พบผลลัพธ์ทั้งหมด 519 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าฯ-อนามัยจังหวัด กรณีเงินยักยอก อายุความ 1 ปี
กรมอนามัยได้ส่งเงินงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีอนามัยจังหวัดไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับเงิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบฉันทะให้สารวัตรสุขาภิบาลแผนกอนามัยไปรับเงินแทนแล้วสารวัตรสุขาภิบาลยักยอกเงินนั้นไปเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าราชการจังหวัดและอนามัยจังหวัดดังนี้เป็นกรณีละเมิดต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่งโดยนับแต่วันที่กระทรวงการคลังได้รับทราบการยักยอกจากสำนวนการสอบสวน และความเห็นของคณะกรรมการที่สอบสวนเรื่องยักยอกเงินรายนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบฉันทะให้สารวัตรสุขาภิบาลแผนกอนามัยไปรับเงินแทนแล้วสารวัตรสุขาภิบาลยักยอกเงินนั้นไปเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าราชการจังหวัดและอนามัยจังหวัดดังนี้เป็นกรณีละเมิดต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่งโดยนับแต่วันที่กระทรวงการคลังได้รับทราบการยักยอกจากสำนวนการสอบสวน และความเห็นของคณะกรรมการที่สอบสวนเรื่องยักยอกเงินรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทเลินเล่อในการขับรถ: จำเลยขับผิดทาง ผู้เสียหายไม่มีใบอนุญาตไม่ถือเป็นเหตุประมาท
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้เสียหายไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่เท่านั้นยังไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่าประมาทเลินเล่อได้ในเมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า จำเลยขับรถผิดทางเข้าไปชนรถผู้เสียหายเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องระบุเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ และข้อจำกัดในการฟ้องให้ศาลบังคับข้าราชการ
ฟ้องเรื่องละเมิด ต้องกล่าวแสดงว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายตาม ป.พ.พ. มาตรา 420
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ประการใดเลย เป็นแต่กล่าวลอย ๆ ว่า จำเลยทำเช่นนั้น ทำเช่นนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสิ้น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายคำสั่งของรัฐมนตรีสั่งราชการแทนนายรัฐมนตรี แต่มิได้ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้รับผิดด้วย ย่อมบังคับไม่ได้ตามคำขอนี้
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้สั่งโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นอำนาจของทางการจะสั่งโดยพิเคราะห์ถึงความเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องของศาลที่จะสั่ง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 และที่ 8/2502)
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ประการใดเลย เป็นแต่กล่าวลอย ๆ ว่า จำเลยทำเช่นนั้น ทำเช่นนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสิ้น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายคำสั่งของรัฐมนตรีสั่งราชการแทนนายรัฐมนตรี แต่มิได้ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้รับผิดด้วย ย่อมบังคับไม่ได้ตามคำขอนี้
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้สั่งโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นอำนาจของทางการจะสั่งโดยพิเคราะห์ถึงความเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องของศาลที่จะสั่ง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 และที่ 8/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องแสดงเจตนา/ประมาทเลินเล่อ และคำขอศาลสั่งการข้าราชการเป็นอธิปไตย
ฟ้องเรื่องละเมิด ต้องกล่าวแสดงว่า จำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ประการใดเลย เป็นแต่กล่าวลอยๆ ว่า จำเลยทำเช่นนั้นทำเช่นนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสิ้นคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายคำสั่งของรัฐมนตรีสั่งราชการแทนนายกรัฐมนตรีแต่มิได้ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้รับผิดด้วย ย่อมบังคับไม่ได้ตามคำขอนี้
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้สั่งโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลศาลบังคับให้ไม่ได้เพราะการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นอำนาจของทางการจะสั่งโดยพิเคราะห์ถึงความเหมาะสมไม่ใช่เรื่องของศาลจะสั่ง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 และที่ 8/2502)
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ประการใดเลย เป็นแต่กล่าวลอยๆ ว่า จำเลยทำเช่นนั้นทำเช่นนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสิ้นคำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาไม่สมบูรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา172
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายคำสั่งของรัฐมนตรีสั่งราชการแทนนายกรัฐมนตรีแต่มิได้ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้รับผิดด้วย ย่อมบังคับไม่ได้ตามคำขอนี้
