คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความผิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6,814 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2370/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องรับของโจรต้องเกิดหลังการลักทรัพย์ หากฟ้องก่อนเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบ
คำฟ้องข้อ 1.6 เกี่ยวกับความผิดฐานลักทรัพย์ โจทก์บรรยายว่าเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2542 เวลากลางวัน คนร้ายได้บังอาจลักทรัพย์ของผู้เสียหายไป แต่ในคำฟ้องข้อ 2.3 เกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรกลับบรรยายว่า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2542 จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันรับของโจรทรัพย์ตามข้อ 1.6 ที่มีคนร้ายลักไป แต่ความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดที่ต้องเกิดขึ้นหลังจากมีการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์เกิดขึ้นแล้ว เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องว่า การกระทำความผิดฐานรับของโจรก่อนย่อมเป็นคำฟ้องที่ขัดต่อสภาพและลักษณะของการกระทำความผิด จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 ไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานรับของโจรได้ และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 225 ประกอบด้วยมาตรา 213

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเก็บรังนกอีแอ่นและครอบครองรังนกที่ได้จากการกระทำผิด: กรรมเดียวผิดหลายบท vs. หลายกรรมต่างกัน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขึ้นไปบนเกาะสัมปทานรังนกอีแอ่นของผู้อื่น แล้วใช้ไม้และเหล็กแทงรังนกอีแอ่นซึ่งติดอยู่กับผนังถ้ำให้หลุดออก และลักเอาไป หลังจากนั้นจำเลยได้ครอบครองรังนกอีแอ่นที่ร่วมกันลักไป ซึ่งตามพ.ร.บ. อากรรังนกอีแอ่น พ.ศ.2482 ที่ใช้บังคับขณะเกิดเหตุมาตรา 5, 7 และ 9 ห้ามกระทำความเสียหายแก่รังนกอีแอ่น ห้ามเก็บรังนกอีแอ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และห้ามมีไว้ในครอบครองซึ่งรังนกอีแอ่นที่ได้มาโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเก็บรังนกอีแอ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายซึ่งเป็นความผิดสำเร็จทันทีที่จำเลยเข้าเก็บรังนกอีแอ่น และการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำให้เกิดความเสียหายแก่รังนกอีแอ่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติตามที่กฎหมายห้ามไว้ไปพร้อมกันด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำที่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ.มาตรา 90 ส่วนที่จำเลยครอบครองรังนกอีแอ่นที่ได้มาจากการกระทำความผิดต่อมาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังและแยกเป็นคนละส่วนจากการกระทำผิดครั้งแรกได้ จึงถือได้ว่า จำเลยกระทำผิดอีกกรรมหนึ่งต่างหากจากการกระทำความผิดข้างต้น จึงเป็นความผิดต่างกรรมกันตาม ป.อ.มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานเก็บรังนกอีแอ่นและการครอบครองรังนกที่ได้มาจากการกระทำผิด ถือเป็นคนละกรรม
พระราชบัญญัติอากรรังนกอีแอ่น พ.ศ. 2482 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะเกิดเหตุมาตรา 5,7 และ 9 ห้ามกระทำความเสียหายแก่รังนกอีแอ่นห้ามเก็บรังนกอีแอ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและห้ามมีไว้ในครอบครองซึ่งรังนกอีแอ่นที่ได้มาโดยฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าว จำเลยเก็บรังนกอีแอ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงมีความผิดฐานเก็บรังนกอีแอ่นโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเป็นความผิดสำเร็จทันที ที่จำเลยเข้าเก็บรังนกอีแอ่น และเป็นการกระทำความเสียหายแก่รังนกอีแอ่นไปพร้อมกันด้วย จึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90ส่วนที่จำเลยครอบครองรังนกอีแอ่นที่ได้มาจากการกระทำผิดต่อมาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังและแยกเป็นคนละส่วนจากการกระทำผิดครั้งแรกได้ จึงถือได้ว่าจำเลยกระทำผิดอีกกรรมหนึ่งต่างหากจากการกระทำผิดข้างต้นจึงเป็นการกระทำผิดต่างกรรมกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2297/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำหลอกลวงเพื่อค้าประเวณีถือเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
การที่จำเลยมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายแต่ละบุคคลไปทำงานค้าประเวณี เป็นเจตนาที่กระทำต่อแต่ละบุคคลไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2227/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ
เรื่อง ความผิดต่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบทรัพย์ในคดีสิ่งแวดล้อม: เครื่องมือประกอบอาชีพทั่วไป มิใช่ความผิดโดยตรง ศาลมีดุลพินิจ
จำเลยกระทำผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีคำสั่งให้ระงับการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในพื้นที่กำหนดโดยเด็ดขาดและก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายจากภาวะมลพิษแต่ชุดเกียร์ปั่นน้ำชุดแกนเหล็กติดใบพัดใช้ตีน้ำทุ่นรองแกนเหล็กล้วนเป็นเครื่องมือที่ใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงปลาเลี้ยงกุ้ง เป็นเครื่องมือประกอบอาชีพทั่วไป มิใช่เครื่องมือที่มีไว้จะเป็นความผิดในตัวโดยตรงซึ่งตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ. 2535 ไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการริบทรัพย์ไว้โดยเฉพาะจึงต้องอาศัยบทบัญญัติการริบทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลที่จะริบหรือไม่ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คประกันการชำระหนี้ ไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากมีเจตนาผ่อนชำระหนี้
