คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาประนีประนอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 506 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างลูกหนี้ร่วมไม่ผูกพันลูกหนี้ที่ไม่ได้ร่วมทำสัญญา และไม่ถือเป็นการแปลงหนี้
การที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 - 2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ 1 - 2 ยอมใช้ต้นเงิน 100,000 บาทกับดอกเบี้ย ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้เซ็นชื่อกู้เงินนี้จากโจทก์ ร่วมกับจำเลยที่ 1 - 2 นั้น ไม่ทำให้จำเลยที่ 3 ซึ่งต่อสู้คดีไปคนละประเด็นกับจำเลยที่ 1 - 2 พ้นผิด เพราะการทำสัญญาประนีประนอมดังกล่าวเป็นแต่สัญญาระงับข้อพิพาท ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้ และไม่ใช่เป็นการปลดหนี้ เพราะในสัญญาประนีประนอมนั้นมิได้ระบุให้จำเลยที่ 3 พ้นความผิด ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 3 ต่อไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมระหว่างลูกหนี้ร่วมไม่ผูกพันลูกหนี้ที่ไม่ได้ร่วมทำสัญญา และไม่ถือเป็นการแปลงหนี้
การที่โจทก์กับจำเลยที่ 1-2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ 1-2 ยอมใช้ต้นเงิน 100,000 บาท กับดอกเบี้ยซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้เซ็นชื่อกู้เงินนี้จากโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1-2 นั้นไม่ทำให้จำเลยที่ 3 ซึ่งต่อสู้คดีไปคนละประเด็นกับจำเลยที่ 1-2พ้นผิด เพราะการทำสัญญาประนีประนอมดังกล่าวเป็นแต่สัญญาระงับข้อพิพาท ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้ และไม่ใช่เป็นการปลดหนี้เพราะในสัญญาประนีประนอมนั้นมิได้ระบุให้จำเลยที่ 3 พ้นความผิด ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 3 ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลบังคับใช้ของสัญญาประนีประนอม: แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์และคู่สัญญา สัญญาประนีประนอมยังคงมีผลผูกพัน
ความตอนท้ายคำฟ้องประกอบกับคำขอท้ายฟ้องแสดงว่า เมื่อจำเลยไม่ยินยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมถึงกับมีหนังสือบอกล้างมา โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาให้ที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ แต่ถ้าไม่ได้ โจทก์ก็ขอเอาตามส่วนที่ประนีประนอมกัน และที่จำเลยให้การต่อสู้ก็แสดงว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ประการใด เช่นนี้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันไว้ ต่อมาจำเลยบอกล้างฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ยินยอมให้ระงับหรือเลิกสัญญาแต่อย่างใด สัญญาประนีประนอมดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้อยู่
สัญญาประนีประนอมมีโจทก์กับบุตรโจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1 - 2 อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา บุตรโจทก์จะร่วมเป็นโจทก์ด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญานั้น โดยลำพังได้
โจทก์และบุตรโจทก์แม้เป็นคนต่างด้าวก็เป็นคู่สัญญาประนีประนอมเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ เพราะโจทก์และบุตรจะได้รับอนุญาตให้ได้รับส่วนในที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างคู่สัญญานี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมมีผลผูกพัน แม้มีข้อโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์และสถานะคู่สัญญา
