พบผลลัพธ์ทั้งหมด 764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่เคลือบคลุม – ทุนทรัพย์ไม่เกิน 2แสน – ห้ามฎีกาข้อเท็จจริง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์และป. น้องชายเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของท.เจ้ามรดกหลังจากท. ตายโจทก์และป.ไปขอรับมรดกที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดิน แต่จำเลยได้ไปยื่นเรื่องราวขอรับมรดกที่ดินดังกล่าวก่อนแล้ว โดยอ้างพินัยกรรมซึ่งเป็นพินัยกรรมปลอมทำให้โจทก์ไม่สามารถรับมรดกได้ เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วไม่จำต้องบรรยายฟ้องด้วยว่าพินัยกรรมของจำเลยปลอมที่ไหน เมื่อใด ปลอมทั้งฉบับหรือปลอมบางส่วน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่จะนำสืบกันต่อไปในชั้นพิจารณาฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า พินัยกรรมปลอม ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าพินัยกรรมดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อราคาทรัพย์หรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่
ขณะศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แม้บทบัญญัติตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18ยังไม่ใช้บังคับก็ตาม แต่ขณะที่โจทก์ทั้งสามยื่นฎีกาบทบัญญัติมาตราดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว คู่ความจะฎีกาได้หรือไม่ ต้องพิเคราะห์ตามบทกฎหมายที่ใช้บังคับขณะยื่นฎีกา ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 80,627 บาท โจทก์ที่ 2 ฎีกาว่า ค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 กำหนดให้น้อยไปขอให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 273,342 บาท ดังนี้ จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาสำหรับจำเลยที่ 1 จึงไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคแรก ที่แก้ไขใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1076/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามเนื่องจากจำนวนทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาเกิน 200,000 บาท ทำให้ไม่สามารถโต้เถียงข้อเท็จจริงได้
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองพร้อมปรับปรุงที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิม กับให้จำเลยทั้งสองชำระค่าเสียหายฐานละเมิดจำเลยทั้งสองให้การต่อสู้กรรมสิทธิ์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและปรับปรุงที่ดินให้อยู่ในสภาพเดิมที่เป็นอยู่ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายจำนวน 80,205 บาท แก่โจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่ต้องชำระค่าเสียหายให้โจทก์ การที่โจทก์ฎีกาเรียกร้องค่าเสียหายฐานละเมิดเอาแก่จำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นเงิน 80,205 พร้อมด้วยดอกเบี้ย เป็นการโต้เถียงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ซึ่งมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีล้มละลายเมื่อทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท และการฎีกาประเด็นสัญญาจ้างว่าความ
คดีชั้นเจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ ครั้งแรกยื่นคำขอรับชำระหนี้ 1,940,000 บาท ต่อมาได้ถอนไปเสีย 1,930,000 บาทคงเหลือ 10,000 บาทอันเป็นทุนทรัพย์ในคดี เมื่อไม่เกินสองหมื่นบาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224ก่อนแก้ไข อันเป็นกฎหมายในขณะที่เจ้าหนี้ยื่นอุทธรณ์ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย มาตรา 153 ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจวินิจฉัยหากวินิจฉัยให้ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ จึงไม่มีสิทธิยกข้อดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ที่แก้ไขแล้วประกอบพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 153 ส่วนฎีกาที่ว่าสัญญาว่าความต้องทำเป็นหนังสือหรือไม่ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้เจ้าหนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะฎีกาได้นั้น เจ้าหนี้มิได้กล่าวโดยแจ้งชัดในฎีกาว่า เป็นการโต้แย้งข้อกฎหมายข้อใดอย่างไรจึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ที่แก้ไขแล้ว ประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 153
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงในคดีเถียงกรรมสิทธิ์ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย เป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท จึงอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 และมาตรา 22(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงในคดีเถียงกรรมสิทธิ์ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท
โจทก์ฟ้องขอให้สั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ให้จำเลยรื้อถอนหลักไม้แก่นที่ปักไว้ในที่ดินของโจทก์ออกไป ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยอันมีลักษณะเป็นการเถียงกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 และมาตรา 22(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5404/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากเกินทุนทรัพย์, โต้แย้งดุลพินิจ, และประเด็นใหม่นอกเหนือคำอุทธรณ์เดิม
การที่ผู้ร้องทั้งสองฎีกาว่า การนำสืบของผู้คัดค้านยังฟังไม่ได้ว่าผู้คัดค้านได้ที่พิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 นั้น เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องที่ 1 ได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทภายในเส้นสีเขียวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก มีผลเป็นการยกคำร้องขอของผู้ร้องที่ 2 ไปด้วย เมื่อผู้ร้องที่ 2 ไม่อุทธรณ์ได้แต่แก้อุทธรณ์และขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ดังนั้น ประเด็นในเรื่องที่พิพาทภายในเส้นสีแดงเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องที่ 2 หรือไม่ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น การที่ผู้ร้องที่ 2 ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาว่าสิทธิในการเป็นทายาทผู้รับมรดกของผู้ร้องที่ 2 ยังคงมีอยู่ต่อไปนั้น เป็นฎีกาในข้อที่นอกเหนือไปจากประเด็นในคำร้องขอของผู้ร้องที่ 2 จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5020/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริง เนื่องจากจำนวนทุนทรัพย์พิพาทในชั้นฎีกาน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด
ในคดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรก ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะจำเลยยื่นฎีกา ฎีกาในปัญหาว่า พยานหลักฐานโจทก์เป็นพิรุธ ท.ไม่ได้ยกที่ดินพิพาทตีใช้หนี้เงินกู้และมอบการครอบครองให้โจทก์ ค่าเสียหายของโจทก์มีไม่มากเท่าคำฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความ เพราะโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 6 เข้าครอบครองทำกินในที่ดินพิพาทตั้งแต่ฤดูทำนาปี2530 แต่เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกิน 1 ปีแล้วนั้น ล้วนเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงทั้งสิ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4439/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และข้อจำกัดเรื่องทุนทรัพย์ในชั้นฎีกา: คดีรุกล้ำที่ดินราคาไม่เกิน 2 แสน
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกจากที่ดินโจทก์ กับทำที่ดินให้กลับอยู่ในสภาพเดิม จำเลยให้การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงมิได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วยการครอบครองปรปักษ์ และโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อที่พิพาทมีเนื้อที่เพียงประมาณ4 ตารางวา ไม่อาจมีราคาเกินกว่า 200,000 บาท จึงเป็นคดีที่มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ จึงมิได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วยการครอบครองปรปักษ์ และโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อที่พิพาทมีเนื้อที่เพียงประมาณ4 ตารางวา ไม่อาจมีราคาเกินกว่า 200,000 บาท จึงเป็นคดีที่มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4439/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ไม่เกิน 200,000 บาท ทำให้ฎีกาต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำออกจากที่ดินโจทก์ กับทำที่ดินให้กลับอยู่ในสภาพเดิม จำเลยให้การกล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ โจทก์ฎีกาว่าจำเลยมิได้ครอบครองที่พิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจึงมิได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทด้วยการครอบครองปรปักษ์ และโจทก์ซื้อที่พิพาทมาโดยสุจริต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อที่พิพาทมีเนื้อที่เพียงประมาณ 4 ตารางวา ไม่อาจมีราคาเกินกว่า 200,000 บาทจึงเป็นคดีที่มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248