งอายัดสิทธิการเช่าโทรศัพท์พิพาทของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษานั้น ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งเมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าโทรศัพท์ของผู้ร้อง การที่จะให้ใครเช่าโทรศัพท์จึงเป็นสิทธิของผู้ร้องสิทธิดังกล่าวของจำเลยจะมีอยู่หรือสิ้นไปย่อมเป็นไปตามสัญญาเช่าและกฎระเบียบของผู้ร้องตามพระราชบัญญัติองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2497 เมื่อจำเลยไม่ได้ชำระค่าเช่าโทรศัพท์รายพิพาทให้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องเคยมีหนังสือเตือนให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างแต่จำเลยไม่ชำระ ผู้ร้องจึงบอกเลิกสัญญาเช่า และมีหนังสือแจ้งให้ศาลชั้นต้นทราบว่าได้เลิกสัญญาเช่าโทรศัพท์รายพิพาทกับจำเลยแล้ว สิทธิการเช่าโทรศัพท์รายพิพาทที่จำเลยเคยมีสิทธิอยู่จึงหมดไป การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดสิทธิการเช่าโทรศัพท์รายพิพาทภายหลังจากที่ผู้ร้องบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยแล้ว ย่อมไม่มีผลตามกฎหมายที่จะบังคับให้ผู้ร้องโอนสิทธิการเช่าโทรศัพท์รายพิพาทให้แก่ผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดได้ คำสั่งอายัดของศาลไม่มีผลคุ้มครองห้ามผู้ร้องบอกเลิกสัญญาการเช่าโทรศัพท์รายพิพาทกับจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5245/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิเสธการรับมอบเงินกู้ และการบอกเลิกสัญญาค้ำประกัน จำเลยต้องแสดงเหตุผลชัดแจ้งตามกฎหมาย
จำเลยกล่าวในคำให้การว่า ไม่รับรองว่าจะมีการส่งมอบเงินกู้ครบถ้วนจำนวนตามสัญญาหรือไม่ เพราะไม่ปรากฏจำนวนเงินนั้นทางเอกสารใด นอกจากสัญญารูปแบบมาตรฐานที่โจทก์ทำไว้ก่อนมีการลงนาม จำเลยมิได้กล่าวปฏิเสธให้ชัดแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับเงินกู้ไปตามสัญญา ทั้งมิได้ให้เหตุผลว่าเหตุใด โจทก์จึงไม่ได้ส่งมอบเงินให้จำเลยที่ 1 เหตุแห่งคำให้การปฏิเสธของจำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสอง จำเลยจึงไม่มีประเด็นที่จะนำสืบตามข้อกล่าวอ้างของตน การจะบอกเลิกสัญญากันได้นั้น ต้องอาศัยข้อสัญญาหรือกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้เลิกสัญญาได้ จะเลิกสัญญาเอาเองโดยไม่มีข้อสัญญายินยอมกันหรือไม่มีกฎหมายบัญญัติให้เลิกสัญญานั้นไม่ได้ สัญญาค้ำประกันเงินกู้ ไม่ได้กำหนดเป็นข้อสัญญาให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6ฝ่ายผู้ค้ำประกันมีสิทธิเลิกสัญญาได้ และโจทก์ปฏิเสธไม่ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 บอกเลิกสัญญา ดังนี้สัญญาค้ำประกันยังไม่ระงับไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5245/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาค้ำประกันต้องมีเหตุตามสัญญาหรือกฎหมาย การบอกเลิกโดยฝ่ายเดียวเป็นโมฆะ
การจะบอกเลิกสัญญากันได้ต้องอาศัยข้อสัญญาหรือกฎหมายที่มีบทบัญญัติให้เลิกสัญญาได้ ตามสัญญาค้ำประกันเงินกู้ไม่ได้กำหนดให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ผู้ค้ำประกันมีสิทธิเลิกสัญญาได้ทั้งข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าฝ่ายโจทก์ได้มีหนังสือตอบปฏิเสธไม่ยินยอมให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 บอกเลิกสัญญาค้ำประกันสัญญาค้ำประกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 จึงยังไม่ระงับไป.
of 103