พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทของทารกในครรภ์ และการเริ่มนับอายุความฟ้องเรียกมรดก
ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาขณะที่บิดาตายมีสิทธิเป็นทายาทได้ ถ้าหากภายหลังได้เกิดมารอดอยู่ และโดยมีพฤติการณ์ที่บิดารับรองทายกในครรภ์ว่าเป็นบุตรของตน
อายุความฟ้องเรียกมรดกหนึ่งปีตามมาตรา 1754 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น จำแนกไว้สองประการ คือ นับแต่เจ้ามรดกตายประการหนึ่ง หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก อีกประการหนึ่ง ฉะนั้น การที่เด็กผู้เป็นทายาทเกิดภายหลังที่บิดาตายแล้วอายุความฟ้องเรียกมรดกจึงเริ่มนับตั้งแต่เด็กนั้นคลอดเป็นต้นไป
อายุความฟ้องเรียกมรดกหนึ่งปีตามมาตรา 1754 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น จำแนกไว้สองประการ คือ นับแต่เจ้ามรดกตายประการหนึ่ง หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดก อีกประการหนึ่ง ฉะนั้น การที่เด็กผู้เป็นทายาทเกิดภายหลังที่บิดาตายแล้วอายุความฟ้องเรียกมรดกจึงเริ่มนับตั้งแต่เด็กนั้นคลอดเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 489/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิทายาทของทารกในครรภ์ และการนับอายุความฟ้องร้องมรดก เริ่มเมื่อคลอด
ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดาขณะที่บิดาตายมีสิทธิเป็นทายาทได้ถ้าหากภายหลังได้เกิดมารอดอยู่ และโดยมีพฤติการณ์ที่บิดารับรองทารกในครรภ์ว่าเป็นบุตรของตน
อายุความฟ้องเรียกมรดกหนึ่งปีตามมาตรา 1754 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น จำแนกไว้สองประการคือนับแต่เจ้ามรดกตายประการหนึ่ง หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกอีกประการหนึ่ง ฉะนั้น การที่เด็กผู้เป็นทายาทเกิดภายหลังที่บิดาตายแล้วอายุความฟ้องร้องเรียกมรดกจึงเริ่มนับตั้งแต่เด็กนั้นคลอดเป็นต้นไป
อายุความฟ้องเรียกมรดกหนึ่งปีตามมาตรา 1754 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ นั้น จำแนกไว้สองประการคือนับแต่เจ้ามรดกตายประการหนึ่ง หรือนับแต่ทายาทโดยธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึงความตายของเจ้ามรดกอีกประการหนึ่ง ฉะนั้น การที่เด็กผู้เป็นทายาทเกิดภายหลังที่บิดาตายแล้วอายุความฟ้องร้องเรียกมรดกจึงเริ่มนับตั้งแต่เด็กนั้นคลอดเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของทนายความ, อายุความ 2 ปี, ลูกหนี้ร่วม, การยกอายุความ, การชำระหนี้
การจ้างว่าความไม่ใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงาน แต่เป็นสัญญาจ้างทำของ
สิทธิเรียกร้องที่หมอความหรือทนายความจะเรียกเอาค่าธรรมเนียมและค่าที่ได้ออกทดรองไป มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (15)
จำเลยให้การเพียงว่า "คดีของโจทก์ขาดอายุความ" ถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกล่าวให้แจ้งชัดในคำให้การว่ากำหนดอายุความให้เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อใด
การเป็นทนายความว่าความให้จำเลยตลอดทั้งสามศาล ตามธรรมดา ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายก็จะต้องสิ้นสุดลงในเมื่อคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด และต้องถือว่าตัวความได้รับมอบการที่ทำของทนายความในเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดชั้นฎีกา กำหนดอายุความเรียกร้องสินจ้างของทนายความก็ย่อมเริ่มนับแต่วันศาลฎีกาพิพากษา
จำเลยหลายคนเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อโจทก์ แต่จำเลยคนหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะนำการยกอายุความขึ้นต่อสู้ของจำเลยผู้นั้นมาเป็นมูลฟ้องคดีสำหรับจำเลยอื่นที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
สิทธิเรียกร้องที่หมอความหรือทนายความจะเรียกเอาค่าธรรมเนียมและค่าที่ได้ออกทดรองไป มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 (15)
จำเลยให้การเพียงว่า "คดีของโจทก์ขาดอายุความ" ถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้ว ไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกล่าวให้แจ้งชัดในคำให้การว่ากำหนดอายุความให้เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อใด
การเป็นทนายความว่าความให้จำเลยตลอดทั้งสามศาล ตามธรรมดา ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้ว หน้าที่ของทนายก็จะต้องสิ้นสุดลงในเมื่อคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด และต้องถือว่าตัวความได้รับมอบการที่ทำของทนายความในเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดชั้นฎีกา กำหนดอายุความเรียกร้องสินจ้างของทนายความก็ย่อมเริ่มนับแต่วันศาลฎีกาพิพากษา
จำเลยหลายคนเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อโจทก์ แต่จำเลยคนหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะนำการยกอายุความขึ้นต่อสู้ของจำเลยผู้นั้นมาเป็นมูลฟ้องคดีสำหรับจำเลยอื่นที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 480/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจ้างทำของ vs. จ้างแรงงาน, อายุความทนาย, ลูกหนี้ร่วม, การยกอายุความ
การจ้างว่าความไม่ใช่เป็นสัญญาจ้างแรงงานแต่เป็นสัญญาจ้างทำของ
สิทธิเรียกร้องที่หมอความหรือทนายความจะเรียกเอาค่าธรรมเนียมและค่าที่ได้ออกทดรองไป มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
จำเลยให้การเพียงว่า 'คดีของโจทก์ขาดอายุความ' ถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้วไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกล่าวให้แจ้งชัดในคำให้การว่ากำหนดอายุความให้เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อใด
การเป็นทนายความว่าความให้จำเลยตลอดทั้งสามศาลตามธรรมดา ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้วหน้าที่ของทนายก็จะต้องสิ้นสุดลงในเมื่อมีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดและต้องถือว่าตัวความได้รับมอบการที่ทำของทนายความในเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดชั้นฎีกากำหนดอายุความเรียกร้องสินจ้างของทนายความก็ย่อมเริ่มนับแต่วันศาลฎีกาพิพากษา
จำเลยหลายคนเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อโจทก์ แต่จำเลยคนหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะนำการยกอายุความขึ้นต่อสู้ของจำเลยผู้นั้นมาเป็นมูลยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยอื่นที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
สิทธิเรียกร้องที่หมอความหรือทนายความจะเรียกเอาค่าธรรมเนียมและค่าที่ได้ออกทดรองไป มีกำหนดอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(15)
จำเลยให้การเพียงว่า 'คดีของโจทก์ขาดอายุความ' ถือว่าจำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้แล้วไม่จำเป็นที่จำเลยจะต้องกล่าวให้แจ้งชัดในคำให้การว่ากำหนดอายุความให้เริ่มต้นนับตั้งแต่เมื่อใด
การเป็นทนายความว่าความให้จำเลยตลอดทั้งสามศาลตามธรรมดา ถ้าไม่ได้ตกลงกันไว้ให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการในการบังคับคดีด้วยแล้วหน้าที่ของทนายก็จะต้องสิ้นสุดลงในเมื่อมีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดและต้องถือว่าตัวความได้รับมอบการที่ทำของทนายความในเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดนั้น เมื่อคำพิพากษาถึงที่สุดชั้นฎีกากำหนดอายุความเรียกร้องสินจ้างของทนายความก็ย่อมเริ่มนับแต่วันศาลฎีกาพิพากษา
จำเลยหลายคนเป็นลูกหนี้ร่วมกันต่อโจทก์ แต่จำเลยคนหนึ่งแต่ผู้เดียวเป็นผู้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลจะนำการยกอายุความขึ้นต่อสู้ของจำเลยผู้นั้นมาเป็นมูลยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยอื่นที่ไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429-438/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินของคนต่างด้าว: สิทธิครอบครอง vs. กรรมสิทธิ์ และประเด็นอายุความ
การได้มาซึ่งที่ดินตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวและตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้น หาได้หมายความแต่เฉพาะการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างเดียวไม่ แต่ยังหมายถึงการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของด้วย
การที่คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เป็นความผิดอันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งคราวเดียว หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องกันไม่ ฉะนั้น อายุความฟ้องร้องคดีจึงต้องเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่จำเลยกระทำการได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นต้นไป
การที่คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าว เป็นความผิดอันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งคราวเดียว หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องกันไม่ ฉะนั้น อายุความฟ้องร้องคดีจึงต้องเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่จำเลยกระทำการได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 429-438/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งที่ดินโดยคนต่างด้าว: สิทธิครอบครองและอายุความฟ้องร้อง
