คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คำฟ้อง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 656/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบของโจทก์: การพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามคำฟ้อง
เมื่อศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ แต่โจทก์ส่งเพียงเอกสารที่แนบท้ายคำฟ้องโดยมิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสิบห้าคนดำเนินการเลือกกำนันโดยมิชอบด้วยกฎหมายดังที่โจทก์ฟ้อง โจทก์จึงไม่อาจชนะคดีได้
ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการเลือกกำนันพ.ศ. 2524 เป็นระเบียบที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา30 แห่ง พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ระเบียบดังกล่าวจึงเป็นข้อกฎหมายที่ศาลรู้เองนั้น เมื่อโจทก์มิได้นำสืบในประเด็นที่ตนมีหน้าที่นำสืบข้างต้นฎีกาข้อนี้ของโจทก์จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5601/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานต้องระบุวันทราบคำสั่งและวันฝ่าฝืนอย่างชัดเจน เพื่อให้ศาลคำนวณโทษปรับรายวันได้
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้จำเลยรื้อถอน สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นโดยผิดกฎหมายให้กลับสู่สภาพเดิม มีบทลงโทษ ปรับเป็นรายวัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความว่าจำเลยทราบคำสั่งวันใด และฝ่าฝืนคำสั่งวันใดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่มีทางลงโทษ ปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ คำฟ้องฐานนี้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2738/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5601/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานต้องระบุวันทราบ/ฝ่าฝืนชัดเจน จึงจะสมบูรณ์ตามกฎหมาย
ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่สั่งให้จำเลยรื้อถอน สิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นโดยผิดกฎหมายให้กลับสู่สภาพเดิม มีบทลงโทษ ปรับเป็นรายวัน เมื่อคำฟ้องโจทก์ไม่มีข้อความว่าจำเลยทราบคำสั่งวันใด และฝ่าฝืนคำสั่งวันใดแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่มีทางลงโทษ ปรับจำเลยเป็นรายวันตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ คำฟ้องฐานนี้ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2738/2526)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4745-4747/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องที่ไม่ระบุอายุโจทก์: ศาลพิจารณาจากข้อมูลอื่นที่แสดงถึงการบรรลุนิติภาวะ
คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้ระบุอายุของตนลงในคำฟ้องแต่ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ว่าตนเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ซ. และเมื่ออ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็เบิกความว่าตนมีอายุ 40 ปี ย่อมทราบได้ว่าโจทก์อายุ 40 ปี เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่เพียงพอที่จะถือว่าคำฟ้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4745-4747/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่สมบูรณ์เนื่องจากไม่ได้ระบุอายุโจทก์ แต่มีข้อมูลอื่นที่แสดงถึงการบรรลุนิติภาวะแล้ว
คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้ระบุอายุของตนลงในคำฟ้องแต่ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ว่าตนเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทซ. และเมื่ออ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็เบิกความว่าตนมีอายุ 40 ปี ย่อมทราบได้ว่าโจทก์อายุ 40 ปี เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่เพียงพอที่จะถือว่าคำฟ้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(3).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษจำเลยต้องเป็นไปตามคำฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงสนับสนุนความผิดร้ายแรงกว่า
