พบผลลัพธ์ทั้งหมด 823 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฎีกาชั่วคราวเพื่อยื่นใหม่ภายในอายุความ และการพิจารณาข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับฟ้อง
ในคดีอาญา จำเลยถอนฎีกาโดยกล่าวว่า ขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายืนใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นฎีกาใหม่ภายในอายุความฎีกา
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง และด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุในรถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็วเป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง และด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุในรถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็วเป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าในคดีสมคบกันฆ่า: การบรรยายฟ้องและการพิสูจน์เจตนา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจสมคบกันฆ่า ก็ย่อมหมายความว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัว ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายไม่
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร่าฟันผู้ตายถึงแก่ตามความโดยเจตนา
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร่าฟันผู้ตายถึงแก่ตามความโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1573/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าในคดีอาญา: การตีความจากพฤติการณ์และการบรรยายฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า "จำเลยได้บังอาจสมคบร่วมกันฆ่า"ก็ย่อมหมายความว่า จำเลยกับพวกมีเจตนาจะฆ่าให้ตายอยู่ในตัว ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องระบุในฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าให้ตายไม่
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร้าฟันผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา
ฟ้องของโจทก์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาได้ ในเมื่อปรากฏตามทางพิจารณาว่าจำเลยใช้พร้าฟันผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องฐานประมาทเลินเล่อไม่ต้องระบุโดยชัดเจน หากใจความในฟ้องสื่อถึงพฤติการณ์ประมาทได้
บรรยายฟ้องว่าจำเลยสมคบกันใช้ไฟจุดเผาป่าที่ดินของจำเลยเองแล้วไม่ระมัดระวังดูแลให้ดี ไฟได้ไหม้ลุกลามไปติดสวนของนางบุญ เป็นเหตุให้ต้นผลไม่ต่าง ๆ ของนางบุญเสียหาย ดังนี้ ถึงแม้ในฟ้องไม่ได้ระบุว่า จำเลยกระทำโดยประมาท ก็พอเข้าใจได้ในตัวจำเลยกระทำโดยประมาท เป็นฟ้องที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 988/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชัดเจนของฟ้องหมิ่นประมาททางหนังสือพิมพ์: การบรรยายการกระทำผิดต้องชัดแจ้งเพื่อให้จำเลยเข้าใจ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาด้วยเอกสารหนังสือพิมพ์ โดยกล่าวในฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ จำเลยสมคบร่วมกันกระทำความผิดหมิ่นประมาทโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ข่าว และกล่าวข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แก่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ โดยจำเลยที่ 1 ตั้งใจก่อให้เกิดการลงพิมพ์โฆษณาหมิ่นประมาทโจทก์ โดยให้ผู้สื่อข่าวนำข้อความที่หมิ่นประมาทโจทก์นั้น ไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือพิมพ์ข่าวภาพ และหนังสือพิมพ์ข่าวภาพได้ลงพิมพ์โฆษณาข้อความหมิ่นประมาทโจทก์แล้ว ดังนี้ ถือว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 846/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวันเกิดเหตุในชั้นพิจารณาคดี ไม่กระทบต่อความเข้าใจข้อหาของจำเลย และถือว่าข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง
แม้ตัวผู้เสียหายจะเบิกความวันเกิดเหตุผิดจากฟ้องก็ดีและพยานโจทก์คนอื่นจำได้แต่เดือน ส่วนวันจำไม่ได้ก็ดี แต่พยานโจทก์เหล่านี้ก็ได้ให้การชั้นสอบสวนหลังจากเกิดเหตุเพียงเล็กน้อยระบุวันเกิดเหตุตรงตามฟ้อง ดังนี้ ถือได้ว่าข้อเท็จจริงไม่ต่างกับฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องระบุเจตนาหรือประมาทเลินเล่อ และข้อจำกัดในการฟ้องให้ศาลบังคับข้าราชการ
ฟ้องเรื่องละเมิด ต้องกล่าวแสดงว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์โดยผิดกฎหมายให้โจทก์เสียหายตาม ป.พ.พ. มาตรา 420
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ประการใดเลย เป็นแต่กล่าวลอย ๆ ว่า จำเลยทำเช่นนั้น ทำเช่นนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสิ้น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายคำสั่งของรัฐมนตรีสั่งราชการแทนนายรัฐมนตรี แต่มิได้ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้รับผิดด้วย ย่อมบังคับไม่ได้ตามคำขอนี้
