พบผลลัพธ์ทั้งหมด 948 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันการจำนองเพื่อไถ่ถอนโฉนด ไม่ถือเป็นการชำระหนี้ล่วงหน้า ต้องคิดดอกเบี้ยตามสัญญา
ระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดจำเลยที่3นำเงินจำนวนสองล้านบาทไปวางไว้กับโจทก์เป็นประกันการจำนองที่ดินเพื่อไถ่จำนองเอาโฉนดคืนไปและตกลงว่าถ้าจำเลยที่3แพ้คดีก็ยอมให้โจทก์นำเงินสองล้านบาทหักชำระหนี้ได้การวางเงินดังกล่าวจำเลยที่3มีความประสงค์เพียงขอเปลี่ยนหลักทรัพย์โฉนดที่ดินที่วางเป็นประกันหนี้โดยใช้เงินทดแทนมิใช่การวางเงินโดยยอมรับผิดตามป.วิ.พ.มาตรา136วรรคแรกและถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้ล่วงหน้าต่อมามีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสี่แพ้คดีจำเลยที่3จึงต้องร่วมรับผิดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จการที่จำเลยที่3คำนวณดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันวางเงินจึงไม่ถูกต้องแม้โจทก์จะได้รับประโยชน์จากเงินจำนวนสองล้านบาทดังกล่าวก็เป็นข้ออ้างที่จำเลยที่3คิดว่าเสียเปรียบจะนำมาหักล้างการชำระหนี้ตามกฎหมายไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1223/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวางเงินประกันการจำนองเพื่อไถ่ถอน มิใช่การชำระหนี้ล่วงหน้า จึงต้องคิดดอกเบี้ย
ระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดจำเลยที่3นำเงินจำนวนสองล้านบาทไปวางไว้กับโจทก์เป็นประกันการจำนองที่ดินเพื่อไถ่จำนองเอาโฉนดคืนไปและตกลงว่าถ้าจำเลยที่3แพ้คดีก็ยอมให้โจทก์นำเงินสองล้านบาทหักชำระหนี้ได้การวางเงินดังกล่าวจำเลยที่3มีความประสงค์เพียงขอเปลี่ยนหลักทรัพย์โฉนดที่ดินที่วางเป็นประกันหนี้โดยใช้เงินทดแทนมิใช่การวางเงินโดยยอมรับผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา136วรรคแรกและถือไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้ล่วงหน้าต่อมามีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดให้จำเลยทั้งสี่แพ้คดีจำเลยที่3จึงต้องร่วมรับผิดชำระต้นเงินและดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จการที่จำเลยที่3คำนวณดอกเบี้ยให้โจทก์นับแต่วันวางเงินจึงไม่ถูกต้องแม้โจทก์จะได้รับประโยชน์จากเงินจำนวนสองล้านบาทดังกล่าวก็เป็นข้ออ้างที่จำเลยที่3คิดว่าเสียเปรียบจะนำมาหักล้างการชำระหนี้ตามกฎหมายไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4395/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยสัญญาจำนอง: การคิดดอกเบี้ยทบต้นและระยะเวลาเริ่มต้นการคิดดอกเบี้ย
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำสัญญาจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับธนาคารโจทก์ สัญญาจำนองระบุให้ผู้จำนองชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ตกลงส่งดอกเบี้ยเดือนละหนึ่งครั้งมิได้ระบุให้คิดดอกเบี้ยทบต้น แม้ในสัญญาจำนองต่อท้ายข้อ 2 จะระบุว่าผู้จำนองยอมให้ผู้รับจำนองคำนวณดอกเบี้ยที่ลูกหนี้ผิดนัดค้างชำระทบต้นเข้าในบัญชีของลูกหนี้และผู้จำนองยอมรับผิดชดใช้เงินดอกเบี้ยนี้ด้วยก็ตาม เป็นเรื่องการคำนวณยอดหนี้ที่ผู้จำนองต้องรับผิด มิใช่ระบุให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นเอากับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้จำนอง
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงในวันที่ 20 เมษายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดในดอกเบี้ยนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป มิใช่ให้รับผิดชำระดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงในวันที่ 20 เมษายน 2524 ซึ่งเป็นวันที่ถือว่าจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือทวงถามให้ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงต้องรับผิดในดอกเบี้ยนับแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป มิใช่ให้รับผิดชำระดอกเบี้ยนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3945/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนสัญญาจำนองที่ทำขึ้นโดยเจตนาทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบในชั้นบังคับคดี