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้คนตายโดยประมาทข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 จะบัญญัติให้ถือว่าเป็นการแตกต่างในรายละเอียดก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอต้องห้ามตาม มาตรา 192 วรรคแรก คงลงโทษจำเลยในความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทเท่านั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาคดีอาวุธปืน: การระบุข้อกฎหมายรองในคำฟ้อง
กฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2522) เพียงแต่กำหนดประเภทชนิด และขนาดของอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้เท่านั้น หาใช่บทมาตราที่ว่าการกระทำอย่างใดเป็นความผิดอาญาไม่ การที่โจทก์ไม่ได้ระบุกฎกระทรวงมาในคำขอท้ายฟ้องยังถือไม่ได้ว่าเป็นฟ้องที่ขัดต่อ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6).(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2364/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของคำฟ้องสัญญาเบิกเกินบัญชีและอำนาจฟ้องของบริษัทหลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาเบิกเกินบัญชีที่โจทก์ออกแทนจำเลยไปในการซื้อหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ โดยบรรยายฟ้องถึงวันเวลาที่จำเลยทำสัญญากับโจทก์ วิธีการสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ตามสำเนาหนังสือสัญญาและสำเนาบัญชียอดหนี้ที่จำเลยค้างชำระท้ายฟ้องซึ่งเป็นการแสดงถึงวันที่จำเลยแต่งตั้งโจทก์ให้เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ โจทก์ทำการเป็นนายหน้าและจ่ายเงินแทนจำเลย รวมทั้งข้อตกลงที่โจทก์จำเลยจะตัดทอนบัญชีอันเกิดจากการซื้อขายหลักทรัพย์ที่โจทก์เป็นตัวแทนซื้อขายหลักทรัพย์ให้จำเลย เมื่อโจทก์อ้างว่าจำเลยผิดสัญญาดังกล่าว โจทก์ไม่จำต้องบรรยายว่าโจทก์มีสิทธิซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์โดยโจทก์เป็นสมาชิกในตลาดหลักทรัพย์เพราะเป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์อาจนำสืบในชั้นพิจารณา คำฟ้องของโจทก์แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแพ่งข้อหาและคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา จึงไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2286/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของคำฟ้องอาญา: การระบุตัวบุคคลในฐานะผู้ชำระเงิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับราชการเป็นพนักงานของโรงพยาบาลมีหน้าที่รับเงินและออกใบเสร็จให้แก่ผู้มารักษา จำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วย 500 บาททั้งที่ค่ารักษาพยาบาลที่แท้จริงมีเพียง 250 บาท โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยได้รับเงินจำนวน 500 บาทจากผู้มีชื่อซึ่งเป็นค่ายาของผู้ป่วย แม้คำฟ้องจะไม่ได้ระบุว่าผู้มีชื่อ หรือผู้ป่วยนั้นเป็นใครมีชื่อว่าอย่างไร มีกี่คน แต่ก็ได้ระบุเล่มและเลขที่ของใบเสร็จรับเงินที่จำเลยออกให้แก่ผู้ป่วยไว้ชัดแจ้ง จำเลยย่อมจะทราบดีว่าจำเลยได้รับเงินจากผู้ป่วยหรือผู้ชำระเงินรายใด เพราะจำเลยเป็นผู้ออกใบเสร็จรับเงินดังกล่าวเอง และในใบเสร็จรับเงินที่จำเลยออกก็มีรายการว่าได้รับเงินจากใครไว้ด้วย คำร้องของโจทก์ได้บรรยายถึงบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว เป็นคำฟ้องที่สมบูรณ์ไม่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อพิจารณารวมเอกสารท้ายฟ้อง สิทธิโจทก์เกิดจากการเช่านาที่กฎหมายคุ้มครอง การทำถนนละเมิดสิทธิ
การที่โจทก์บรรยายฟ้องอ้างเอกสารหมายเลข 3 ซึ่งที่ถูกเป็นเอกสารหมายเลข 2 นั้น ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยถึงเอกสารฉบับที่ถูกต้องได้และเมื่อได้ความตามคำฟ้องว่าสิทธิของโจทก์ในที่ดินตามฟ้องเกิดจากการเช่านาซึ่งมีกฎหมายว่าด้วยการเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมคุ้มครอง จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยเข้าไปทำถนนในที่ดินซึ่งโจทก์เช่า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายทำนาตามปกติไม่ได้ คำฟ้องนั้นจึงเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
เอกสารท้ายคำฟ้องทุกฉบับย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง และการวินิจฉัยว่าคำฟ้องใดเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาคำฟ้องรวมกันทั้งฉบับ
of 89