พบผลลัพธ์ทั้งหมด 541 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่าช่วง & ฟ้องแย้งขอโอนสิทธิเช่า: ข้อจำกัดการอุทธรณ์ & สิทธิฟ้องขับไล่
คดีที่โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้ง จะอุทธรณ์ฎีกาได้เพียงใดหรือไม่ ต้องแยกพิจารณาคนละส่วน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทและเรียกค่าเสียหายด้วยทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์แลกเปลี่ยนสิทธิการเช่าตึกกับจำเลยขอให้บังคับโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ หากมีการฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับเจ้าของจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์และเข้าอยู่ในตึกโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาซึ่งทำไว้กับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ส่งมอบตึกซึ่งเช่าจากโจทก์ได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์ เป็นคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าไม่เกินเดือนละสองพันบาทและเรียกค่าเสียหายด้วยทุนทรัพย์ไม่เกินสองพันบาท ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์แลกเปลี่ยนสิทธิการเช่าตึกกับจำเลยขอให้บังคับโจทก์โอนสิทธิการเช่าให้จำเลยเป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ว่ามาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ หากมีการฎีกาต่อมา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับเจ้าของจะสิ้นอายุแล้วหรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าช่วงตึกจากโจทก์และเข้าอยู่ในตึกโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาซึ่งทำไว้กับโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยให้ส่งมอบตึกซึ่งเช่าจากโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2283/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกเหตุจิตบกพร่องหลังศาลชั้นต้นพิพากษา: ข้อจำกัดในการอุทธรณ์และฎีกา
จำเลยเข้าใจคำฟ้องและต่อสู้คดีเป็นลำดับมา โดยมีทนายความคอยช่วยเหลือจนเสร็จการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยไม่ได้ยกเหตุที่จำเลยไม่สมควร ต้องรับโทษเพราะเหตุจิตบกพร่องตามมาตรา 65 ขึ้นกล่าวอ้างในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจนศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว จำเลยจึงได้ยกเหตุดังกล่าวขึ้นมาอ้างในชั้นอุทธรณ์ เมื่อข้อเท็จจริงนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น การรับวินิจฉัยปัญหาที่จำเลยฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา15 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจำคุกโดยศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องดุลพินิจโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นลงโทษจำคุก 1 ปีสถานเดียว และไม่รอการลงโทษ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จำเลยจึงฎีกาในเรื่องดุลพินิจขอให้วางโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 817/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษจากจำคุกเป็นรอการลงโทษ: ข้อจำกัดในการฎีกา
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี โดยไม่รอการลงโทษแต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปีเช่นนี้แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่ก็ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และข้อจำกัดในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินพิพาทราคา 1,400 บาทเป็นของจำเลยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ที่ดิน 3 ใน 4 เป็นของโจทก์ทั้งสาม อีกส่วนหนึ่งเป็นของจำเลย ที่ดิน 3 ใน 4 นี้ราคา 1,050 บาท ถือว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเล็กน้อย ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษเด็กและเยาวชน – ข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อศาลไม่ลงโทษจำคุกเกิน 1 ปี หรือปรับเกิน 1,000 บาท
ในกรณีที่ศาลคดีเด็กและเยาวชนกลางพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 อันเป็นบทหนักโดยจำคุก 5 ปี แต่ให้เปลี่ยนโทษจำคุกโดยให้ส่งตัวไปฝึกอบรมณ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลาง มีกำหนดขั้นต่ำ 2 ปี ขั้นสูง 3 ปีแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ความผิดจำเลยปรับด้วยมาตรา 288 ประกอบมาตรา 81 และให้มอบตัวจำเลยแก่บิดามารดา โดยวางข้อกำหนดให้ระวังจำเลยมิให้ก่อเหตุร้าย มิฉะนั้นต้องชำระเงินหนึ่งพันบาทต่อการที่จำเลยก่อเหตุร้ายแต่ละครั้ง และให้จำเลยมารายงานตัวต่อสถานพินิจและคุ้มครองเด็กทุก 6 เดือนนั้น การที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งบทลงโทษและวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนแก่จำเลยเช่นนี้ ถือว่าเป็นการแก้ไขมาก แต่เนื่องจากศาลทั้งสองได้เปลี่ยนแปลงโทษจำคุกเป็นอย่างอื่น ซึ่งถือว่าศาลทั้งสองมิได้พิพากษาจำคุกเกิน 1 ปี หรือปรับเกินพันบาทกรณีจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467-468/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาฐานฉ้อโกง แม้มีข้อจำกัดในคดีแพ่งเกี่ยวกับหุ้น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1114 ที่ได้บัญญัติห้ามมิให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นฟ้องร้องขอให้ศาลเพิกถอนการที่ตนได้เข้าชื่อซื้อ โดยยกเหตุว่าสำคัญผิดหรือต้องข่มขู่หรือถูกลวงล่อฉ้อฉลนั้น ห้ามเฉพาะในกรณีที่ฟ้องร้องกันในทางแพ่งเท่านั้น มิได้มีผลห้ามมิให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นฟ้องในคดีอาญาฐานฉ้อโกง ฉะนั้น ผู้เสียหายหรือพนักงานอัยการ ในเมื่อมีการร้องทุกข์ จึงมีอำนาจดำเนินคดีกับจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเพียงเล็กน้อย
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เป็นการแก้เพียงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเพียงเล็กน้อย
คดีอาญาที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี เป็นการแก้เพียงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทลงโทษและการคืนทรัพย์สินในคดีอาญา: ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดให้จำคุกจำเลย 3 ปี เพิ่มโทษ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 จำคุก 4 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 8 เดือน กับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปี ไม่เพิ่มโทษลดให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปีและแก้ว่า จำเลยไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้แก่ผู้เสียหาย คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์เพียงแต่แก้ไขข้อที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษจำเลย และไม่ต้องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายเท่านั้นไม่ใช่เป็นการแก้บทเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อยคู่ความจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218