พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1572/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ไม่สมบูรณ์ หากไม่ระบุวันเวลาที่กระทำผิด
ในคดีเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ฟ้องของโจทก์ไม่ได้กล่าวระบุวันเวลาที่จำเลยคิดทุจริตยักยอกเอาทรัพย์ไปคงกล่าวแต่วันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์เท่านั้น ทั้งไม่อาจเข้าใจได้ว่าจำเลยยักยอกทรัพย์ที่ได้รับมอบหมายไปวันใด ดังนี้ฟ้องของโจทก์+ไม่สมบูรณ์ตาม ก.ม.
(อ้างฎีกาที่ 117/2492)
(อ้างฎีกาที่ 117/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลยพินิจศาลในการลดโทษตาม ม.59 อาญา: ไม่เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่รับฎีกา
การลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตาม ก.ม.อาญา ม.59 นั้นเป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงฉะเพาะเรื่อง มิใช่เป็นข้อ ก.ม.
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม ม. 254-63 ลดฐานปราณีตาม ม.59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกันและไม่ลดฐานปราณีให้เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยานดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตามม.59 เป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อ ก.ม.จึงฎีกาไม่ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยคนละ 6 เดือนฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บตาม ม. 254-63 ลดฐานปราณีตาม ม.59 กึ่งหนึ่งคงจำคุกคนละ 3 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี 6 เดือน โดยบทมาตราเดียวกันและไม่ลดฐานปราณีให้เพราะถือว่าจำเลยจำนนแก่พยานดังนี้ถือว่าการลดโทษฐานปราณีแก่จำเลยตามม.59 เป็นการใช้ดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่อง ไม่ใช่เป็นข้อ ก.ม.จึงฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษทวีคูณ ม.74 อาญา: ความผิดซ้ำประเภทเดียวกัน
ความผิดที่จะเพิ่มโทษทวี คูณตาม ก.ม.อาญา ม.74 นั้นหมายถึงความผิดที่ซ้ำประเภทเดียวกัน กล่าวคือซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตั้งแต่ ม.249 ถึง 259 ประเภทหนึ่ง กับซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตั้งแต่ ม. 288 ถึง 323 อีกประเภทหนึ่ง
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือน มาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม. 74 แล้ว
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือน มาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม ม. 74 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1455/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษอาญาซ้ำประเภท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 กรณีความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจร
ความผิดที่จะเพิ่มโทษทวีคูณตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 74นั้น หมายถึงความผิดที่ซ้ำประเภทเดียวกัน กล่าวคือซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกายตั้งแต่มาตรา 249 ถึง 259 ประเภทหนึ่ง กับซ้ำกันในเรื่องความผิดฐานประทุษร้ายต่อทรัพย์ตั้งแต่ มาตรา 288 ถึง 323 อีกประเภทหนึ่ง
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือนมาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม มาตรา 74 แล้ว
จำเลยเคยต้องโทษฐานลักทรัพย์ ต้องโทษจำคุกเกินกว่า 6 เดือนมาแล้วทั้ง 2 ครั้ง พ้นโทษไปแล้วไม่เกิน 5 ปีมากระทำผิดฐานรับของโจรอีก ดังนี้การกระทำของจำเลยเข้าเกณฑ์ความผิดตาม มาตรา 74 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดหย่อนโทษทางอาญาในกรณีวิกลจริต และดุลยพินิจการนับโทษต่อ
เมื่อตามพฤติการณ์ได้ความว่าจำเลยแทงผู้ตายขณะวิกลจริตแต่ยังมีสติพอจะรู้สึกผิดชอบหรือยับยั้งได้จำเลยย่อมได้รับการลดหย่อนอาญาให้เบาลงได้ความ ม. 47
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจได้ตาม ม. 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลยพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลยพินิจได้ตาม ม. 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลยพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1142/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดหย่อนโทษทางอาญาในกรณีผู้กระทำผิดมีภาวะวิกลจริต และดุลพินิจศาลในการนับโทษต่อ
เมื่อตามพฤติการณ์ได้ความว่าจำเลยแทงผู้ตายขณะวิกลจริตแต่ยังมีสติพอจะรู้สึกผิดชอบหรือยับยั้งได้ จำเลยย่อมได้รับการลดหย่อนอาญาให้เบาลงได้ตาม มาตรา 47
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้ตาม มาตรา 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้
การที่จะนับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาอีกคดีหนึ่งหรือไม่นั้นให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจได้ตาม มาตรา 32 เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยต่อให้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงในข้อดุลพินิจ
เมื่อคดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาล หากมีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นคนวิกลจริต ศาลย่อมสั่งให้พนักงานแพทย์ตรวจแล้วมาให้การได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กระทำผิดในภาวะวิกลจริตไม่มีความผิดทางอาญาตามมาตรา 46
ทำผิดในเวลาเป็นโรคจิต ซึ่งผู้กระทำไม่รู้สึกตัวในเวลาที่ทำได้รับการยกเว้นอาญาตาม มาตรา46
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลดหย่อนโทษอาญาในกรณีถูกยั่วโทสะและการกระทำโดยพลั้งพลาด
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า ผู้หนึ่งก่อเหตุท้าทายและชกต่อยจำเลยจำเลยหนีก็ยังไล่ตามจะทำร้ายอีก จำเลยจึงชักมีดแทงไปเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเป็นการยั่วโทสะจำเลยก่อน หาใช่เป็นกรณีวิวาทกันไม่
การที่จำเลยถูกผู้หนึ่งกดขี่ข่มเหงร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม จึงบันดาลโทสะจะแทงผู้นั้น หากแต่พลั้งพลาดไปถูกผู้ตายซึ่งเข้ามาห้ามเช่นนี้จำเลยควรได้รับลดหย่อนโทษตาม กฎหมายดุจกระทำแก่ผู้นั้น
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
การที่จำเลยถูกผู้หนึ่งกดขี่ข่มเหงร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม จึงบันดาลโทสะจะแทงผู้นั้น หากแต่พลั้งพลาดไปถูกผู้ตายซึ่งเข้ามาห้ามเช่นนี้จำเลยควรได้รับลดหย่อนโทษตาม กฎหมายดุจกระทำแก่ผู้นั้น
คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 937/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายเล็กน้อยถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
บาดแผลที่จำเลยทำร้ายมี 2 แห่ง แห่ง 1. ริมฝีปากบนข้างขวา 2. หางตาซ้ายด้านล่างถูกของแข็งไม่มีคม 2 แห่ง แผลที่ 1 ฟันโยก มีโลหิตออกภายนอกเล็กน้อยแผลที่ 2 บวมเขียวซ้ำ รักษาประมาณ 7 วันหาย ดังนี้เป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.254 ( อ้างฎีกาที่ 22/2475 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 768/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์หากไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุ แก้ไขเพิ่มเติมฟ้องหลังสืบพยานไม่ได้
ฟ้องไม่ระบุสถานที่เกิดเหตุ เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
การสั่งให้โจทก์แก้ใขหรือเพิ่มเติมฟ้องจะกระทำได้เมื่อก่อนรับฟ้องหรือไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อสืบพะยานเสร็จสิ้นแล้วจะแก้ไขหาได้ไม่
การสั่งให้โจทก์แก้ใขหรือเพิ่มเติมฟ้องจะกระทำได้เมื่อก่อนรับฟ้องหรือไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อสืบพะยานเสร็จสิ้นแล้วจะแก้ไขหาได้ไม่