คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฟ้องร้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 993 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3285/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินปลอม: โจทก์ฟ้องผิดฐาน ไม่มีสิทธิเรียกร้องหนี้จากจำเลย
ตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์นำมาฟ้องเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินปลอม โดยปลอมทั้งลายมือชื่อผู้ออกตั๋วและปลอมตราประทับ ซึ่ง ไม่ใช่ตราของจำเลยที่ 1 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1008 ตามคำฟ้อง คำให้การ มิได้กล่าวอ้างถึงข้อต่อสู้ตามข้อยกเว้นตอนท้าย ของ มาตรา 1008 ที่ว่า เว้นแต่คู่สัญญาฝ่ายซึ่งจะพึง ถูกยึดหน่วง หรือถูกบังคับใช้เงินนั้นจะอยู่ในฐานเป็น ผู้ต้องตัดบทมิ ให้ยกข้อลายมือชื่อปลอม หรือข้อลงลายมือชื่อ ปราศจากอำนาจ นั้นขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้เลย คดีจึงไม่มี ประเด็นที่ศาล จะวินิจฉัยไปถึงว่า เมื่อฟังว่าลายมือ ในตั๋วปลอมแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดเพราะเหตุที่อยู่ ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบท มิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมนั้น เป็นข้อต่อสู้อีก เพราะเป็น การวินิจฉัยนอกประเด็นพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3066/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสัญญากู้เท็จมาฟ้องแล้วทำประนีประนอมยอมความ ไม่ถือว่านำสืบหลักฐานเท็จ
จำเลยได้อาศัยหนังสือสัญญากู้อันเป็นเท็จมาฟ้องผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้กู้ แล้วมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล และศาลได้พิพากษาไปตามยอมนั้น ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีของศาลจำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสาบานตัวขอเป็นคนอนาถาต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้รับมอบอำนาจสาบานแทนไม่ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 บัญญัติให้ ผู้จะฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถายื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง พร้อมกับคำฟ้อง ฯลฯและสาบานตัวให้คำชี้แจงว่า ตน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล แสดงให้เห็นว่าการสาบานตัวดังกล่าวผู้ฟ้องหรือผู้ต่อสู้คดีจะต้องสาบานด้วยตนเอง จะมอบให้บุคคลอื่นสาบานตัวแทนไม่ได้ เพราะ การสาบานตัวเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องหรือต่อสู้คดีจึงสาบานตัว แทนคู่ความผู้มอบอำนาจไม่ได้ เพราะผู้รับมอบอำนาจมิใช่ผู้ฟ้องหรือ ผู้ต่อสู้คดีตามความหมายแห่ง มาตรา 156
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสาบานตัวขอเป็นคนอนาถาต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้รับมอบอำนาจสาบานแทนไม่ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 บัญญัติให้ ผู้จะฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถายื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง พร้อมกับคำฟ้อง ฯลฯ และสาบานตัวให้คำชี้แจงว่า ตน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล แสดงให้เห็นว่าการสาบานตัวดังกล่าวผู้ฟ้องหรือผู้ต่อสู้คดีจะต้องสาบานด้วยตนเอง จะมอบให้บุคคลอื่นสาบานตัวแทนไม่ได้ เพราะ การสาบานตัวเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องกระทำด้วยตนเองผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องหรือต่อสู้คดีจึงสาบานตัว แทนคู่ความผู้มอบอำนาจไม่ได้ เพราะผู้รับมอบอำนาจมิใช่ผู้ฟ้องหรือ ผู้ต่อสู้คดีตามความหมายแห่ง มาตรา 156 (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1868/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิด: เริ่มนับแต่วันที่ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้ต้องรับผิด
