คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ประเด็นข้อพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 517 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสนอขอเป็นผู้จัดการมรดกเพิ่มเติมหลังศาลกำหนดประเด็นแล้ว ถือเป็นการไม่ยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาต้องห้าม
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านและขอเป็นผู้จัดการมรดกเองหรือเป็นร่วมกับผู้ร้อง แล้วผู้คัดค้านได้ขอถอนคำร้องคัดค้านนั้นโดยอ้างว่าจะไปยื่นคำร้องใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว คำร้องคัดค้านดังกล่าวก็หมดไป ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ว่าผู้ร้องไม่สมควรเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดประเด็นไว้เพียงว่า ผู้ร้องสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ ผู้คัดค้านมิได้คัดค้านอย่างใด จนเมื่อสืบพยานผู้ร้องไปหมดแล้ว ผู้คัดค้านจึงยื่นคำร้องคัดค้านเพิ่มเติมของเป็นผู้จัดการมรดกด้วย ศาลชั้นต้นไม่อนุญาต แล้วพิพากษาตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านอุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นไม่ตั้งประเด็นว่าผู้คัดค้านสมควรเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่นั้นไม่ชอบผู้คัดค้านมีพยานหลักฐานแสดงว่าผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ร้องกับผู้ตาย ขอให้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นเรื่องนี้ด้วย และให้ผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์สั่งยกอุทธรณ์โดยเหตุที่ผู้คัดค้านมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอเพิ่มเติมคำคัดค้านของจำเลย หรืออุทธรณ์คัดค้านในเนื้อหาแห่งคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ปัญหาที่ผู้คัดค้านขอร่วมเป็นผู้จัดการมรดกมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ผู้คัดค้านฎีกาต่อมาจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้และยกฎีกาเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำเรื่องแบ่งสินสมรส แม้ทรัพย์ต่างกัน หากประเด็นข้อพิพาทเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีก่อน ศาลต้องห้ามตามมาตรา 148
คดีแรกจำเลยฟ้องโจทก์ขอหย่าและแบ่งสินสมรส ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้หย่าและแบ่งสินสมรสตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องไปแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีที่สองว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสรวมอยู่ในโฉนดที่ดินสินสมรสแปลงหนึ่งซึ่งเจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนองขายทอดตลาดและโจทก์เป็นผู้ซื้อได้ขอให้โอนกรรมสิทธิ์ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์ศาลวินิจฉัยว่าที่พิพาทมิใช่ส่วนหนึ่งของที่ดินสินสมรสตามโฉนดที่เจ้าหนี้ฟ้องบังคับจำนอง ซึ่งโจทก์ซื้อมาพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้ว่าที่พิพาทเป็นสินสมรสที่โจทก์จำเลยร่วมกันซื้อมาระหว่างสมรสยังมิได้แบ่งในคดีแรกขอแบ่ง ดังนี้ ฟ้องคดีหลังนี้อ้างเหตุผลคนละอย่างกับคดีที่สอง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีที่สอง แต่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแรก เพราะแม้ว่าทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องคดีหลังนี้จะเป็นคนละอย่างกับคดีแรกซึ่งโจทก์เป็นจำเลยแต่ไม่ได้ให้การหรือฟ้องแย้งแต่คดีนี้ก็เป็นการเรียกทรัพย์จากจำเลยมาแบ่งเป็นสินสมรสเช่นเดียวกัน เป็นประเด็นเดียวกับคดีแรกซึ่งได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 148
ปัญหาเรื่องฟ้องซ้ำ เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความจะมิได้ฎีกาศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นชี้ขาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีตั๋วสัญญาใช้เงิน: กำหนด 3 ปีนับจากวันถึงกำหนดใช้เงิน และข้อตกลงเรื่องประเด็นข้อพิพาท
อายุความฟ้องคดีเกี่ยวกับผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นถึงกำหนดใช้เงิน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1001 ส่วนมาตรา 1002 เป็นบทบัญญัติที่ให้ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สลักหลังและผู้สั่งจ่าย แม้คำว่าตั๋วเงินจะหมายถึงตั๋วสัญญาใช้เงินดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 892 ด้วยก็ตาม แต่กรณีตั๋วสัญญาใช้เงินจะอยู่ในบังคับของมาตรา 1002ก็ต่อเมื่อเป็นการฟ้องผู้สลักหลังเท่านั้น ส่วนที่มาตรา 1002 บัญญัติถึงกรณีที่ผู้ทรงตั๋วเงินฟ้องผู้สั่งจ่ายนั้นก็หมายถึงเฉพาะผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินและเช็ค เพราะในกรณีตั๋วสัญญาใช้เงินกฎหมายใช้คำว่าผู้ออกตั๋ว หาได้ใช้คำว่าผู้สั่งจ่าย ดังในกรณีตั๋วแลกเงินและเช็คไม่ ทั้งการฟ้องผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินก็มีบัญญัติไว้ในมาตรา 1001แล้ว