การได้มาซึ่งที่ดินตามพระราชบัญญัติที่ดินในส่วนที่เกี่ยวกับคนต่างด้าวและตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นหาได้หมายความแต่เฉพาะการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินอย่างเดียวไม่แต่ยังหมายถึงการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในฐานะเจ้าของด้วย
การที่คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวเป็นความผิดอันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งคราวเดียว หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องกันไม่ฉะนั้นอายุความฟ้องร้องคดีจึงต้องเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่จำเลยกระทำการได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นต้นไป
การที่คนต่างด้าวได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวเป็นความผิดอันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งคราวเดียว หาใช่เป็นความผิดต่อเนื่องกันไม่ฉะนั้นอายุความฟ้องร้องคดีจึงต้องเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่จำเลยกระทำการได้มาซึ่งที่ดินโดยฝ่าฝืนกฎหมายเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแย่งการครอบครองที่ดินมรดกและอายุความ การพิพากษาศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ที่ขัดแย้งกัน
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของ 2 ส่วน ราคา 2,000 บาท ในที่ดินมือเปล่าแปลงหนึ่ง จำเลยไปแจ้งการครอบครองเอาเป็นของจำเลย ขอให้พิพากษาทำลายแบบ ส.ค. 1 ของจำเลยและห้ามจำเลยเกี่ยวข้องศาลชั้นต้นฟังว่า ที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่โจทก์กับผู้อื่นร่วมกัน แต่จำเลยได้แย่งการครอบครองเกิน 1 ปีแล้ว โจทก์หมดสิทธิฟ้องเอาคืน พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจะถือว่าจำเลยแย่งการครอบครองยังไม่ถนัด แต่ยังไม่ได้ความชัดพอให้ชี้ขาดว่าส่วนของโจทก์มีเพียงใด จึงพิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะดำเนินคดีเรียกร้องใหม่ ดังนี้ มีผลเป็นการพิพากษากลับกันมา ไม่ใช่ยืน จำเลยจึงฎีกาในข้อเท็จจริงได้ และเมื่อศาลฎีกาเห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ก็ย่อมพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ได้รับอนุญาต: ความผิดต่อเนื่องและอายุความ
การที่จำเลยซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นป่าจากบุคคลอื่นมา 2 ปีแล้ว เข้าไปยึดถือครอบครองปลูกปอในที่นั้นย่อมเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 9 และความผิดในฐานนี้เป็นความผิดที่ทำต่อเนื่องกันเรื่อยไป
จำเลยครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตต่อเนื่องกันเรื่อยมา และนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ไปพบการยึดถือครอบครองของจำเลยจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ขาดอายุความ
จำเลยครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิได้รับอนุญาตต่อเนื่องกันเรื่อยมา และนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ไปพบการยึดถือครอบครองของจำเลยจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลาไม่เกิน 1 ปี ฟ้องของโจทก์ย่อมไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระเบียบภายในเทศบาลไม่อาจบังคับบุคคลให้รับผิดหากไม่ได้กระทำผิด อายุความฟ้องคดี
ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่ให้นายกเทศมนตรี ปลัดเทศบาล สมุห์บัญชี ต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินคืนให้แก่เทศบาลในกรณีมีการทุจริตอันเกี่ยวกับการรักษาเงินขึ้นนั้น ไม่ใช่กฎหมาย จะยกเอาระเบียบดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยว่า บุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นผู้รับผิดชดใช้เงินแทนในทันทีขณะทราบว่ามีการทุจริตขึ้น โดยมิต้องสอบสวนว่าบุคคลดังกล่าวจะต้องรับผิดจริงหรือไม่เสียก่อนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 388/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่รัฐ กรณีทุจริตเงินเทศบาล ต้องพิจารณาจากวันที่ทราบตัวผู้กระทำผิดจริง ไม่ใช่แค่วันที่รู้เรื่องการทุจริต
ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่ให้นายกเทศมนตรี ปลัดเทศบาลสมุหบัญชีต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินคืนให้แก่เทศบาลในกรณีมีการทุจริตอันเกี่ยวกับการรักษาเงินขึ้นนั้นไม่ใช่กฎหมายจะยกเอาระเบียบดังกล่าวนี้ขึ้นวินิจฉัยว่าบุคคลดังกล่าวจะต้องเป็นผู้รับผิดชดใช้เงินแทนในทันทีขณะทราบว่ามีการทุจริตขึ้นโดยมิต้องสอบสวนว่าบุคคลดังกล่าวจะต้องรับผิดจริงหรือไม่เสียก่อนหาได้ไม่