ข้อเท็จจริงได้ความจากการนำสืบของโจทก์ว่า รถยนต์โจทก์ถูกรถยนต์จำเลยที่ 2 ซึ่งมีจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทชนได้รับความเสียหายเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 ต่อมาวันที่ 29 สิงหาคม 2518 นาย น.ข้าราชการในสังกัดกรมโจทก์ และได้รับมอบหมายจากกรมโจทก์ให้เดินทางไปสังเกตการณ์และสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์คันของโจทก์ถูกชน นาย น.ได้ทำบันทึกรายงานแจ้งถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังปรากฏตามรายงานข้อ 7 ในบันทึกเอกสารหมายจ.5 ว่า "กระผมได้ไปพบเจ้าของรถบรรทุก ร. น. 00562 และตัวแทนบริษัทธนกิจประกันภัย จำกัด (นายธัญญะ เอื้ออารี) เพื่อเรียกร้องการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งทางบริษัทประกันภัยได้ตกลงเป็นหลักการไว้ว่ายินดีจะชดใช้ ค่าเสียหายโดยจะซ่อมแซม รถยนต์แลนด์โรเวอร์ ก.ท.ฬ.- 1021 ให้อยู่ในสภาพเดิม " นายภักดี ลุศนันท์ อธิบดีกรมโจทก์ในขณะนั้นได้มีบันทึกสั่งการไว้ในท้ายบันทึกรายงานดังกล่าว ลงวันที่ 2 กันยายน 2518 ว่า 1. การตกลงกับบริษัทประกันภัยและเจ้าของรถบรรทุกต้องมีลายลักษณ์อักษร 2. ทำรายงานไปกระทรวงการคลัง 3. ตั้งกรรมการสอบ ผู้รับผิดชอบทางแพ่งตามระเบียบซึ่งต่อมานาง ฉ.ประธานกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งตามที่กรมโจทก์ตั้ง ขึ้นก็ได้ทำรายงานความเห็นต่ออธิบดีกรมโจทก์ ดังปรากฏตามบันทึกข้อความเอกสารหมายจ.6หน้าที่ 3 ความว่าเห็นว่ารถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ร.น.00562 เป็นฝ่ายผิดซึ่งเจ้าของรถยนต์ดังกล่าวจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กรมโจทก์แต่เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2518 และรู้ตัวผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2518 ฉะนั้นการที่จะเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าของรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียนร.น.00562 นั้น ขาดอายุความ แล้ว
จากข้อเท็จจริงตามที่ได้ความดังกล่าวเห็นว่า กรมโจทก์โดยอธิบดีในขณะนั้นได้รู้ถึงการกระทำละเมิดและรู้ตัว ผู้ที่จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งได้แก่จำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน 2518ตามที่อธิบดีกรมโจทก์ในขณะนั้นได้ เขียนบันทึกสั่งการไว้ท้ายบันทึกรายงานตามเอกสารหมายจ.5 ซึ่งแม้แต่นางฉ.ประธานกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งที่โจทก์แต่งตั้งขึ้นก็ยังให้ความเห็นว่าคดีขาดอายุความแล้ว ดังนี้ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2522 ซึ่งเป็นเวลาพ้นหนึ่งปีนับแต่วันที่โจทก์ผู้เสียหายรู้ถึงการละเมิด และรู้ตัวจำเลยผู้ต้องรับผิดดังกล่าว คดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 6/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หุ้นส่วนขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นฟ้องร้องอาญา ย่อมเป็นเหตุให้ศาลสั่งเลิกห้างหุ้นส่วนได้
ห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 มีผู้เป็นหุ้นส่วนสองคน คือโจทก์ซึ่งเป็นหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิด และจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ยักยอกทรัพย์ ของห้างหุ้นส่วน และจำเลยที่ 2 กล่าวหาว่าโจทก์ลักทรัพย์ของห้างหุ้นส่วน จนโจทก์และจำเลยที่ 2 ต่างถูกพนักงานอัยการฟ้องคดีอาญาในความผิดที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาซึ่งกันและกัน พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้เป็นหุ้นส่วนไม่ปรองดองกันไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน จึง เป็นกรณีที่มีเหตุทำให้ห้างหุ้นส่วนเหลือวิสัยที่จะดำรง คงอยู่ต่อไปได้ ศาลย่อมพิพากษาให้ห้างหุ้นส่วนเลิกกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 774/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียก/หมายนัดที่ถูกต้อง แม้ชื่อจำเลยในฟ้องผิดพลาดเล็กน้อย ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ/พิจารณาโดยจงใจ
