คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
หน้าที่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 709 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยใช้เงินยืมรองจ่ายตามหน้าที่ครบถ้วนสมประโยชน์แล้ว ไม่ต้องคืน แม้ไม่ส่งใบสำคัญ
จำเลยรับราชการในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนรัฐบาล ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินของโรงเรียน ได้รับอนุมัติจากทางราชการให้ยืมเงินรองจ่ายมาเพื่อใข้จ่ายดำเนินกิจการของโรงเรียนตามหน้าที่ เมื่อจำเลยได้ใช้จ่ายเงินรองจ่ายที่ได้รับอนุมัตินั้นเพื่อกิจการของโรงเรียนไปหมดสิ้นแล้ว โดยมิได้เบียดบังไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว ทั้งทางราชการก็ได้ยอมรับเอาผลงานที่จำเลยได้กระทำไปเรียบร้อยสมประโยชน์แล้ว ไม่เกิดความเสียหายอย่างใด แม้จำเลยจะมิได้ส่งใบสำคัญการจ่ายเงินให้ตรวจสอบตามระเบียบของทางราชการก็เป็นเรื่องจะดำเนินการทางวินัย จำเลยไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องคืนหรือชดใข้เงินรองจ่ายที่ยืมมานั้น
เมื่อจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินรองจ่ายคืนปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าสิทธิเรียกร้องเงินรองจ่ายคืนขาดอายุความฟ้องร้องแล้วหรือไม่ ย่อมไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการจับกุม ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก แต่ผิดฐานเรียกรับทรัพย์สินโดยมิชอบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ให้ยกคำขอของโจทก์ในข้อที่ขอให้ใช้ทรัพย์มิใช่เป็นการแก้ไขมาก จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ได้เรียกเงินจากผู้ที่จำเลยจับกุมตัวมาแล้วปล่อยผู้ต้องหาไป อันเป็นการเรียกหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อย่างอื่นสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อละเว้นไม่จับกุมผู้เสียหาย อันเป็นการมิชอบด้วยหน้าที่ของจำเลย จำเลยจึงมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2502 มาตรา 5 หามีความผิดฐานกรรโชกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 อีกบทหนึ่งด้วยไม่ และเมื่อการกระทำของจำเลยมิได้เป็นผิดตามมาตรา 337 แล้ว โจทก์ก็ไม่มีอำนาจขอให้จำเลยใช้ทรัพย์หรือคืนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 43

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่เสียภาษีของผู้ผลิตและผู้รับประโยชน์จากตราสาร แม้ยังมิได้ชำระภาษีก็ฟ้องได้
ตามบทมาตราที่จำเลยอ้าง (มาตรา 27, 31, 77 ทวิ, 86ทวิ) มิได้บัญญัติห้ามฟ้อง ดังนั้น แม้โจทก์ยังไม่ได้ชำระภาษีอากรที่ถูกเรียกเก็บก็นำคดีมาฟ้องศาลได้
โจทก์อาศัยใบอนุญาตทำไม้ของผู้อื่นทำฟืนขาย แม้ในการทำฟืนนั้น โจทก์จะจ้างผู้อื่นให้ทำให้กับตนก็ดี โจทก์ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตตามความหมายในมาตรา 77
เมื่อจำเลยเรียกเก็บอากรจากผู้มีหน้าที่ที่จะต้องชำระและผู้นั้นรับจะชำระให้. แต่ในที่สุดก็ไม่ชำระจำเลยย่อมเรียกเก็บอากรนั้นจากโจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือเอาประโยชน์แห่งตราสารได้ตามมาตรา 115

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1210/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การพิสูจน์ความเท็จในการแจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ฝ่ายกล่าวอ้างต้องพิสูจน์ตามฟ้อง
ถ้ามีการกล่าวอ้างว่า ข้อความใดที่เกิดจากการยื่นคำให้การก็ดี เกิดจากการเบิกความก็ดี ว่าเป็นความเท็จอันจะต้องรับโทษทางอาญาแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของฝ่ายที่กล่าวอ้าง จะต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้องว่าจำเลยให้การเท็จและเบิกความเท็จ หาไม่แล้วจะลงโทษทางอาญาไม่ได้
จำเลยย่อมนำสืบตามข้ออ้างของตน ซึ่งอาจเป็นการนำสืบหักล้างหรือเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเอกสารใดๆ ได้ทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามิได้มีข้อจำกัดห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารในบางกรณีไว้ดังประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่รักษาทรัพย์ของสมุหบัญชีโรงเรียน แม้มีคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน ก็ยังต้องรับผิดชอบในการเก็บรักษาเงินตามหน้าที่
ในฐานะสมุหบัญชีมีหน้าที่เก็บรักษาเงินของโรงเรียนจำเลยย่อมอยู่ในฐานะผู้เก็บรักษาทรัพย์ตามกฎหมาย และย่อมไม่พ้นจากหน้าที่ดังกล่าว แม้จะมีคณะกรรมการเก็บรักษาเงินต่างหากอีกส่วนหนึ่งก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่เก็บรักษาเงินของสมุหบัญชีโรงเรียน แม้มีคณะกรรมการเก็บรักษาเงินอื่น ก็ยังต้องรับผิดชอบต่อการรักษาทรัพย์
