พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,595 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2223/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ไม่รอการลงโทษ: พฤติการณ์ร้ายแรงและไม่เกรงกลัวกฎหมาย
จำเลยอายุ 25 ปี กระทำการลักทรัพย์พระเลี่ยมทอง 7 องค์ราคา 2,000 บาท ในเวลากลางคืนโดย ล้วงลักทรัพย์ของผู้เสียหายขณะที่ไม่ รู้สึก ตัว เป็นการกระทำโดย ไม่ยำเกรงต่อ กฎหมาย ตามพฤติการณ์ แห่งคดีไม่ควรรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในเคหสถาน: การเข้าโดยไม่ทำลายสิ่งกีดกั้น และประเด็นการอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน
การลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไป จะต้องมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสิ่งกีดกั้นแล้วผ่านเข้าไป เมื่อประตูหน้องนอนที่เปิดอยู่มิได้มีสภาพเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์ จำเลยซึ่งผู้เสียหายเชิญให้มาร่วมฉลองปีใหม่ที่บ้านเดินขึ้นไปชั้นบนเข้าห้องนอนทางประตูดังกล่าวซึ่งเปิดอยู่แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป จึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(3) เท่ากับศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามมาตรา335(8) เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา335(8) ด้วย ปัญหาที่ว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวหรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์.(ที่มา-ส่งเสริม)
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา335(3) เท่ากับศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามมาตรา335(8) เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา335(8) ด้วย ปัญหาที่ว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวหรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้เพราะเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์: สิ่งกีดกั้นต้องปรากฏการกระทำและผ่านเข้าไปได้จริง ข้อหาอื่นต้องยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์ก่อนฎีกา
การลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(3) นั้น จะต้องมีการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับสิ่งกีดกั้นแล้วผ่านเข้าไป ประตูห้องนอนของผู้เสียหายเปิดอยู่แล้วจึงมิได้มีสภาพเป็นสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์จำเลยเข้าไปลักทรัพย์ในห้องนอนของผู้เสียหาย คงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 เท่านั้น โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(3)(8)ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 335(3) เท่านั้นเท่ากับศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(8) เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 335(8) ด้วย เพื่อให้เป็นประเด็นขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์ ปัญหาที่ว่าจำเลยมีความผิดตามบทมาตราดังกล่าวหรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์จะยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ เพราะเป็นข้อที่มิได้ว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์: การกระทำต่อเนื่องและการบรรยายฟ้อง
จำเลยที่ ๑ ใช้ มือซ้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหาย แล้วใช้ มือขวากระชากสร้อยคอทองคำหนัก ๑ สลึง ของผู้เสียหายขาดออกจากกัน และเอาสร้อยคอกับพระเลี่ยมทองคำซึ่ง แขวนอยู่ ๑ องค์ไป เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงค์จะเอาสร้อยคอของผู้เสียหายเป็นสำคัญ และเป็นเพียงวิธีการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้นมิใช่เป็นการใช้ กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐาน ชิงทรัพย์ แต่ เป็นเรื่องที่จำเลยที่ ๑ ใช้ กิริยาฉกฉวย เอาสร้อยคอและพระเลี่ยมทองคำของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐาน วิ่งราวทรัพย์ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐาน นี้มาและคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐาน วิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องทีโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐาน วิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยได้ เฉพาะ ฐาน ลักทรัพย์เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์: การกระชากสร้อยคอผู้เสียหายเพื่อหวังผลเอาทรัพย์
จำเลยที่ 1 ใช้มือซ้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหาย แล้วใช้มือขวากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ของผู้เสียหายขาดออกจากกัน และเอาสร้อยคอกับพระเลี่ยมทองคำซึ่งแขวนอยู่ 1 องค์ไป เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงค์จะเอาสร้อยคอของผู้เสียหายเป็นสำคัญ และเป็นเพียงวิธีการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้น มิใช่เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยใช้กิริยาฉกฉวยเอาสร้อยคอและพระเลี่ยมทองคำของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะฐานลักทรัพย์เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์: การแยกระหว่างวิธีการเอาทรัพย์กับประสงค์จะเอาทรัพย์
จำเลยใช้มือซ้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหาย แล้วใช้มือขวากระชากสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายขาด และเอาสร้อยคอกับพระเลี่ยมทองคำซึ่งแขวนอยู่ไป เป็นการกระทำต่อเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงค์จะเอาสร้อยคอของผู้เสียหายเป็นสำคัญ และเป็นเพียงวิธีการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้น มิใช่เป็นการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นเรื่องที่จำเลยใช้กิริยาฉกฉวยเอาสร้อยคอและพระเลี่ยมทองคำของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐานนี้มา และคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐานวิ่งราวทรัพย์จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยได้เฉพาะฐานลักทรัพย์เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 831/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์ vs. วิ่งราวทรัพย์: การกระชากทรัพย์สิน
จำเลยที่ 1 ใช้ มือซ้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหาย แล้วใช้ มือขวากระชากสร้อยคอทองคำหนัก 1 สลึง ของผู้เสียหายขาดออกจากกัน และเอาสร้อยคอกับพระเลี่ยมทองคำซึ่ง แขวนอยู่ 1 องค์ไป เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันในทันใดเพื่อประสงค์จะเอาสร้อยคอของผู้เสียหายเป็นสำคัญ และเป็นเพียงวิธีการเอาทรัพย์ของผู้เสียหายเท่านั้นมิใช่เป็นการใช้ กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายอันจะเป็นความผิดฐาน ชิงทรัพย์ แต่ เป็นเรื่องที่จำเลยที่ 1 ใช้ กิริยาฉกฉวย เอาสร้อยคอและพระเลี่ยมทองคำของผู้เสียหายไปซึ่งหน้าอันเป็นความผิดฐาน วิ่งราวทรัพย์ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดฐาน นี้มาและคำขอท้ายฟ้องก็มิได้ขอให้ลงโทษฐาน วิ่งราวทรัพย์ จึงเป็นเรื่องทีโจทก์มิได้ประสงค์ให้ลงโทษในความผิดฐาน วิ่งราวทรัพย์ คงลงโทษจำเลยได้ เฉพาะ ฐาน ลักทรัพย์เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท การลักทรัพย์ และละเมิด การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของที่ดิน
จำเลยขุดเอาดินลูกรังในที่ดินของโจทก์ไปขาย ถือได้ว่าเป็นการเอาดินลูกรังของโจทก์ไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และเป็นการละเมิดต่อโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3834/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาท การลักทรัพย์และละเมิดจากดินลูกรัง ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิการครอบครองเป็นของผู้ฟ้อง
จำเลยขุดเอาดินลูกรังในที่ดินของโจทก์ไปขาย ถือได้ว่าเป็นการเอาดินลูกรังของโจทก์ไปโดยทุจริต จึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์และเป็นการละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3774/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตในการลักทรัพย์: การหยิบเงินที่เข้าใจว่าเป็นของตนเอง
จำเลยเป็นสามีของ ส. บุตรของผู้เสียหายโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยและ ส. ทำนาขายข้าวได้เงิน 7,500 บาท ส.นำเงินดังกล่าวใส่ไว้ในกระเป๋าถือฝากเก็บไว้ในหีบของผู้เสียหายเช่นนี้ การที่จำเลยไขกุญแจเปิดหีบของผู้เสียหายแล้วเอาเงินดังกล่าวไปโดยเข้าใจว่าเป็นเงินของจำเลย จำเลยมีสิทธิเอาไปได้จึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์