ความตอนท้ายคำฟ้องประกอบกับคำขอท้ายฟ้องแสดงว่า เมื่อจำเลยไม่ยินยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมถึงกับมีหนังสือบอกล้างมา โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาให้ที่ดินทั้งหมดเป็นของโจทก์ แต่ถ้าไม่ได้ โจทก์ก็ขอเอาตามส่วนที่ประนีประนอมกัน และที่จำเลยให้การต่อสู้ก็แสดงว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ประการใด เช่นนี้ ฟ้องไม่เคลือบคลุม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกันไว้ ต่อมาจำเลยบอกล้างฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ยินยอมให้ระงับหรือเลิกสัญญาแต่อย่างใด สัญญาประนีประนอมดังกล่าวย่อมมีผลใช้บังคับได้อยู่
สัญญาประนีประนอมมีโจทก์กับบุตรโจทก์ฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 1-2 อีกฝ่ายหนึ่ง เป็นคู่สัญญา บุตรโจทก์จะร่วมเป็นโจทก์ด้วยหรือไม่ ไม่สำคัญ โจทก์ผู้เป็นคู่สัญญาย่อมฟ้องคดีเกี่ยวกับสัญญานั้นโดยลำพังได้
โจทก์และบุตรโจทก์แม้เป็นคนต่างด้าวก็เป็นคู่สัญญาประนีประนอมเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินรายพิพาทได้ เพราะโจทก์และบุตรจะได้รับอนุญาตให้ได้รับส่วนในที่ดินหรือไม่ เป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างคู่สัญญานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1290/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับการดำเนินคดีอาญา ความรับผิดชอบของจำเลยแต่ละคน
ในคดีความผิดต่อส่วนตัวจำเลยทำสัญญายอมจะใช้เงินแก่ผู้เสียหาย แล้วก็ไม่ชำระตามกำหนดนัด ผู้เสียหายย่อมร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีอาญาต่อไปได้
จำเลยบางคนทำสัญญายอมจะใช้เงินทั้งหมดแก่ผู้เสียหาย คดีจะระงับหรือไม่ ก็เกี่ยวกับจำเลย เช่นว่านั้นโดยเฉพาะตัวเท่านั้น ไม่พลอยไปถึงจำเลยอื่น ๆ แม้อยู่ในคดีเดียวกันนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและการบังคับตามสัญญา แม้การรังวัดไม่เป็นไปตามวิธีที่ตกลง แต่เนื้อที่ตรงตามสัญญา
โจทก์จำเลยพิพาทกันในเรื่องที่ดินที่สุดได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมกันต่อศาลใจความสำคัญว่าตกลงให้เจ้าพนักงานที่ดินไปทำการรังวัดโดยวิธีปูโฉนดให้ได้เนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ให้เป็นของโจทก์ ส่วนที่เหลือให้เป็นของจำเลย
เจ้าพนักงานไปรังวัดแล้วรายงานต่อศาลว่าหาหมุดไม่พบไม่อาจทำการรังวัดโดยวิธีปูโฉนดได้ แต่ก็ได้ทำการรังวัดโดยวิธีอื่นและได้เนื้อที่ 11 ไร่ 80 วา ตามรายงานที่ส่งศาลโจทก์จำเลยมารับทราบและตรวจดูแผนที่แล้วได้แถลงร่วมกันขอให้เรียกผู้ทำแผนที่มาเบิกความเพื่อศาลจะได้คำนวณเนื้อที่ว่าตรงกับที่โจทก์จำเลยทำยอมไว้หรือไม่
เมื่อผู้ทำแผนที่มาเบิกความว่าแผนที่พิพาทมีเนื้อที่ 11 ไร่ 80 วาถูกต้องแล้วดังนี้จำนวนเนื้อที่ที่เจ้าพนักงานรังวัดโดยวิธีอื่นนี้อยู่ในข้อตกลงอันสืบเนื่องมาจากสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันนั่นเองชอบที่จะบังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมในสัญญาประนีประนอม: หน้าที่การนำสืบและประเด็นการโต้เถียงที่ต้องยกขึ้นตั้งแต่ชั้นต้น
ตามฟ้องของโจทก์ตั้งประเด็นมาว่าภรรยาโจทก์ไปทำสัญญาประนีประนอมกับจำเลยโดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์ฝ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์รู้เห็นยินยอมด้วยแล้วข้อโต้เถียงกันเช่นนี้หน้าที่นำสืบต้องตกอยู่แก่จำเลยต้องนำสืบว่าโจทก์ได้รู้เห็นยินยอม
ในเรื่องการยินยอมของโจทก์มิได้มีหนังสือใช้ไม่ได้ตามมาตรา1476เมื่อโจทก์มิได้ยกเป็นประเด็นโต้เถียงมาแต่ศาลชั้นต้น โจทก์เพิ่งมายกปัญหาข้อนี้โต้เถียงมาในชั้นอุทธรณ์และในชั้นฎีกาศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1475/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลเหนือการตีความกฎหมาย การบังคับคดีต้องยึดตามสัญญา
ในชั้นบังคับคดีตามสัญญายอมความข้อที่ว่า ยอมให้รื้อเอาฉางข้าวหลังเก่ารวมทั้งอุปกรณ์บางอย่างเท่าที่มีอยู่ไปเป็นสิทธิ นั้นหาใช่เป็นเรื่องที่จะมาตีความของคำว่า "เครื่องอุปกรณ์" ตาม ป.พ.พ. ไม่ ศาลจำต้องวินิจฉัยไปตามสัญญายอม. จะฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากสัญญายอมหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมที่ทำโดยมารดา เกี่ยวกับทรัพย์สินบุตรผู้เยาว์ ไม่สมบูรณ์และไม่ผูกพัน
จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นว่าสัญญาท้ายคำให้การและฟ้องแย้งเป็นสัญญาประนีประนอม ดังนี้ประเด็นข้อวินิจฉัยก็อยู่ที่ว่าข้อความที่ปรากฎในเอกสารฉบับนั้นจะเป็นการเพียงพอตาม ก.ม.ที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตามนั้นหรือไม่เท่านั้น ถ้าศาลเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอหรือข้อความกำกวม จำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปก่อนก็อาจระงับไว้โดยยังไม่วินิจฉัยปัญหาเบื้องต้นในชั้นนี้ก็ได้
อนึ่งยังปรากฎต่อไปว่าศาลได้เปรียบเทียบให้คู่ความอ้างนายเย๊ะเป็นพยานคนกลางแต่เพียงคนเดียว โจทก์ไม่ยอมฉนั้นเมื่อศาลชั้นต้นเรียกนายเย๊ะเข้ามาเป็นพยานศาลและรับฟังตามคำพยานปากนี้ขึ้นปรับคดีให้โจทก์แพ้จึงเป็นการไม่ชอบ
สัญญาที่จำเลยขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นโดยอ้างว่าเป็นสัญญาประนีประนอม ฯ นั้น แม้จะยอมรับฟังว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแต่บุตรของโจทก์ทั้ง 3 ยังไม่บรรลุนิติภาวะฉนั้นมารดาย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอม ฯ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของบุตรผู้เป็นเด็กโดยลำพังตาม ป.พ.พ.ม.1546 ข้อพิพาทจึงไม่อาจระงับไปได้ คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกับทรัพย์สินเด็ก: สิทธิของมารดา, ผลผูกพัน, และการพิจารณาคดี
จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยเบื้องต้นว่าสัญญาท้ายคำให้การและฟ้องแย้งเป็นสัญญาประนีประนอม ดังนี้ประเด็นข้อวินิจฉัยก็อยู่ที่ว่าข้อความที่ปรากฏในเอกสารฉบับนั้นจะเป็นการเพียงพอตามกฎหมายที่ศาลจะบังคับให้เป็นไปตามนั้นหรือไม่เท่านั้น ถ้าศาลเห็นว่ายังไม่มีเหตุผลเพียงพอ หรือข้อความกำกวมจำเป็นต้องฟังพยานหลักฐานอื่นต่อไปก่อนก็อาจระงับไว้ โดยยังไม่วินิจฉัยปัญหาเบี้องต้นในชั้นนี้ก็ได้
อนึ่งยังปรากฏต่อไปว่าศาลได้เปรียบเทียบให้คู่ความอ้างนายเย๊ะเป็นพยานคนกลางแต่เพียงคนเดียว โจทก์ไม่ยอม ฉะนั้นเมื่อศาลชั้นต้นเรียกนายเย๊ะเข้ามาเป็นพยานศาลและรับฟังตามคำพยานปากนี้ขึ้นปรับคดีให้โจทก์แพ้จึงเป็นการไม่ชอบ
สัญญาที่จำเลยขอให้วินิจฉัยเบื้องต้นโดยอ้างว่าเป็นสัญญาประนีประนอมฯนั้น แม้จะยอมรับฟังว่าเป็นสัญญาประนีประนอมแต่บุตรของโจทก์ทั้ง 3 ยังไม่บรรลุนิติภาวะฉะนั้นมารดาย่อมไม่มีสิทธิที่จะทำสัญญาประนีประนอมฯ เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของบุตรผู้เป็นเด็กโดยลำพังตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546ข้อพิพาทจึงไม่อาจระงับไปได้ คดีจำเป็นต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไป
of 51