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้สั่งโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นอำนาจของทางการจะสั่งโดยพิเคราะห์ถึงความเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องของศาลที่จะสั่ง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 และที่ 8/2502)
เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อโจทก์ประการใดเลย เป็นแต่กล่าวลอย ๆ ว่า จำเลยทำเช่นนั้น ทำเช่นนี้ ซึ่งล้วนแต่เป็นการกระทำในหน้าที่ราชการของจำเลยทั้งสิ้น คำฟ้องของโจทก์จึงเป็นฟ้องที่ไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172
ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาทำลายคำสั่งของรัฐมนตรีสั่งราชการแทนนายรัฐมนตรี แต่มิได้ฟ้องสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีผู้เกี่ยวข้องกับคำสั่งให้รับผิดด้วย ย่อมบังคับไม่ได้ตามคำขอนี้
คำขอท้ายฟ้องที่ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้สั่งโจทก์ไปดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเป็นอำนาจของทางการจะสั่งโดยพิเคราะห์ถึงความเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องของศาลที่จะสั่ง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5 และที่ 8/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์/รับของโจร แม้มีการกล่าวถึงการขายของกลางก่อน
การบรรยายฟ้องข้อหาฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยบรรยายตอนต้นว่า มีคนร้ายลักทรัพย์นั้น แม้จะได้บรรยายไว้ในตอนต่อมาอีกว่า จำเลยได้เอาทรัพย์ที่คนร้ายลักไปนั้นขายให้แก่ผู้มีชื่อ ทั้งนี้โดยจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์ฉันรับหรือมิฉนั้นจำเลยก็รับทรัพย์นั้นไว้โดยรู้ว่าได้มาโดยการกระทำผิดฐานลักทรัพย์เช่นนี้ เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้วไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวในฟ้องถึงเรื่องจำเลยขายทรัพย์ของกลาง ย่อมเข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ที่จำเลยลักหรือรับของโจรไว้แล้วนั่นเอง โจทก์จะกล่าวเรื่องขายทรัพย์ของกลางก่อนหรือเรื่องลักทรัพย์กับรับของโจรก่อนอยู่ที่การเรียบเรียง เรื่องขายทรัพย์ของกลางจึงเป็นเพียงข้อเท็จจริงประการหนึ่งซึ่งอย่างน้อยก็แสดงถึงมูลเหตุที่ทำให้ได้ตัวจำเลยและของกลาง และแม้โจทก์ไม่กล่าวมาในฟ้องก็อาจนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1146/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องคดีไม้หวงห้าม ไม่ต้องระบุวิธีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา หากมีข้อเท็จจริงเพียงพอ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ บรรยายฟ้องว่า ไม้เหียงเป็นไม้หวงห้าม พงศ. 2494 โดยไม่ได้บรรยายว่า พระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้าม พ.ศ. 2494 ได้ประกาศตามความใน มาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ดังนี้ ก็ถือว่า เป็นฟ้องสมบูรณ์ลงโทษจำเลยได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ขัดกับฟ้องเดิม แม้เหตุต่างกัน ศาลสั่งงดพยานจำเลยได้หากประวิงคดี
โจทก์เป็นสหกรณ์ มีวัตถุประสงค์ซื้อและขายข้าว จำเลยเป็นผู้จัดการของโจทก์ เมื่อคณะกรรมการมาตรวจ ปรากฏว่าข้าวขาดจำนวน แต่จำเลยไม่มีเงินมาให้ตรวจ จำเลยจึงทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ ว่าจำเลยทำเงินขาดไป ซึ่งจะว่าเป็นเรื่องข้าวขาดหรือเงินขาดก็ได้ จำเลยก็จะต้องรับผิดตามหนังสือรับสภาพหนี้เช่นเดียวกัน หนังสือรับสภาพหนี้จึงไม่ขัดกับคำฟ้องที่ว่าจำเลยทำข้าวเปลือกขาดจำนวนไปอันเป็นเพียงการกล่าวไปถึงมูลเหตุที่จำเลยจะทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้เท่านั้น แต่ข้อใหญ่ใจความของฟ้องโจทก์ก็คือ เรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ ที่จำเลยทำให้ไว้นั่นเอง
พยานจำเลยเป็นพยานหมาย แต่จำเลยไม่ขอหมายเรียกพยานให้มาศาล ถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย ทั้งตัวจำเลยเองก็ไม่ได้มาศาล คงมีแต่โทรเลขบอกมายังทนายว่าป่วย ขอเลื่อนถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการบอกป่วยมาลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐานอย่างใด เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับจำเลยไม่ขอหมายเรียกพยานล่วงหน้าเสียด้วย เลยไม่มีพยานมาศาลเช่นนี้ รูปเรื่องแสดงว่า จำเลยแกล้งประวิงคดีให้ล่าช้า ศาลย่อมสั่งงดพยานจำเลยเสียได้
พยานจำเลยเป็นพยานหมาย แต่จำเลยไม่ขอหมายเรียกพยานให้มาศาล ถือได้ว่าเป็นความผิดของจำเลย ทั้งตัวจำเลยเองก็ไม่ได้มาศาล คงมีแต่โทรเลขบอกมายังทนายว่าป่วย ขอเลื่อนถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการบอกป่วยมาลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐานอย่างใด เมื่อพิเคราะห์ประกอบกับจำเลยไม่ขอหมายเรียกพยานล่วงหน้าเสียด้วย เลยไม่มีพยานมาศาลเช่นนี้ รูปเรื่องแสดงว่า จำเลยแกล้งประวิงคดีให้ล่าช้า ศาลย่อมสั่งงดพยานจำเลยเสียได้