พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2641/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาความผิดลิขสิทธิ์: จำเลยเข้าใจผิดว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นมีสิทธิพิมพ์หนังสือได้ ฎีกายืนยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างและผู้จัดการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จ้างจำเลยอื่นให้พิมพ์ปลอมหนังสือแบบเรียนและแบบพิมพ์ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีลิขสิทธิ์ เอาชื่อในการประกอบการค้าและรูปเสมาธรรมจักรซึ่งเป็นเครื่องหมายราชการของกระทรวงศึกษาธิการมาใช้ แล้วส่งไปจำหน่ายแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรมพ.ศ. 2474 มาตรา 25,27 พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2521มาตรา 24,43 พระราชบัญญัติเครื่องหมายราชการ พ.ศ. 2482มาตรา 6,7,8 พระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 19,57ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,265,268,272(1)กรณีเป็นเรื่องการกระทำกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเมื่อบทหนักตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ พระราชบัญญัติการพิมพ์ฯและประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,268 ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงแล้วความผิดบทอื่น ๆ แม้จะมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทก็ย่อมไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย จำเลยที่ 4 เป็นหัวหน้าแผนกจำหน่าย จำเลยที่ 5เป็นผู้จัดการฝ่ายการพิมพ์โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นแม้จะทราบว่ากรมการปกครองต้องขออนุญาตจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนต่อกระทรวงศึกษาธิการก่อนจึงจะจัดพิมพ์ได้ ก็เฉพาะในช่วงที่งบประมาณจัดพิมพ์เป็นของกรมการปกครองเมื่อกระทรวงมหาดไทยโอนงบประมาณในการจัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนเพื่อแจกแก่นักเรียนที่ยากจนยืมเรียนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจำเลยอาจเข้าใจว่าหน้าที่การขออนุญาตจัดพิมพ์เป็นขององค์การบริหารส่วนจังหวัดก็ได้การที่จำเลยได้สั่งจ้างจำเลยที่ 1 จัดพิมพ์หนังสือแบบเรียนเตรียมไว้ก่อนที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจะสั่งจ้างพิมพ์นั้นเป็นดุลยพินิจของจำเลยที่จะกระทำได้ ดังนี้ จำเลยที่ 4 ที่ 5กระทำไปโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดย่อมขาดเจตนาในการกระทำความผิดตามฟ้อง บริษัทจำเลยที่ 1 มีจำเลยอื่นอีก 5 คน เป็นกรรมการ และลูกจ้างย่อมเข้าใจว่าโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นส่วนราชการ สังกัดกระทรวงมหาดไทยเมื่อส่วนราชการมาจ้างพิมพ์ในนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งพิมพ์ในรูปแบบเดียวกับ สมัยที่กรมการปกครองจัดพิมพ์ มีชื่อผู้จัดการโรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่นเป็นผู้พิมพ์ผู้โฆษณาเหมือนกันจำเลยย่อมจะต้องเข้าใจว่าส่วนราชการผู้ว่าจ้าง มีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะจ้างพิมพ์ได้ ย่อมไม่จำต้องไปตรวจสอบว่าผู้ว่าจ้างพิมพ์มีลิขสิทธิ์ในการสั่งพิมพ์ตามกฎหมายหรือไม่การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้องเพราะขาดเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและมีเหตุให้เชื่อว่าภัยอันตรายใกล้ถึงตัว ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง'และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2151/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์วิทยุของราชการ แต่ไม่มีเจตนาทุจริต ศาลยกฟ้อง
จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำวิทยุของกลางซึ่งจำเลยใช้สำหรับติดต่อกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกลับบ้านโดยไม่ส่งมอบให้แก่ผู้ที่เข้ารับเวรต่อจากจำเลยไม่ทำให้จำเลยได้รับประโยชน์จากการใช้วิทยุของกลางดังกล่าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยแต่อย่างใดต่อมาจำเลยได้นำวิทยุของกลางไปส่งมอบให้แก่ผู้บังคับบัญชาเพื่อคืนแก่ทางราชการแสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตถึงแม้ทางราชการจะได้รับความเสียหายอันเกิดจากการไม่ได้ใช้วิทยุของกลางติดต่อราชการก็ตามแต่ก็ไม่ได้ทำให้การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตขึ้นมาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2109/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขั้นตอนการขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องใหม่หลังมีคำสั่งยกฟ้อง: ต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นก่อนอุทธรณ์