ในฐานะสมุหบัญชีมีหน้าที่เก็บรักษาเงินของโรงเรียน จำเลยย่อมอยู่ในฐานะผู้เก็บรักษาทรัพย์ตามกฎหมาย และย่อมไม่พ้นจากหน้าที่ดังกล่าว แม้จะมีคณะกรรมการเก็บรักษาเงินต่างหากอีกส่วนหนึ่งก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนำจับขัดต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อตกลงเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเมื่อโจทก์รู้ว่ามีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น โจทก์มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดหรือมีหน้าที่ต้องแจ้งการกระทำผิดนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม หากการกระทำผิดนั้นเกิดนอกเขตอำนาจของตน การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อนายตรวจศุลกากรขอให้จับกุมผู้ลักลอบนำทองคำออกนอกราชอาณาจักร ทั้งที่โจทก์มีอำนาจจับกุมด้วยตนเองหรือมีหน้าที่แจ้งการกระทำผิดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม โดยหวังจะขอรับเงินสินบนนำจับในการที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่ ข้อตกลงในการเรียกและยอมให้เงินสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามหน้าที่ย่อมมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เพราะมีลักษณะเป็นการที่เจ้าพนักงานเรียกและรับสินบนฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินบนนำจับ (พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานเรียกรับสินบนนำจับขัดต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อตกลงเป็นโมฆะ
โจทก์เป็นเจ้าพนักงานตำรวจซึ่งมีหน้าที่สืบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดอาญาเมื่อโจทก์รู้ว่ามีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น.โจทก์มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดหรือมีหน้าที่ต้องแจ้งการกระทำผิดนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม. หากการกระทำผิดนั้นเกิดนอกเขตอำนาจของตน. การที่โจทก์ไปแจ้งความต่อนายตรวจศุลกากรขอให้จับกุมผู้ลักลอบนำทองคำออกนอกราชอาณาจักร. ทั้งที่โจทก์มีอำนาจจับกุมด้วยตนเองหรือมีหน้าที่แจ้งการกระทำผิดต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจจับกุม. โดยหวังจะขอรับเงินสินบนนำจับในการที่โจทก์จะปฏิบัติหน้าที่. ข้อตกลงในการเรียกและยอมให้เงินสินบนนำจับแก่เจ้าพนักงานเพื่อปฏิบัติการตามหน้าที่.ย่อมมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย.เพราะมีลักษณะเป็นการที่เจ้าพนักงานเรียกและรับสินบนฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา. ข้อตกลงดังกล่าวจึงตกเป็นโมฆะ. โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินสินบนนำจับ. (พิจารณาโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2511).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลคำพิพากษาต้องพิจารณาข้อวินิจฉัยทั้งหมด แม้ไม่ได้ระบุขับไล่ชัดเจน หากวินิจฉัยว่าอยู่โดยไม่มีสิทธิ ก็ย่อมมีหน้าที่ส่งมอบคืน
โจทก์ฟ้องเรื่องละเมิด ขับไล่ ขอให้จำเลยออกจากห้องพิพาท และส่งมอบห้องพิพาทให้โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายที่ขาดประโยชน์ตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้อง กับค่าเสียหายนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาท ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องและนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบห้องพิพาทให้แก่โจทก์ ดังนี้ แม้คำพิพากษาจะไม่ได้กล่าวโดยชัดแจ้งให้ขับไล่จำเลย หรือให้จำเลยส่งมอบห้องพิพาทให้แก่โจทก์ก็ตามแต่การแปลคำพิพากษาต้องพิเคราะห์เกี่ยวกับข้อวินิจฉัยในคำพิพากษา เมื่อคำพิพากษาได้วินิจฉัยว่าจำเลยอยู่ในห้องพิพาท โดยไม่มีสิทธิจะอ้างได้ และพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายจนกว่าจำเลยจะส่งมอบห้องพิพาท จึงมีความหมายอยู่ในตัวว่า คำพิพากษามุ่งประสงค์ให้จำเลยออกจากห้องพิพาทและส่งมอบห้องพิพาทตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเมิดปิดกั้นน้ำ การพิสูจน์ความเสียหาย และหน้าที่นำสืบพยานของผู้ฟ้อง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำการปิดกั้นน้ำในลำห้วยซึ่งไหลไปสู่นาโจทก์ ไม่ให้ไหลไปโดยจำเลยปิดตัน ซึ่งจำเลยก็ให้การรับว่าได้ปิดกั้นจริง แต่ไม่ได้ปิดตัน ไม่ทำให้โจทก์เสียหาย เช่นนี้เห็นได้ว่าถ้าได้มีการกระทำดังโจทก์ฟ้องและโจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยก็เป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ถ้าคดียังเถียงกันอยู่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายหรือไม่ ซึ่งโจทก์มีหน้าที่นำสืบ เมื่อไม่มีการสืบพยานกันต่อไป ข้อเท็จจริงก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่อาจชนะคดีจำเลยได้
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและนัดวันฟังคำพิพากษานั้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี เมื่อโจทก์เห็นว่าชอบที่จะได้สืบพยานฝ่ายตนต่อไป ก็ต้องโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เพื่อจะได้อุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไป เมื่อโจทก์ไม่ได้โต้แย้งไว้ โจทก์จึงฎีกาในปัญหาข้อนี้ไม่ได้
of 71