เช็คพิพาทระบุวันสั่งจ่ายล่วงหน้าถึงสองปีเศษ จำนวนเงินในเช็คตรงกับจำนวนหนี้พร้อมดอกเบี้ยของการผ่อนชำระหนี้ค่าสินค้ารวม 27 งวดผู้รับมอบอำนาจโจทก์ตอบคำถามค้านว่า หากจำเลยชำระหนี้ครบถ้วนโจทก์จะคืนเช็คพิพาทให้จำเลย พฤติการณ์ดังกล่าวมาเชื่อว่า จำเลยไม่ได้ออกเช็คพิพาทเพื่อชำระค่าสินค้าตามฟ้อง แต่เป็นการออกเช็คเพื่อประกันการชำระหนี้ค่าสินค้าดังกล่าวกรณีไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเมิดลิขสิทธิ์และผลิตสื่อลามก: จำเลยมีความผิดฐานทำซ้ำและจำหน่ายงานละเมิดลิขสิทธิ์และสื่ออนาจาร
จำเลยถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมพร้อมด้วยแผ่นวีดีโอซีดีที่จำเลยร่วมกันทำซ้ำขึ้น โดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสามซึ่งจำเลยก็รับสารภาพต่อศาลแล้วร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งแผ่นวีดีโอซีดีที่ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 4,300 แผ่น ทั้งยังร่วมกันทำให้แพร่หลายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งแผ่นวีดีโอซีดีลามกอีกเป็นจำนวน 1,000 แผ่น เป็นการร่วมกันกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายมีลักษณะเป็นขบวนการโดยกลุ่มบุคคลหลายสัญชาติอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของลิขสิทธิ์ยิ่งกว่ากรณีปกติธรรมดาทั้งเป็นการกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน เหตุผลที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษจำคุกว่าจำเลยมีความประพฤติดี และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนยังไม่เพียงพอที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์-สนับสนุนการกระทำผิด, การใช้ยานพาหนะ, และการชดใช้ค่าเสียหายจากการกระทำผิด
จำเลยที่ 2 และที่ 3 นำสายไฟฟ้าเก่าของผู้เสียหายที่วางอยู่ตามพื้นในโรงงานมาวางบนเหล็กร้อน ทำให้เปลือกสายไฟฟ้าไหม้ละลายหมดเหลือแต่ลวดทองแดงที่เป็นซากของสายไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการเอาทรัพย์นั้นไปขายก็มิใช่แปรสภาพไปเป็นของอื่น ถือว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 เริ่มลงมือกระทำความผิดฐานลักทรัพย์นับแต่ที่นำสายไฟฟ้าไปวางบนเหล็กร้อนและเป็นความผิดต่อเนื่องกันมาจนกระทั่งขนย้ายลวดทองแดงออกจากโรงงานไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 1 ที่นอกรั้วโรงงาน แต่จำเลยที่ 1 รออยู่ห่างจากจุดที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 โยนทรัพย์ออกมาประมาณ 100 เมตร ไม่อาจช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที ไม่ใช่แบ่งหน้าที่กันทำในส่วนที่เป็นการกระทำความผิด จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการ คงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เท่านั้น
การที่จำเลยทั้งสามคบคิดกันลักลวดทองแดงของผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างโดยให้จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์มารออยู่ใกล้โรงงานเพื่อบรรทุกทรัพย์ไปย่อมเล็งเห็นเจตนาได้ว่า ประสงค์จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อการพาทรัพย์นั้นไป จำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้างในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะตาม ป.อ. มาตรา 336 ทวิ ส่วนจำเลยที่ 1 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการลักทรัพย์ดังกล่าว
สายไฟฟ้าของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยลักนำไปเผาลอกเอาเปลือกออกยังคงเหลือซากที่เป็นลวดทองแดงอยู่ มิได้ถูกทำลายสูญหายไปทั้งหมดหรือแปรสภาพไปเป็นของอื่น เมื่อผู้เสียหายได้รับลวดทองแดงคืนแล้ว พนักงานอัยการโจทก์จะขอให้คืนหรือใช้ราคาเต็มของสายไฟฟ้าแก่ผู้เสียหายตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 อีกไม่ได้ แม้ผู้เสียหายจะได้รับความเสียหายอันเกิดจากการกระทำความผิดของจำเลยเนื่องจากนำสายไฟฟ้าไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์เดิมไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายจะต้องไปว่ากล่าวเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเอาเองเป็นคดีใหม่
จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์มารออยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อจะใช้เป็นพาหนะบรรทุกลวดทองแดงที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ลักไป จำเลยที่ 1 ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์เป็นเครื่องมือหรือส่วนหนึ่งในการลักทรัพย์โดยตรง จึงถือไม่ได้ว่ารถจักรยานยนต์เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำความผิดอันจะพึงริบ ตาม ป.อ. มาตรา 33 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1620/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุจำเลยต่ำกว่า 18 ปีต้องลดโทษตามกฎหมาย และการริบของกลางต้องเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่ฟ้อง
ตามคำฟ้องระบุว่าจำเลยที่ 2 อายุ 17 ปี ซึ่งหมายความว่าขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 2 อายุยังไม่เกิน 17 ปี ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ย่อมต้องลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 ลงกึ่งหนึ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75บัญญัติบังคับไว้โดยเด็ดขาด การที่ศาลชั้นต้นไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 และศาลอุทธรณ์ภาค 6 มิได้แก้ไขจึงเป็นการไม่ชอบ
แม้ธนบัตรของกลางจะได้มาจากการกระทำความผิดแต่มิใช่การกระทำความผิดที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์จะขอให้ริบในคดีนี้ไม่ได้
of 682