คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุสุดวิสัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 516 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยกับการพยายามฆ่า: ปืนแก๊บชื้นกระสุนไม่ลั่น
ใช้ปืนแก๊บที่บรรจุกระสุนและดินปืนไว้นานจนดินปืนชื้นยิงจนแก๊บแตกเป็นประกายไฟ แต่กระสุนไม่ลั่นนั้น ถือได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยของจำเลยที่จะป้องกันได้มาขัดขวางเสีย จำเลยย่อมมีผิดฐานพยายามฆ่าคน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการคัดเลือกทหาร: การถูกควบคุมตัวจากเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเข้ารับการคัดเลือกได้
จำเลยไม่มาให้คัดเลือกเข้ารับราชการทหาร เพราะในวันคัดเลือกนั้นระหว่างทางจำเลยถูกเจ้าพนักงานจับน้ำตาลเมาเพียงเล็กน้อยและต้องถูกควบคุมไว้ และไม่ยอมให้จำเลยมีประกันตัวจนเป็นเหตุให้จำเลยมาให้กรรมการตรวจคัดเลือกไม่ทันตามกำหนดเวลา ดังนี้ย่อมเป็นเหตุสุดวิสัยของจำเลยตาม ม.23(3) แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2479

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยในการคัดเลือกทหาร: การถูกควบคุมตัวจากเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเข้ารับการคัดเลือกได้
จำเลยไม่มาให้คัดเลือกเข้ารับราชการทหาร เพราะในวันคัดเลือกนั้นระหว่างทางจำเลยถูกเจ้าพนักงานจับน้ำตาลเมาเพียงเล็กน้อยและต้องถูกควบคุมไว้ และไม่ยอมให้จำเลยมีประกันตัวจนเป็นเหตุให้จำเลยมาให้กรรมการตรวจคัดเลือกไม่ทันตามกำหนดเวลา ดังนี้ย่อมเป็นเหตุสุดวิสัยของจำเลยตามมาตรา 23(3) แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2479

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1141/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุสุดวิสัยขัดขวางการคัดเลือกทหาร: การถูกจับกุมทางการและการไม่สามารถเข้ารับราชการได้
จำเลยไม่มาให้คัดเลือกเข้ารับราชการทหาร เพราะในวันคัดเลือกนั้นระหว่างทางจำเลยถูกเจ้าพนักงานจับน้ำตาลเมาเพียงเล็กน้อยและต้องถูกควบคุมไว้ และไม่ยอมให้จำเลยมีประกันตัวจนเป็นเหตุให้จำเลยมาให้กรรมการตรวจคัดเลือกไม่ทันตามกำหนดเวลา ดังนี้ย่อมเป็นเหตุสุดวิสัยของจำเลยตามมาตรา 23(3) แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2479

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดจากอาคารเอนทับเสียหาย แม้เกิดเหตุสุดวิสัยภายหลังก็ยังต้องชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยปล่อยให้อาคารของตนเอนทับอาคารโจทก์เสียหาย ดังนี้เรียกว่าจำเลยทำละเมิด จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย
+เสียหายเกิดขึ้นนับแต่ทำละเมิดดังนั้นแม้ภายหลังปรากฎว่าอาคารของโจทก์ถูก+ไม่มีอะไรจะให้จำเลยจัดการกับอาคารก็ดี ความเสียหายซึ่งเกิดแต่ละเมิดยังคงอยู่ไม่ระงับหรือเปลี่ยนแปลงตามไป จำเลยต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้เช่าเรือตามสัญญาเช่า และผลกระทบของเหตุสุดวิสัยต่อความรับผิด
สัญญาเช่าเรือมีความว่า " ข้อรับผิดชอบในความเสียหายอันจะเกิดจากวัตถุแห่งการเช่าคือตัวเรือ และเครื่องยนต์ตลอดจนอุปกรณ์ ผู้เช่าจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่า ( เว้นแต่จะสึกหรอโดยปกติของการใช้ ) " มิได้มีความประสงค์จะให้ผู้เช่ารับผิดนอกเหนือไปจาก ป.ม.แพ่งฯมาตรา 562 แต่อย่างไรไม่
จำเลยเช่าเรือของโจทก์ไปบรรทุกสิ่งของและลากจูงเรือลำเลียง เรือของโจทก์จมเนื่องจากคลื่นลมจัด ผิดปกติ อันเป็นเหตุสุดวิสัย ดังนี้ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความรับผิดของผู้เช่าเรือตามสัญญาเช่าและการยกเว้นความรับผิดจากเหตุสุดวิสัย
สัญญาเช่าเรือมีความว่า'ข้อรับผิดชอบในความเสียหายอันจะเกิดจากวัตถุแห่งการเช่าคือตัวเรือ และเครื่องยนต์ตลอดจนอุปกรณ์ ผู้เช่าจะต้องรับผิดต่อผู้ให้เช่า (เว้นแต่จะสึกหรอโดยปกติของการใช้)'มิได้มีความประสงค์จะให้ผู้เช่ารับผิดนอกเหนือไปจาก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 562 แต่อย่างไรไม่
จำเลยเช่าเรือของโจทก์ไปบรรทุกสิ่งของและลากจูงเรือลำเลียงเรือของโจทก์จมเนื่องจากคลื่นลมจัด ผิดปกติ อันเป็นเหตุสุดวิสัยดังนี้ จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีอาญาโดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่มั่นคง และการพิจารณาอุทธรณ์ที่เกินกำหนด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 131 และฐานปลอมหนังสือตามมาตรา
230.
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียว แต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลย
ยักยอก.
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และ
ปลอมหนังสือด้วย ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ จึงพิพากษา
แก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้น และแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้
พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนด ดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลย
ตามอุทธรณ์ของโจทก์ จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้ และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจ
ยกฟ้องเสียได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์นอกสถานที่: การยื่นคำร้องขอต่อศาลภูมิลำเนาเมื่อมีเหตุสุดวิสัย
การยื่นฟ้องอุทธรณ์นั้นเป็นกระบวนพิจารณาที่ผู้อุทธรณ์จะต้องดำเนินต่อศาลอย่างหนึ่งตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(3) และ (7)ฉะนั้นจึงนำเอาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 10มาใช้บังคับได้
ผู้อุทธรณ์ไม่สามารถไปยื่นฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลที่พิพากษาคดีได้โดยเหตุสุดวิสัย ย่อมยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องขอยื่นอุทธรณ์ ต่อศาลซึ่งตนมีภูมิลำเนาหรืออยู่ในเขตศาลในขณะนั้นได้ และในกรณีเช่นนี้ถือว่าได้ยื่นอุทธรณ์แล้วแต่วันนั้น ไม่ใช่นับแต่วันที่อุทธรณ์ส่งไปถึงศาลที่พิพากษาคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1625/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนการสืบพยานเนื่องจากพยานไม่มาศาลและเหตุสุดวิสัย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บสาหัสถึงวันนัดพิจารณามีพยานมาไม่ครบถ้วน จึงเลื่อนคดีไป 2 ครั้งแล้วในครั้งที่ 3 พยานไม่มาศาลอีก แต่ปรากฏว่าพยาน 2 คนไปเสียจากภูมิลำเนาทำให้ส่งหมายไม่ได้ส่วนอีก 2 คนเซ็นทราบวันนัดของศาลไว้แล้ว แต่ไม่มาศาลเอง ดังนี้ เป็นเรื่องที่ศาลจะต้องจัดการกับพยานไม่ใช่เป็นเรื่องของโจทก์ ฉะนั้นจึงมีเหตุสมควรให้เลื่อนการสืบพยานต่อไปอีกได้
of 52