คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เพิกถอน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,035 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้จัดการมรดก & อำนาจศาลตั้งผู้จัดการมรดก: แม้ละเลยหน้าที่ แต่ไม่เพิกถอนหากไม่เสียหาย & ศาลมีอำนาจตัดสินใจ
หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของผู้จัดการมรดกคือต้องทำบัญชีทรัพย์มรดกเพื่อแสดงให้ทายาททราบว่าเจ้ามรดกมีทรัพย์มรดกอยู่เท่าไร การที่ผู้ร้องมิได้ทำบัญชีทรัพย์มรดกจึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ แต่เมื่อทรัพย์มรดกนอกพินัยกรรมเหลือแบ่งแก่ทายาทมีเพียงที่ดินแปลงเดียวพร้อมสิ่งปลูกสร้างซึ่งทายาททุกคนทราบดีอยู่แล้ว และการไม่จัดทำบัญชีก็มีเกิดจากการทุจริตหรือความไม่สามารถของผู้ร้องและมิได้มีความเสียหายเกิดขึ้นแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องเพิกถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก การตั้งบุคคลใดเป็นผู้จัดการมรดกเป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะเพื่อประโยชน์ของกองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาเจ้ามรดกเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก และคดีถึงที่สุดแล้วผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิคัดค้านในเรื่องนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2237/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากข้อเท็จจริงใหม่ที่ไม่เคยกล่าวอ้างในศาลอุทธรณ์ และการไม่ชัดเจนในการอ้างเหตุเพิกถอนการขายทอดตลาด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 มิได้กล่าวว่า เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาด จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่ทราบวันขายทอดตลาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าพนักงานประเมินราคาทรัพย์ได้ประเมินราคาทรัพย์พิพาทไม่เป็นธรรม ฎีกาจำเลยที่ 1 มิได้โต้เถียงว่า จำเลยที่ 1 มีสิทธิร้องขอให้ศาลเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยข้อกฎหมายอย่างไร จึงไม่ใช่เป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ถือเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งทั้งข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ยกขึ้นฎีกาเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ฎีกาของจำเลยที่ 1 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1894/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการประเมินภาษีอากรและการรับผิดค่าฤชาธรรมเนียม
โจทก์ได้อ้างเหตุในฟ้องไว้แล้วว่าโจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดหางานได้ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2525 ก่อนหน้านั้นโจทก์ไม่มีรายได้หรือรายรับจากการประกอบธุรกิจดังกล่าว จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยไว้ ดังนั้น เมื่อคดีฟังได้ว่าการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลจึงต้องเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวตามฟ้องโจทก์เสียทั้งหมด หาจำต้องไปวินิจฉัยว่าส่วนใดถูกต้องส่วนใดไม่ถูกต้องเป็นจำนวนเท่าใดไม่
ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีจะตกอยู่แต่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี คดีนี้เมื่อศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีอากรของจำเลยที่ 2 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการคนหนึ่งแล้ว ศาลภาษีอากรกลางย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องคำนึงว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายและปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อจำเลยที่ 1 หรือไม่เพราะเป็นความสัมพันธ์ภายในระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลภาษีอากรกลางดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1894/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีอากรไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์
โจทก์ได้อ้างเหตุในฟ้องไว้แล้วว่าโจทก์ได้รับอนุญาตให้จัดหางานได้ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2525 ก่อนหน้านั้นโจทก์ไม่มีรายได้หรือรายรับจากการประกอบธุรกิจดังกล่าวจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยไว้ ดังนั้น เมื่อคดีฟังได้ว่าการประเมินภาษีอากรของเจ้าพนักงานประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ศาลจึงต้องเพิกถอนการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวตามฟ้องโจทก์เสียทั้งหมด หาจำต้องไปวินิจฉัยว่าส่วนใดถูกต้องส่วนใดไม่ถูกต้องเป็นจำนวนเท่าใดไม่ ความรับผิดชั้นที่สุดสำหรับค่าฤชาธรรมเนียมของคู่ความในคดีจะตกอยู่แต่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดี คดีนี้เมื่อศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้เพิกถอนการประเมินภาษีอากรของจำเลยที่ 2 และคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นกรรมการคนหนึ่งแล้ว ศาลภาษีอากรกลางย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกับจำเลยที่ 1 รับผิดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ได้โดยไม่จำต้องคำนึงว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมายและปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต่อจำเลยที่ 1 หรือไม่เพราะเป็นความสัมพันธ์ภายในระหว่างจำเลยที่ 1กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยของศาลภาษีอากรกลาง ดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนหุ้นในคดีล้มละลาย พิจารณาความสุจริตและค่าตอบแทนของผู้รับโอน
