พบผลลัพธ์ทั้งหมด 592 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์เนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้สืบสิทธิ
                        
                        ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะ และตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2508
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายคดีเนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมและไม่มีผู้ดำเนินการแทน
                        
                        ในกรณีที่ผู้ร้องยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่สั่งว่าเรือนพิพาทที่โจทก์ยึดฟังไม่ได้ว่าเป็นของผู้ร้อง ต่อมาปรากฏว่าผู้ร้องได้ถึงแก่มรณะและตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 1 ปีแล้ว  ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนผู้ร้อง ดังนี้ ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีร้องขัดทรัพย์ออกเสียจากสารบบความศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายคดีเนื่องจากคู่ความถึงแก่กรรมและไม่มีผู้มาแทนที่ภายในกำหนด
                        
                        โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาส่งสำเนาให้จำเลย ทนายจำเลยแถลงว่าตัวความตายไปแล้ว ทนายจำเลยจึงหมดสิทธิเป็นทนายและตัวแทน จึงส่งคืนหมายของศาลและสำเนาฎีกาของโจทก์ ศาลสั่งให้ส่งสำเนาให้โจทก์ทราบ โจทก์ได้ทราบแล้ว เวลาผ่านมา 2 ปี ไม่มีผู้ใดเข้ามาเป็นคู้ความแทนจำเลย และโจทก์ไม่ได้มีคำขอเพื่อให้ศาลเรียกทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้มรณะเข้ามาเป็นคู่ความแทนดังนี้ ถือได้ว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาแทนทีคู่ความฝ่ายมรณะภายในกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3).
หมายเหตุ ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1).
                                    หมายเหตุ ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2508
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายคดีเนื่องจากคู่ความถึงแก่กรรมและไม่มีผู้สืบสิทธิเข้ามาดำเนินคดีแทนภายในกำหนด
                        
                        โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาส่งสำเนาให้จำเลยทนายจำเลยแถลงว่าตัวความตายไปแล้ว ทนายจำเลยจึงหมดสิทธิเป็นทนายและตัวแทน  จึงส่งคืนหมายของศาลและสำเนาฎีกาของโจทก์  ศาลสั่งให้ส่งสำเนาให้โจทก์ทราบ โจทก์ได้ทราบแล้ว เวลาผ่านมา 2 ปี ไม่มีผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลย และโจทก์ไม่ได้มีคำขอเพื่อให้ศาลเรียกทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้มรณะเข้ามาเป็นคู่ความแทน  ดังนี้ ถือได้ว่าไม่มีผู้ใดเข้ามาแทนที่คู่ความฝ่ายมรณะภายในกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 42 ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132(3)
หมายเหตุ ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1)
                                    หมายเหตุ ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฟ้องซ้ำต้องห้าม: คดีอาญาที่จำหน่ายคดีแล้ว ไม่กระทบสิทธิฟ้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายจากละเมิด
                        
                        ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้จำเลยใช้เงินที่จำเลยได้ยักยอกเอาไป  จำเลยตัดฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำต้องห้าม  ข้อเท็จจริงปรากฏว่า  ก่อนผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งนั้น  ผู้ว่าคดีเคยฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยยักยอกเงินรายเดียวกันนี้  และมีคำขอให้จำเลยใช้เงินที่ยักยอกนั้นด้วย  ทั้งตัวผู้เสียหายก็ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญานั้นด้วย  ศาลแขวงได้ไต่สวนมูลฟ้องเพราะเป็นคดีเกินอำนาจ  แล้วเห็นว่าคดียังไม่มีมูลว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานยักยอก  จึงพิพากษายกฟ้อง  ผู้ว่าคดีอุทธรณ์  ต่อมาจำเลยได้ตายในระหว่างอุทธรณ์  ศาลอุทธรณ์จึงสั่งจำหน่ายคดี  ส่วนคดีแพ่งที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวนั้น  ได้ฟ้องเข้ามาก่อนจำเลยถึงแก่ความตาย  ดังนี้  ฟ้องคดีแพ่งของผู้เสียหายดังกล่าว  หาเป็นฟ้องซ้ำต้องห้าไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1850/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดี: สิทธิในการอุทธรณ์ถูกจำกัดเมื่อจำเลยไม่ติดใจให้ดำเนินคดีต่อ
                        
                        โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขาดนัดพิจารณา จำเลยแถลงว่าตนไม่ติดใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีเสีย แล้วโจทก์จะมาอ้างว่าไม่ได้จงใจขาดนัดอันจะเป็นเหตุให้ถือว่าขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งว่าโจทก์ไม่ได้ขาดนัดพิจารณา แล้วให้ดำเนินคดีต่อไป ดังนี้หาได้ไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1850/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ขาดนัดพิจารณาคดี: สิทธิอุทธรณ์จำกัดเมื่อจำเลยไม่ติดใจให้พิจารณาต่อไป
                        
                        โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน  ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขาดนัดพิจารณา จำเลยแถลงว่าตนไม่ติดใจจะให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป  ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีเสีย แล้วโจทก์จะมาอ้างว่าไม่ได้จงใจขาดนัดอันจะเป็นเหตุให้ถือว่าขาดนัดพิจารณา ขอให้ศาลไต่สวนและสั่งว่าโจทก์ไม่ได้ขาดนัดพิจารณา แล้วให้ดำเนินคดีต่อไปดังนี้ หาได้ไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1680/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเพิกเฉยฟ้องหลังรอฟังผลคดีอื่น ศาลจำหน่ายคดีได้
                        
                        ในกรณีที่โจทก์ฎีกาและศาลฎีกาสั่งให้รอการพิจารณาคดีไว้เพื่อฟังผลของอีกคดีหนึ่งก่อน  เมื่อคดีนั้นถึงที่สุดแล้วให้โจทก์แถลงให้ศาลทราบภายใน 10 วันนั้น  หากคดีที่สั่งให้รอถึงที่สุด และโจทก์ไม่ได้ปฏิบัติการดังข้อกำหนดของศาลแต่ประการใดแล้ว ก็ถือว่าโจทก์เพิกเฉยไม่นำพาในการดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลกำหนดเป็นการทิ้งฟ้อง ต้องจำหน่ายคดี
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162-163/2506
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การจำหน่ายคดีมิใช่การระงับสิทธิฟ้องใหม่
                        
                        คดีอาญานั้น เมื่อโจทก์ทิ้งฟ้องก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของจำเลย ศาลจึงควรพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 แต่ศาลชั้นต้นกลับสั่งจำหน่ายคดีนั้น เมื่อจำเลยไม่อุทธรณ์ผลแห่งคดีจึงคงเป็นว่า ศาลสั่งจำหน่ายคดีอยู่นั่นเองซึ่งไม่ทำให้สิทธินำคดีมาฟ้องใหม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39ฉะนั้นโจทก์จึงฟ้องใหม่ได้ภายในอายุความ โดยไม่ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การจำหน่ายคดีมรดกเมื่อผู้จัดการมรดกถึงแก่กรรม และหลักการมรดกความ
                        
                        คดีที่ร้องขอแต่งตั้งหรือถอดถอนผู้จัดการมรดก  ไม่เป็นคดีที่ทายาทจะรับมรดกความของคู่ความที่ถึงแก่กรรมได้ เพราะไม่เป็นมรดก
คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนจำเลยผู้จัดการมรดก เมื่อจำเลยถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี
                                    คดีที่ร้องขอให้ถอดถอนจำเลยผู้จัดการมรดก เมื่อจำเลยถึงแก่กรรมในระหว่างฎีกา ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาฎีกาของจำเลยต่อไป ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดี