พบผลลัพธ์ทั้งหมด 752 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมและบันทึกการจับกุมที่ไม่ตรงสถานที่ ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่เป็นความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162
บันทึกการจับกุมที่มีข้อความอื่นตรงกับความจริงเพียงแต่ลงสถานที่ทำบันทึกผิดจากความจริง ยังไม่ถือว่าจำเลยซึ่งเป็นนายตำรวจผู้ทำบันทึกกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่ด้วยอาวุธปืน (ของเล่น) ทำให้ผู้อื่นกลัว ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 337/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข่มขู่ด้วยปืนปลอมทำให้ผู้อื่นกลัวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
จำเลยถือปืนพลาสติกมาขู่เข็ญทำท่าจะยิงผู้เสียหายผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นปืนจริงเกิดความกลัวหรือตกใจ จำเลยต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์สินที่แปรรูปจากไม้ผิดกฎหมาย: ศาลมีอำนาจริบถ่านได้ตามหลักทั่วไปของประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดเฉพาะไม้หรือของป่าเท่านั้น มิได้บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดซึ่งได้แปรสภาพจากไม้และของป่าไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นด้วยถ่านของกลางไม่มีสภาพเป็นไม้หรือของป่า แต่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำผิดฐานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจึงชอบที่จะนำหลักทั่วไปในการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบถ่านแปรรูปจากไม้ผิดกฎหมาย: ศาลฎีกาชี้ใช้หลักทั่วไปการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดเฉพาะไม้หรือของป่าเท่านั้น มิได้บัญญัติให้ริบทรัพย์สินอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดซึ่งได้แปรสภาพจากไม้และของป่าไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นด้วยถ่านของกลางไม่มีสภาพเป็นไม้หรือของป่า แต่เป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้มาโดยได้กระทำผิดฐานแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานจึงชอบที่จะนำหลักทั่วไปในการริบทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 มาใช้บังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2785/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานชิงทรัพย์ที่ผิดวรรคตามประมวลกฎหมายอาญา การพิจารณาอัตราโทษที่ถูกต้อง
ความผิดฐานชิงทรัพย์ จะปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแปด ย่อมไม่ถูกต้องเพราะความในบทบัญญัติมาตรานี้มีเพียง 5 วรรคเท่านั้นและที่ลงโทษจำคุก 12 ปีนั้นอยู่ในระวางโทษของวรรคสี่แต่เมื่อการชิงทรัพย์รายนี้เพียงแต่กระทำในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ จึงเข้าเกณฑ์ของวรรคสอง ไม่ใช่วรรคสี่โทษที่ลงแก่จำเลยนั้นจึงเกินอัตราไปด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2757/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบทรัพย์ในความผิดพ.ร.บ.ป่าไม้: ศาลพิจารณาจากบทบัญญัติทั่วไปในประมวลกฎหมายอาญาได้ แม้มีกฎหมายเฉพาะ
++ เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ ++
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ให้ลูกจ้างของตนนำไปบรรทุกถ่านจากผู้ที่ลักลอบเผา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถ่านที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์เป็นพิเศษซึ่งไม่อาจใช้บังคับแก่รถยนต์ของกลางคันนี้ได้ แต่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นอันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 531/2510)
++ โจทก์ฎีกา ++
++
++ คำพิพากษาสั่งออก - รอย่อ
++ แจ้งการอ่านแล้ว / โปรดติดต่อห้องบริการเอกสารสำเนาคำพิพากษา (ห้องสมุด) ชั้น 4, 5 ++
++
รถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ให้ลูกจ้างของตนนำไปบรรทุกถ่านจากผู้ที่ลักลอบเผา โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นถ่านที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น แม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้จะมีบทบัญญัติเกี่ยวแก่การริบทรัพย์เป็นพิเศษซึ่งไม่อาจใช้บังคับแก่รถยนต์ของกลางคันนี้ได้ แต่ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวก็ไม่มีข้อความใดบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นอันจะแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้นำบทบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ ต้องนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 มาใช้บังคับในการที่จะริบรถยนต์ของกลางที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิด (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 531/2510)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์สินเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้เจ้าหนี้ และความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
เดิมโจทก์ฟ้องส. ภรรยาโจทก์กับ ก. ม.และ ฮ. ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินอันเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับ ส. ซึ่ง ส.ทำนิติกรรมขายให้ ก. ม. และ ฮ. ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ก. ม. และ ฮ. เอาที่ดินพิพาทไปขายให้จำเลยที่ 1 โจทก์จึงขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 เข้ามาเป็นจำเลยร่วม คดีนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายระหว่าง ส. กับ ก. ม. และ ฮ. กับให้ทำลายนิติกรรมการซื้อขายระหว่าง ก. ม. ฮ. กับจำเลยที่ 1 ก. กับพวกและจำเลยที่ 1 ฎีกา เมื่อคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยที่ 1 เอาที่พิพาทไปทำสัญญาขายฝากไว้กับจำเลยที่ 2 มีกำหนดเวลาไถ่คืนเพียง 3 เดือน แล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด ดังนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาโอนที่พิพาทให้ จำเลยที่ 2 เพื่อไม่ให้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของตนซึ่งได้ใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้แล้วได้รับชำระหนี้ทั้งหมด การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จำเลยจะอ้างว่าที่ขายฝากเพราะจำเลยที่ 1 เชื่อว่าศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189
ท. ถูกฟ้องว่าฆ่าผู้อื่น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ครั้นเมื่อศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ท.หลบหนี ศาลออกหมายจับ ท.จำเลยให้พำนักและซ่อนเร้น ท. และบอก ท.ให้รู้ตัวเมื่อตำรวจมาตามจับจำเลยก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 เพราะตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาศาลสูงเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็ต้องถือว่า ท. ไม่ใช่ผู้กระทำผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นและการที่ศาลออกหมายจับนั้นก็เพื่อให้ได้ตัวมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ไม่ใช่เพราะกระทำผิดฐานหลบหนีไม่ไปศาล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1810/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องคืนของกลางของผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด: การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 บัญญัติเฉพาะในเรื่องริบของกลางอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดแต่ในเรื่องที่มีผู้มาร้องขอให้สั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบไปแล้วพระราชบัญญัติป่าไม้ดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ประกอบด้วยมาตรา 17 ซึ่งเป็นบททั่วไป ดังนั้น แม้ศาลจะฟังว่าถ่านของกลางได้มาจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ และได้สั่งริบไปแล้ว ผู้ร้องซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของ เป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่มีโอกาสต่อสู้คดีกับโจทก์ ย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ที่จะร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนถ่านของกลาง โดยอ้างแต่เพียงว่าถ่านของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องเท่านั้น มิได้อ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องไม่ได้ ต้องยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนถ่านของกลาง โดยอ้างแต่เพียงว่าถ่านของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องเท่านั้น มิได้อ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องไม่ได้ ต้องยกคำร้อง