พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานพยานโจทก์ไม่พอพิสูจน์ความผิด จำเลยต้องได้รับการยกฟ้อง
คดีที่โจทก์หาว่าจำเลยลักทรัพย์ในที่จอดรถไฟโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมกรณีมาสืบ คงส่งแต่คำให้การเจ้าทรัพย์ในชั้นสอบสวนมาประกอบการพิจารณากับอ้างตำรวจผู้ทำการจับกุมจำเลยตามคำบอกเล่าของเจ้าทรัพย์โดยมิได้รู้เห็นขณะเกิดเหตุ ทั้งธนบัตรที่ค้นได้จากจำเลยก็มากกว่าที่เจ้าทรัพย์ว่าถูกล้วงไป ดังนี้น้ำหนักหลักฐานพยานโจทก์หาพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 819/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นระบุพยานนอกกรอบเวลาที่ศาลกำหนด และเหตุผลความล่าช้าที่ไม่สมควร
จำเลยไม่ได้ยื่นระบุพยานไว้ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกแล้วมีเหตุต้องเลื่อนไปอีกเดือนครึ่งจำเลยจึงพึ่งยื่นขอระบุพยานในระหว่างสืบพยานโจทก์ครั้งหลัง โดยอ้างเหตุว่าสืบไปนั้นยังไม่เป็นเหตุอันสมควรให้ศาลรับฟังพยานโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา87,88
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจดุลยพินิจศาลในการพิจารณาพยานและตรวจสอบสถานที่: ข้อจำกัดในการฎีกาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์น้อย
การที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้คู่ความอ้างพยานเพิ่มเติมตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 88 + ก็ดี การที่ศาลไม่ไปดูที่พิพาทก็ดี เป็นเรื่องดุลยพินิจของศาล การโต้แย้งดุลยพินิจของศาลเป็นการโต้แย้งดุลยพินิจของศาลเป็นการโต้แย้งในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการรับฟังพยานและการตรวจดูสถานที่ การโต้แย้งถือเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริง
การที่ศาลสั่งไม่อนุญาตให้คู่ความอ้างพยานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม ก็ดีการที่ศาลไม่ไปดูที่พิพาทก็ดีเป็นเรื่องดุลพินิจของศาลการโต้แย้งดุลพินิจของศาลเป็นการโต้แย้งในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1623/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมโมฆะ: พยานไม่พร้อมกัน, พยานผู้เขียน, พิมพ์ลายนิ้วมือขาดพยาน
พยานในพินัยกรรม 2 คนซึ่งไม่ได้ลงชื่อในขณะทำพินัยกรรมพร้อมกัน คนหนึ่งลงชื่อไว้ในภายหลัง แม้จะได้สอบถามตัวเจ้ามรดกหรือไม่ก็ตาม พยานเช่นนี้ย่อมเรียกไม่ได้ว่าเป็นพยานในพินัยกรรมตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1656
พยานผู้เขียนพินัยกรรมซึ่งลงชื่อไว้ในช่องผู้เขียนแยกต่างหากจากช่องพยานในพินัยกรรม เช่นนี้จะถือผู้เขียนเป็นทั้งพยานในพินัยกรรมและพยานผู้เขียนด้วยไม่ได้
ผู้ทำพินัยกรรมพิมพ์ลายนิ้วมือไว้โดยมีพยานเซ็นชื่อรับรองในขณะนั้นเพียงคนเดียวดังนี้เป็นการไม่ชอบตามมาตรา 1665
พยานผู้เขียนพินัยกรรมซึ่งลงชื่อไว้ในช่องผู้เขียนแยกต่างหากจากช่องพยานในพินัยกรรม เช่นนี้จะถือผู้เขียนเป็นทั้งพยานในพินัยกรรมและพยานผู้เขียนด้วยไม่ได้
ผู้ทำพินัยกรรมพิมพ์ลายนิ้วมือไว้โดยมีพยานเซ็นชื่อรับรองในขณะนั้นเพียงคนเดียวดังนี้เป็นการไม่ชอบตามมาตรา 1665
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการแต่งตั้งอัยการผู้ช่วยศาลทหาร และอำนาจการเป็นโจทก์เมื่ออัยการเป็นพยาน
คำสั่งที่ปลัดกระทรวงกลาโหมลงนามแต่งตั้งอัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ โดยวิธีคำสั่งรัฐมนตรีนั้นเป็นคำสั่งรัฐมนตรีตั้ง หาใช่ปลัดกระทรวงตั้งไม่ จึงชอบด้วย พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร ม. 79
เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฯเป็นพยานในคดีใด ซึ่งต้องห้ามมิให้เป็นโจทก์ตาม พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหารมาตรา 85(2) อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ จึงมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้นได้ หาขัดต่อ พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร ม.80 ไม่