แม้ในคำฟ้องและหมายเรียกจะระบุว่าจำเลยชื่อนางสุดจารีย์ โลกะวิทย์ โดยจำเลยชื่อนางสุจารีโลกะวิทย์ ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์เสียไป เพราะเป็นเพียงการสะกดการันต์ผิดพลาดเล็กน้อย และที่บ้านจำเลยไม่มีบุคคลอื่นที่มีชื่อว่านางสุดจารีย์อันจะทำให้เข้าใจผิดไปได้ และปรากฏด้วยว่าการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การเป็นเพราะจำเลยหาเหตุที่ฟ้องของโจทก์สะกดการันต์ชื่อจำเลยไม่ถูกต้องการที่จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้จึงถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจ เมื่อปรากฏต่อมาว่าเจ้าพนักงานศาลได้ปิดหมายนัดกำหนดวันสืบพยานไว้ที่บ้านจำเลย จึงต้องถือว่าได้มีการส่งหมายกำหนดวันสืบพยานให้จำเลยทราบโดยชอบแล้วเช่นเดียวกัน การที่จำเลยไม่ มาศาลจึงถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ ย่อมไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีผลผูกพันหากบัญชีปิดก่อนเรียกเก็บเงิน ผู้ทรงเช็คฟ้องได้ แม้มีข้อโต้แย้งมูลหนี้
ในกรณีฟ้องเรียกเงินตามเช็ค แม้ธนาคารจะได้เรียกเก็บเงินตามเช็คก่อนวันที่ลงในเช็ค หากบัญชีของผู้สั่งจ่ายได้ปิดไปก่อนที่ธนาคารเรียกเก็บเงินแล้ว ก็เป็นอันว่าเช็คนั้นไม่มีผลเป็นการชำระหนี้ได้ไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารเรียกเก็บเงินซ้ำอีกในกรณีเช่นนี้ผู้ทรงเช็คย่อมนำเช็คมาฟ้องร้องผู้สั่งจ่ายเช็คให้รับผิดในทางแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และ 989
จำเลยต่อสู้คดีว่าเช็คตามฟ้อง 400,000 บาท มีมูลหนี้จากการกู้เงินเพียง 100,000 บาท เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คระหว่างจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกเช็คกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ชอบที่จะให้จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2589/2522)
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยมีมูลหนี้เพียง 100,000 บาท จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงจำนวนเงินตามมูลหนี้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3628/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่สมรส: ต้องมีสัญญาหมั้นจึงจะฟ้องได้ตามกฎหมาย
เมื่อชายหญิงมิได้ทำการหมั้นต่อกัน ฝ่ายหญิงจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนต่อความเสียหายที่ได้รับ จากการที่ชายมิได้เข้าพิธีสมรสกับหญิงตามประเพณี เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1439 และ 1440 บัญญัติให้เรียกค่าทดแทนจากฝ่ายผิดสัญญาได้เฉพาะที่มีสัญญาหมั้นต่อกันเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3536/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาเกินเลยฟ้อง: ศาลมิอาจลงโทษจำเลยในข้อหาที่โจทก์มิได้ฟ้องร้อง
โจทก์มิได้ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยมีเฮโรอีนที่เป็นคราบติดอยู่ ในหลอดฉีดยาเสพติดให้โทษเข้าร่างกายของกลางแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนที่ติดเป็นคราบอยู่ในหลอดฉีดยาเสพติด ของกลาง ถือได้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษา ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องเป็นการมิชอบด้วยมาตรา 192 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่ เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อนี้ ศาลฎีกาย่อมยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ และชอบที่จะพิพากษายกฟ้อง
of 100