เมื่อโจทก์ประสงค์ให้ศาลชั้นต้นยกคดีของโจทก์ซึ่งถูกยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา166วรรคหนึ่งขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่โจทก์จำต้องปฏิบัติตามมาตรา166วรรคสองเสียก่อนโดยทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อศาลจะได้ไต่สวนคำร้องให้ปรากฏข้อเท็จจริงในสำนวนว่ามีเหตุสมควรที่โจทก์มาศาลไม่ได้ตามกำหนดนัดดังที่กล่าวอ้างหรือไม่แล้วจึงจะพิจารณาสั่งได้โดยถูกต้องการที่โจทก์กลับยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องโดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าข้อกล่าวอ้างของโจทก์ดังกล่าวเป็นความจริงเพียงใดหรือไม่ศาลอุทธรณ์ย่อมไม่อาจวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ได้เพราะไม่มีข้อเท็จจริงที่จะวินิจฉัยให้ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์ยกอุทธรณ์ของโจทก์โดยวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นการปฏิบัติข้ามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้จึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1577/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่สอดคล้องกับบาดแผลของผู้ตาย ศาลฎีกายกฟ้องจำเลยที่ 1
จำเลยที่1ที่2ที่3ไปที่ร้านซึ่งผู้ตายเป็นลูกจ้างขายอาหารต่อมาผู้ตายกับจำเลยที่2โต้เถียงวิวาทกันประจักษ์พยานโจทก์ว่าจำเลยทั้งสามใช้ไม้กับเหล็กแป๊บน้ำตีผู้ตายแต่ตามรายงานการชันสูตรพลิกศพมีว่าศีรษะได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงไม่ปรากฏบาดแผลตามตัวอีกคงมีแต่บาดแผลที่ศีรษะเท่านั้นซึ่งจำเลยที่2ให้การว่าใช้เหล็กแป๊บน้ำตีผู้ตายดังนี้จำเลยที่1จึงมิได้ร่วมฆ่าผู้ตายด้วย.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารการจ่ายเงินไม่ใช่สัญญากู้ยืม แม้มีข้อความระบุการชำระคืน ศาลฎีกายืนตามอุทธรณ์ ยกฟ้อง
ตอนแรกของเอกสารเป็นรายการจ่ายเงินให้แก่จำเลยซึ่งมีทั้งเงินสดและเช็ค ไม่มีข้อความแสดงว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และจะชดใช้ให้โจทก์อย่างไรแม้จำเลยลงลายมือชื่อตามรายการดังกล่าว ก็ไม่เป็นหลักฐานว่าจำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ ส่วนตอนที่สองอยู่ในช่องหมายเหตุที่ระบุว่า จำเลยรับเงินสดพร้อมเช็คจำนวนรวม 300,000 บาท จะนำต้นเงินและดอกเบี้ยมาชำระคืนให้โจทก์ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2524 จำเลยไม่ได้ลงลายมือชื่อ รับรองเนื้อความดังกล่าว จึงไม่เป็นหลักฐานการกู้เงิน สภาพของเอกสาร แสดงว่าข้อความในช่องหมายเหตุ ได้พิมพ์ขึ้นภายหลังข้อความตอนแรก แบบของเอกสาร ก็ไม่ใช่เป็นสัญญากู้เงิน แต่เป็นใบสำคัญการจ่ายเงิน ซึ่งจำเลยรับไปในฐานะเป็นสมาชิกของกลุ่ม การเมืองนำไปใช้จ่ายในการโฆษณาหาชื่อเสียงของพรรค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1338/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาลในคดีอาญา จำเลยรู้เห็นข้อเท็จจริงแต่เบิกความปฏิเสธ เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดต้นจากในที่เกิดเหตุของโจทก์ เมื่อผู้ใหญ่บ้านและโจทก์มาสอบถามจำเลยก็ได้บอกไปตามที่ตนรู้เห็นว่าใครเป็นคนตัดการที่จำเลยมาเบิกความในคดีอาญาข้อหาบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ว่าในวันเกิดเหตุไม่เห็นใครเป็นคนตัดต้นจาก และเมื่อผู้ใหญ่บ้านมาสอบถาม จำเลยได้บอกไปว่าไม่เห็นนั้น จึงเป็นการเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาลและข้อเท็จจริงนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี เป็นเหตุให้ศาลยกฟ้องโจทก์จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องระบุถ้อยคำมาให้ชัดแจ้งว่าข้อที่จำเลยเบิกความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีแต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงไว้ด้วยว่าจำเลยเป็นประจักษ์พยานในคดี หากศาลเชื่อตามคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยอาจทำให้คดีของโจทก์ขาดประจักษ์พยาน โจทก์อาจได้รับความเสียหายซึ่งตามข้อความดังกล่าวย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าคำเบิกความอันเป็นเท็จของจำเลยนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี ถือไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลแขวงยกฟ้องมิได้ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์ เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบ แม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์ เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบ แม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ข้อเท็จจริงหลังศาลแขวงยกฟ้อง: ศาลฎีกายกเพราะขัด พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงแม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบแม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิงศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องฐานพยายามฆ่า เนื่องจากจำเลยถูกรุมทำร้ายและพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้
ผู้เสียหายกับพวก 4-5 คนกำลังดื่มสุราอยู่ในซอย เห็นจำเลยเดินมาหาว่าจำเลยถอดเสื้ออวดรอยสัก ได้เรียกจำเลยเข้าไปถามและช่วยกันรุมทำร้ายจำเลย จำเลยวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกได้วิ่งไล่ตาม จำเลยวิ่งหนีมาถึงทางสามแยกหนีต่อไปไม่ทัน จึงได้หันกลับมาและยกปืนขึ้นขู่ผู้เสียหายว่า อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาจะยิง ผู้เสียหายก็ไม่เชื่อ ยังทำท่าจะวิ่งเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย เห็นได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน และจำเลยได้พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว ขณะเกิดเหตุทางฝ่ายจำเลยก็มีแต่ตัวจำเลยคนเดียว หากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัดในขณะนั้น จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