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลทหารกลางแล้วให้ศาลทหารกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฯเป็นพยานในคดีใด ซึ่งต้องห้ามมิให้เป็นโจทก์ตาม พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหารมาตรา 85(2) อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ จึงมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้นได้ หาขัดต่อ พ.ร.บ.พระธรรมนูญศาลทหาร ม.80 ไม่
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลทหารกลางแล้วให้ศาลทหารกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจอัยการผู้ช่วยศาลทหาร: คำสั่งแต่งตั้งชอบด้วยกฎหมายเมื่อเป็นการรับคำสั่งรัฐมนตรี และการลงชื่อฟ้องคดีเมื่ออัยการหลักเป็นพยาน
คำสั่งที่ปลัดกระทรวงกลาโหมลงนามแต่งตั้งอัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯ โดยวิธีรับคำสั่งรัฐมนตรีนั้นเป็นคำสั่งรัฐมนตรีตั้งหาใช่ปลัดกระทรวงตั้งไม่ จึงชอบด้วย พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร มาตรา 79
เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฯเป็นพยานในคดีใด ซึ่งต้องห้ามมิให้เป็นโจทก์ตาม พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร มาตรา 85(2)อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯจึงมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้นได้ หาขัดต่อ พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร มาตรา 80ไม่
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลทหารกลางแล้วให้ศาลทหารกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
เมื่ออัยการศาลทหารกรุงเทพฯเป็นพยานในคดีใด ซึ่งต้องห้ามมิให้เป็นโจทก์ตาม พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร มาตรา 85(2)อัยการผู้ช่วยศาลทหารกรุงเทพฯจึงมีอำนาจลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้นได้ หาขัดต่อ พระราชบัญญัติพระธรรมนูญศาลทหาร มาตรา 80ไม่
ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลทหารกลางแล้วให้ศาลทหารกลางวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงต่อไป แล้วพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 119/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหักกลบลบหนี้กับการนำสืบพยาน: ปืนแลกเงินกู้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้ ตามสัญญากู้เงินจำเลยต่อสู้ว่าโจทก์ซื้อปืนพกจำเลยไป 1 กระบอกเป็นจำนวนเงินแน่นอนและว่าได้ตกลงกันหักกลบลบหนี้กันแล้วดังนี้ได้ชื่อว่าเป็นการหักกลบลบหนี้กัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 341 หาใช่เป็นการใช้ทรัพย์แทนเงินกู้ตามมาตรา 321 ไม่ฉะนั้นจำเลยจึงนำพยานมาสืบตามข้อต่อสู้ได้ ไม่ใช่กรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 653 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบพยาน & การพิสูจน์พินัยกรรม: เมื่อสืบพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องพิจารณาใหม่
โจทย์ฟ้องขอแบ่งมรดกโดยไม่มี พินัยกรรม์ จำเลยต่อสู้ว่าเจ้ามรดกทำพินัยกรรม์ยกให้จำเลยดังนี้หน้าที่นำสืบตกแก่จำเลย เมื่อได้สืบพยานทั้งสองฝ่ายไปจนสิ้นกระแสรืความแล้ว โดยศาลชั้นต้นให้โจทก์นำสืบก่อน โจทก์ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า หากจะพิจารณาใหม่โจทก์จะมีพยานหลักฐานอื่นใดมาสืบพิศูจน์หักล้างพยานหลักฐานจำเลย เกี่ยวกับพินัยกรรม์อีกดังนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องสั่งให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมสมบูรณ์แม้พยานลงชื่อไม่ถูกต้อง พยาน 2 คน + ผู้เขียนพยาน ถือใช้ได้
พินัยกรรม์ที่พยานลงชื่อไม่ถูกต้องเสียคนหนึ่ง แต่ยังมีพยานอีกคนหนึ่งและผู้เขียนซึ่งเป็นพยานด้วยอีกคนหนึ่ง รวมเป็น 2 คน ดังนี้ ก็ถือได้ว่า พินัยกรรมนั้นมีพยานครบถ้วนถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
พยาน 2 คนลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรม์ ขณะที่ทำพินัยกรรม์นั้นไม่จำต้องลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมืออีกหนหนึ่ง ก็มีผลเท่ากับรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ทำพินัยกรรม์ไปในตัว
พยาน 2 คนลงชื่อเป็นพยานในพินัยกรรม์ ขณะที่ทำพินัยกรรม์นั้นไม่จำต้องลงชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมืออีกหนหนึ่ง ก็มีผลเท่ากับรับรองลายพิมพ์นิ้วมือผู้ทำพินัยกรรม์ไปในตัว