เมื่อการโอนหุ้นพิพาทระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านที่ 1 ได้กระทำขึ้นในระหว่างระยะเวลา 3 ปี ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายผู้คัดค้านที่ 1 จึงต้องมีภาระพิสูจน์ว่าได้รับโอนหุ้นพิพาทมาจากจำเลยโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ผู้คัดค้านที่ 1 สนิทสนมกับจำเลยเป็นอย่างดี และได้ประกอบกิจการค้าอยู่ด้วยกัน 4-5 ปี ก่อนจำเลยถูกฟ้องให้เป็นบุคคลล้มละลายจำเลยได้ถูกฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามเช็คและถูกฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค และในระหว่างระยะเวลานั้นผู้คัดค้านที่ 1 ก็ได้รับโอนหุ้นพิพาทมาจากจำเลย เมื่อผู้ร้องเรียกผู้คัดค้านที่ 1 มาสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องการรับโอนหุ้นพิพาท ผู้คัดค้านที่ 1 ก็ไม่ยอมมา ส่อให้เห็นถึงความไม่สุจริตผู้คัดค้านที่ 1 จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 114 ส่วนการโอนหุ้นพิพาทระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 กับผู้คัดค้านที่ 2 เป็นการโอนกันภายหลังจากโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายแล้วจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 116 การเพิกถอนการโอนหุ้นพิพาทเป็นไปโดยผลของคำพิพากษา ตราบใดที่ยังไม่มีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้เพิกถอนการโอน ก็ยังถือเป็นการโอนโดยชอบอยู่ กรณียังถือไม่ได้ว่ามีการผิดนัดนับแต่วันยื่นคำร้อง ผู้ร้องคงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนเป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเพิกถอนนิติกรรมและการไร้ผลของนิติกรรมเนื่องจากเจตนาทุจริต
การที่ลูกหนี้ทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งรู้อยู่ว่าเป็นทางให้เจ้าหนี้เสียเปรียบนั้น นิติกรรมหาได้ตกเป็นโมฆะกรรมไม่เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 บัญญัติเพียงว่า เจ้าหนี้ชอบที่จะร้องขอให้ศาลเพิกถอนเสียได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องเพิกถอนการเลือกตั้งต้องระบุรายละเอียดการกระทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งที่ชัดเจน
การร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้งใหม่จะต้องปรากฏว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนคนใดคนหนึ่งหรือทั้งหมดกระทำการอันฝ่าฝืน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2522 มาตรา 51,52 เมื่อคำร้องกล่าวอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่เพียงว่า มีการรายงานผลล่าช้า น่าเชื่อว่ามีการถ่วงเวลาและมีการทุจริตในการเลือกตั้งเท่านั้น มิได้บรรยายถึงรายละเอียดว่า ได้มีการกระทำการฝ่าฝืนข้อห้ามของกฎหมายดังกล่าวในหน่วยเลือกตั้งใด เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนน เจ้าหน้าที่คะแนนหรือเจ้าหน้าที่อื่น ๆ คนใดกระทำการดังกล่าวนี้ และมิได้มีข้อเท็จจริงว่ามีการทุจริตหรือกระทำมิชอบด้วยกฎหมายประการใด จึงเป็นคำร้องที่ไม่ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น จึงเป็นคำร้องที่เคลือบคลุมไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้อื่นในคดีล้มละลาย
ขณะจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองครั้งที่ 4 แก่ผู้คัดค้าน นอกจากจำเลยจะเป็นหนี้ผู้คัดค้าน จำเลยยังเป็นหนี้เจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งหมด 5 ราย เป็นเงินกว่า 11,000,000 บาท การที่ อ.ซึ่งเป็นประธานสหกรณ์จำเลยรู้อยู่ว่าจำเลยเป็นหนี้บรรดาเจ้าหนี้อื่นอยู่เป็นจำนวนมาก ยังไปกระทำการจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นประกันดังกล่าวให้ผู้คัดค้าน โดยที่ขณะนั้นจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นพอชำระหนี้เจ้าหนี้อื่น การจดทะเบียนขึ้นเงินจำนองเป็นประกันดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยมุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ศาลต้องเพิกถอนการจดทะเบียนจำนองดังกล่าวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 กรณีพิพาทแห่งคดีผู้คัดค้านไม่ใช่บุคคลภายนอกตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 116 ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านกระทำไปโดยสุจริตและมีค่าตอบแทนก่อนมีการขอให้ล้มละลายหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าทนายความในคดีขอเพิกถอนหมายบังคับคดี: ศาลฎีกาแก้ไขค่าทนายความให้เป็นไปตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
จำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนหมายบังคับคดี คดีของจำเลยที่ 3 ในชั้นนี้จึงเป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ซึ่งตาราง 6อัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งชั้นสูงในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกากำหนดไว้ไม่เกิน 1,500 บาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการจำนองเพื่อคุ้มครองเจ้าหนี้ไม่มีประกันในคดีล้มละลาย โดยมีเจตนาให้เจ้าหนี้รายหนึ่งได้เปรียบ
มีเจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้ 5 รายรวมเป็นเงินสิบเอ็ด ล้านบาท แต่ลูกหนี้มีที่ดินและทรัพย์สินราคาประมาณแปดล้านบาท แสดงว่า ทรัพย์สินของลูกหนี้มีไม่พอชำระหนี้รายอื่น นอกจากขายของผู้คัดค้าน การที่ลูกหนี้จำนองที่ดินแก่ผู้คัดค้านทำให้เป็นเจ้าหนี้มีประกัน มีสิทธิเหนือทรัพย์สินอันเป็นหลักประกันที่จะได้รับชำระหนี้ก่อน เจ้าหนี้ไม่มีประกันรายอื่น ต้องถือว่าเป็นการกระทำโดยมุ่งหมาย ให้เจ้าหนี้รายผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจขอ ให้ศาลเพิกถอนการ จดทะเบียนจำนองที่ดินได้.
of 104