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้สั่งโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลศาลบังคับให้ไม่ได้เพราะการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นอำนาจของทางการจะสั่งโดยพิเคราะห์ถึงความเหมาะสมไม่ใช่เรื่องของศาลจะสั่ง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 และที่ 8/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผิดสัญญาซื้อขายหนังโคกระบือเค็ม ผู้ซื้อต้องรับผิดในความเสียหาย แต่ผู้ขายมีส่วนประมาทเลินเล่อในการดูแลรักษา
ผู้ซื้อผิดสัญญาไม่มารับหนังสัตว์ที่ซื้อ ผู้ขายปล่อยปละละเลยไม่จัดการตามควรเพื่อให้เสียหายแต่น้อย จึงมีส่วนทำผิด ผู้ขายควรได้ค่าเสียหายเพียงครึ่งหนึ่ง
การอ้างเอกสารเป็นพยาน ไม่จำต้องอ้างทั้งฉบับ จะอ้างแต่บางส่วนก็ได้
อ้างพยานไว้แล้ว จะไม่นำสืบก็ได้
การอ้างเอกสารเป็นพยาน ไม่จำต้องอ้างทั้งฉบับ จะอ้างแต่บางส่วนก็ได้
อ้างพยานไว้แล้ว จะไม่นำสืบก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาจากการประมาทเลินเล่อในการควบคุมเรือทำให้ทรัพย์สินเสียหาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยถือท้ายเรือโดยประมาทชนสพานสาธารณะจึงเสาหัก 2 ต้นสพานชำรุด ขอให้ลงโทษฐานทำโดยประมาทตาม ม.191, 201 นั้นถือได้แล้วว่าเป็นคำบรรยายฟ้องที่สมบูรณ์และถ้าหากจำเลยกระทำดั่งข้อกล่าวหาของโจทก์เรียกได้ว่ากระทำให้เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์ต้องตาม ม.201(1) อันเป็นความผิดที่จะต้องรับโทษอาญาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดาต่อการกระทำของบุตรผู้เยาว์ที่ขับรถโดยไม่ได้รับอนุญาต และประเด็นการประมาทเลินเล่อ
บิดามารดา ซึ่งเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์ รู้เห็นยินยอมให้บุตรผู้เยาว์ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์มาช้านาน มิได้ห้ามปรามตามสมควรแก่หน้าที่ดูแล เมื่อผู้เยาว์ขับรถจักยานยนต์ชนรถผู้อื่นเสียหาย อันเป็นการละเมิดบิดามารดาต้องรับผิดร่วมด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระเบียบภายใน ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก การประมาทเลินเล่อต้องรู้ข้อบังคับ
ระเบียบการของกระทรวงมหาดไทยใช้บังคับเฉพาะภายในวงอันจำกัด ไม่ได้ประกาศเป็นกฎหมายไม่มีผลบังคับได้ทั่วไป และประชาชนไม่จำต้องรับรู้ เป็นเรื่องข้อเท็จจริงจะยืนยันแต่เพียงว่ามีระเบียบการนั้นๆอยู่แล้ว หากไม่ปฏิบัติโดยจะรู้หรือไม่รู้ว่ามีอยู่ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมายในตัวแล้ว ดังนี้หาได้ไม่
การกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบนั้นจะต้องปรากฎว่าผู้นั้นได้รู้ว่ามีระเบียบอยู่แล้วยังปฏิบัติฝ่าฝืนถ้าได้ปฏิบัติไปตามปกติ จะว่าการที่ไม่รู้และไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นการประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดไม่ได้
การกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบนั้นจะต้องปรากฎว่าผู้นั้นได้รู้ว่ามีระเบียบอยู่แล้วยังปฏิบัติฝ่าฝืนถ้าได้ปฏิบัติไปตามปกติ จะว่าการที่ไม่รู้และไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นการประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระเบียบภายในองค์กร ไม่ใช่กฎหมายบังคับใช้ทั่วไป การประมาทเลินเล่อต้องรู้ข้อบังคับ
ระเบียบการของกระทรวงมหาดไทยใช้บังคับเฉพาะภายในวงอันจำกัดไม่ได้ประกาศเป็นกฎหมายไม่มีผลบังคับได้ทั่วไป และประชาชนไม่จำต้องรับรู้เป็นเรื่องข้อเท็จจริงจะยืนยันแต่เพียงว่ามีระเบียบการนั้นๆ อยู่แล้วหากไม่ปฏิบัติโดยจะรู้หรือไม่รู้ว่ามีอยู่ก็เป็นการกระทำผิดกฎหมายในตัวแล้ว ดังนี้หาได้ไม่
การกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบนั้นจะต้องปรากฏว่าผู้นั้นได้รู้ว่ามีระเบียบอยู่แล้วยังปฏิบัติฝ่าฝืนถ้าได้ปฏิบัติไปตามปกติจะว่าการที่ไม่รู้และไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นการประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดไม่ได้
การกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ฝ่าฝืนระเบียบนั้นจะต้องปรากฏว่าผู้นั้นได้รู้ว่ามีระเบียบอยู่แล้วยังปฏิบัติฝ่าฝืนถ้าได้ปฏิบัติไปตามปกติจะว่าการที่ไม่รู้และไม่ปฏิบัติตามระเบียบเป็นการประมาทเลินเล่ออันเป็นละเมิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานที่ดินประมาทเลินเล่อในการดำเนินการอายัดที่ดิน ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้รับซื้อฝาก ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย
มีผู้ลักโฉนดที่ดินเขาไป เจ้าของจึงไปแจ้งอายัดไว้ แต่เจ้าพนักงานที่ดินผู้ได้รับคำสั่งอายัดมาดำเนินการต่อไปนั้นลืมเอาไปให้เจ้าหน้าที่ลงบัญชีอายัดไว้จึงได้มีการขายฝากที่ดินนั้นแก่ผู้อ่นไปเจ้าของเดิมจึงฟ้องขอให้เพิกถอนทำลายนิติกรรม เจ้าพนักงานที่ดินก็รัองต่อศาลขอให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนสัญญาขายฝากเสียตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดินฉะบับที่ 2 มาตรา 7 จนศาลมีคำสั่งและพิพากษาให้เพิกถอน ดังนี้ เจ้าพนักงานที่ดินผู้รับคำสั่งอายัดแล้ว บกพร่องประมาทเลินเล่อลืมลงบัญชีอายัดนั้น ต้องรับผิดใช่ค่าเสียหายแก่ผู้รับซื้อฝาก และกรมที่ดินก็ต้องรับผิดร่วมด้วยตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 76