ในชั้นบังคับคดีหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สัญญาจำนองที่ดินพิพาทเป็นนิติกรรมซึ่งจำเลยที่ 2 และผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองได้กระทำลงทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้เสียเปรียบแล้ว ศาลก็มีอำนาจที่จะเพิกถอนสัญญาจำนองที่ดินพิพาทระหว่างผู้ร้องและจำเลยที่ 2 ได้โดยไม่ต้องไปฟ้องเป็นคดีใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3542/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิไถ่ถอนจำนองเฉพาะราย: ผู้จำนองมีสิทธิชำระหนี้เฉพาะสัญญาจำนองที่ถูกฟ้อง โดยไม่จำเป็นต้องชำระหนี้ทุกราย
ทรัพย์สินรายหนึ่งอาจจำนองประกันหนี้หลายรายได้ หนี้ที่ประกันรายใดระงับสิ้นไป สัญญาจำนองที่ประกันหนี้รายนั้นย่อมระงับสิ้นไปเฉพาะราย และผู้จำนองมีสิทธิที่จะชำระหนี้เพื่อให้สัญญาจำนองรายใดรายหนึ่งระงับไปโดยไม่จำต้องชำระหนี้ทุกราย
การที่โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองซึ่งประกันต่างรายซึ่งต้องว่ากล่าวเป็นราย ๆ ไปแล้ว การบังคับคดีก็ต้องแยกต่างหากจากกัน ฉะนั้นเมื่อเป็นหนี้ต่างรายแม้หลักทรัพย์ประกันรายเดียวกัน จำเลยผู้จำนองย่อมมีสิทธิที่จะชำระหนี้เฉพาะคดีนี้เพื่อให้สัญญาจำนองที่ประกันหนี้ในคดีนี้ระงับไปได้ ส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น หากศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นหนี้โดย ได้จำนองทรัพย์รายเดียวกับที่จำนองในคดีนี้เป็นประกัน โจทก์ก็มีสิทธิที่จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินนั้นอีกได้ จึงไม่มีเหตุที่จะรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีอื่น
การที่โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองซึ่งประกันต่างรายซึ่งต้องว่ากล่าวเป็นราย ๆ ไปแล้ว การบังคับคดีก็ต้องแยกต่างหากจากกัน ฉะนั้นเมื่อเป็นหนี้ต่างรายแม้หลักทรัพย์ประกันรายเดียวกัน จำเลยผู้จำนองย่อมมีสิทธิที่จะชำระหนี้เฉพาะคดีนี้เพื่อให้สัญญาจำนองที่ประกันหนี้ในคดีนี้ระงับไปได้ ส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น หากศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นหนี้โดย ได้จำนองทรัพย์รายเดียวกับที่จำนองในคดีนี้เป็นประกัน โจทก์ก็มีสิทธิที่จะบังคับจำนองเอาแก่ทรัพย์สินนั้นอีกได้ จึงไม่มีเหตุที่จะรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3542/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำนองหลายราย & การชำระหนี้เฉพาะคดี: ผู้จำนองมีสิทธิไถ่ถอนจำนองเป็นรายคดีได้
ทรัพย์สินรายหนึ่งอาจจำนองประกันหนี้หลายรายได้หนี้ที่ประกันรายใด ระงับสิ้นไป สัญญาจำนองที่ประกันหนี้รายนั้นย่อมระงับสิ้นไปเฉพาะราย และผู้จำนองมีสิทธิที่จะชำระหนี้เพื่อให้สัญญาจำนองรายใดรายหนึ่ง ระงับไปโดยไม่จำต้องชำระหนี้ทุกราย
การที่โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองซึ่งประกันต่างราย ซึ่งต้องว่ากล่าวเป็นรายๆไปแล้วการบังคับคดีก็ต้องแยกต่างหากจากกัน ฉะนั้นเมื่อเป็นหนี้ต่างรายแม้หลักทรัพย์ประกันรายเดียวกันจำเลยผู้จำนอง ย่อมมีสิทธิที่จะชำระหนี้เฉพาะคดีนี้เพื่อให้สัญญาจำนองที่ประกันหนี้ ในคดีนี้ระงับไปได้ส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น หากศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นหนี้โดย ได้จำนองทรัพย์รายเดียวกับ ที่จำนองในคดีนี้เป็นประกันโจทก์ก็มีสิทธิที่จะบังคับจำนองเอาแก่ ทรัพย์สินนั้นอีกได้จึงไม่มีเหตุที่จะรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีอื่น
การที่โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยให้ชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองซึ่งประกันต่างราย ซึ่งต้องว่ากล่าวเป็นรายๆไปแล้วการบังคับคดีก็ต้องแยกต่างหากจากกัน ฉะนั้นเมื่อเป็นหนี้ต่างรายแม้หลักทรัพย์ประกันรายเดียวกันจำเลยผู้จำนอง ย่อมมีสิทธิที่จะชำระหนี้เฉพาะคดีนี้เพื่อให้สัญญาจำนองที่ประกันหนี้ ในคดีนี้ระงับไปได้ส่วนที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งนั้น หากศาลพิพากษาว่าจำเลยเป็นหนี้โดย ได้จำนองทรัพย์รายเดียวกับ ที่จำนองในคดีนี้เป็นประกันโจทก์ก็มีสิทธิที่จะบังคับจำนองเอาแก่ ทรัพย์สินนั้นอีกได้จึงไม่มีเหตุที่จะรอคดีนี้ไว้ฟังผลของคดีอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3043/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองหลังการขายทอดตลาด: สิทธิและกรอบเวลาตามกฎหมาย
ผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองโดยอาศัยอำนาจแห่งการจำนองซึ่งผู้ร้องมีบุริมสิทธิในการที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 หาใช่ร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์จำนองตามมาตรา 287 ไม่ เมื่อผู้ร้องยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 289 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งศาลชอบที่จะยกคำร้องของผู้ร้องเสีย (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 684/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันและผู้จำนองตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีภายในวงเงิน 700,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ราย นี้เป็นจำนวนเงิน 700,000 บาท ตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองระบุว่า เมื่อลูกหนี้ เบิกเงินเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของ ลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนอง อยู่ในเวลานี้หรือที่จะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้า ฯลฯ ผู้จำนองและ หรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบด้วยทั้งสิ้นเมื่อมีการบังคับจำนองเอาทรัพย์สิน ซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระ ฯลฯ เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใด ผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงิน ที่ขาดให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วน และจำเลยที่ 2 ยังทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวจนกว่าธนาคารจะได้รับและถึงแม้ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามอันทำให้ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญานั้นทันทีตีความตามสัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 2 รับผิดชำระหนี้จำนวน 700,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเท่านั้น หาใช่ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2832/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้ค้ำประกันและผู้จำนองในสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชี วงเงินจำกัดตามสัญญา
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีภายในวงเงิน700,000 บาท จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองเป็นประกันหนี้ราย นี้เป็นจำนวนเงิน 700,000บาทตามสัญญาต่อท้ายสัญญาจำนองระบุว่าเมื่อลูกหนี้ เบิกเงินเกินกว่ายอดเงินในบัญชีของ ลูกหนี้หรือลูกหนี้เป็นหนี้ผู้รับจำนอง อยู่ในเวลานี้หรือที่จะเป็นหนี้ต่อไปในภายหน้าฯลฯผู้จำนองและ หรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบด้วยทั้งสิ้นเมื่อมีการบังคับจำนองเอาทรัพย์สิน ซึ่งจำนองขายทอดตลาดได้เงินจำนวนสุทธิน้อยกว่าจำนวนเงินที่ค้างชำระฯลฯ เงินยังขาดอยู่จำนวนเท่าใดผู้จำนองและหรือลูกหนี้ยอมรับผิดชอบรับใช้เงิน ที่ขาดให้แก่ผู้รับจำนองจนครบถ้วนและจำเลยที่ 2 ยังทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้เงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีดังกล่าวจนกว่าธนาคารจะได้ รับและถึงแม้ ลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตามอันทำให้ ธนาคารไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนก็ดี ผู้ค้ำประกันยอมเข้ารับผิดร่วมกับ ลูกหนี้ในอันที่จะต้องชำระหนี้ตามสัญญานั้นทันทีตีความตาม สัญญาจำนองและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้ว่าจำเลยที่ 2 รับผิดชำระหนี้จำนวน 700,000 บาท รวมทั้งดอกเบี้ยด้วยเท่านั้น หาใช่ จำเลยที่ 2 ยอมรับผิดชำระหนี้แทนจำเลยที่ 1 โดยไม่จำกัดจำนวนไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2724/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนจำนองในคดีล้มละลาย ศาลไม่สามารถสั่งให้ชดใช้เงินหากเพิกถอนการจำนองแล้ว
เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนการจำนองของลูกหนี้คู่กรณีตาม สัญญาจำนองย่อมกลับสู่ฐานะเดิม ศาลจะสั่งให้มีการ ชดใช้เงินในกรณีที่ ไม่สามารถกลับสู่ฐานะเดิมอีกไม่ได้และเป็นการสั่งที่นอกเหนือไปจากบทบัญญัติของมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483