จำเลยตกลงกับโจทก์ท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเรื่องอายุความฟ้องร้องประเด็นอื่นไม่ติดใจโต้เถียงกันต่อไปดังนี้ จะกลับมารื้อฟื้นประเด็นข้ออื่นซึ่งไม่ติดใจโต้เถียงกันแล้วให้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาวินิจฉัยอีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2594/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายคดีอาญาเพื่อใช้เป็นข้อวินิจฉัยในคดีแพ่ง ศาลต้องยึดถือเฉพาะข้อวินิจฉัยที่ตรงกับประเด็นที่ตกลงกันเท่านั้น
โจทก์จำเลยตกลงท้ากันให้ศาลถือเอาวินิจฉัยถึงที่สุดในคดีอาญาว่า จำเลยได้ชำระเงินค่าหุ้นที่ยังค้างอยู่แก่บริษัทโจทก์แล้วหรือไม่ประเด็นข้อแพ้ชนะของคดีโดยโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน โจทก์ฎีกาเพียงว่า คดีอาญานั้นศาลได้วินิจฉัยถึงที่สุดแล้วว่า จำเลยยังค้างชำระเงินค่าหุ้นโจทก์ ข้อเท็จจริงสมคำท้าของโจทก์ แต่ปรากฏว่าคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดโดยศาลมิได้วินิจฉัยในประเด็นที่คู่ความตกลงท้ากัน จึงมิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงสมคำท้าของโจทก์ คดีไม่จำต้องวินิจฉัยต่อไปในเรื่องหน้าที่นำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเด็นข้อพิพาทต้องระบุในฟ้องหรือคำให้การเท่านั้น
การกำหนดประเด็นข้อพิพาทต้องกล่าวในฟ้อง คำให้การหรือแถลงให้ปรากฏต่อศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 มิใช่กล่าวในคำแถลงการณ์ปิดคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตประเด็นข้อพิพาท: การสละประเด็นในชั้นชี้สองสถานและการอุทธรณ์ฎีกานอกประเด็น
ฟ้องขับไล่ จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์เป็นตัวแทนจำเลยทำสัญญาเช่า แต่ในชั้นชี้สองสถานกะประเด็นไว้เพียงว่าโจทก์ได้รับมอบอำนาจให้ฟ้องหรือไม่ ถือว่าสละประเด็นอื่นรวมทั้งเรื่องตัวแทนในการทำสัญญาด้วย จึงอุทธรณ์ฎีกานอกประเด็นที่กะไว้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1218/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายจากผู้เช่า: ประเด็นการโต้แย้งที่มิได้ยกขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นฎีกา
ฟ้องขับไล่จากตึกแถวซึ่งให้เช่าเดือนละ 350 บาท เรียกค่าเสียหายตั้งแต่วันฟ้องเดือนละ 3,000 บาท ไม่มีข้อยกเว้นให้อุทธรณ์ได้ตามมาตรา 224 วรรคสอง แม้ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยข้อเท็จจริง ก็ฎีกาไม่ได้
อุทธรณ์ว่าศาลชั้นต้นกะประเด็นขาดไปในข้อที่จำเลยต่อสู้ว่าหนังสือบอกเลิกการเช่าไม่ได้กำหนดเวลาล่วงหน้าใช้ไม่ได้ แต่จำเลยไม่ได้โต้แย้ง จึงไม่มีประเด็นชั้นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3010/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นฟ้องเคลือบคลุมต้องยกขึ้นต่อสู้ตั้งแต่ชั้นต้น หากศาลมิได้กำหนดประเด็นไว้แล้ว จะยกขึ้นในชั้นฎีกาไม่ได้
แม้จำเลยจะให้การต่อสู้ไว้ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมแต่ในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นมิได้กำหนดเป็นประเด็นไว้ คงกำหนดประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในข้ออื่นไว้เพียง 3 ข้อ และจำเลยก็มิได้คัดค้านว่าประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดนั้นไม่ถูกต้องแต่ประการใด ดังนี้ จำเลยจะยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมอีกไม่ได้ เพราะไม่เป็นประเด็นที่ได้ว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเด็นข้อพิพาท: จำเลยต้องคัดค้านในชั้นต้น หากไม่คัดค้านประเด็นข้อพิพาทตามที่ศาลกำหนด ประเด็นนั้นย่อมเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด
การที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานว่าจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอไถ่จึงไม่มีประเด็นในข้อที่ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิไถ่ถอนในกำหนดหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องกำหนดประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมตรา 183 ถ้าจำเลยเห็นว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไม่ถูกต้องประการใดก็ชอบที่จะคัดค้านขณะนั้น แต่จำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่ถูกต้องประการใด ประเด็นข้อพิพาทจึงต้องเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยจะยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2517

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดประเด็นข้อพิพาท: จำเลยต้องคัดค้านการชี้สองสถาน หากไม่คัดค้านในชั้นต้น จะยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
การที่ศาลชั้นต้นชี้สองสถานว่าจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอไถ่จึงไม่มีประเด็นในข้อที่ว่าจำเลยได้ใช้สิทธิไถ่ถอนในกำหนดหรือไม่ซึ่งเป็นเรื่องกำหนดประเด็นข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมตรา 183 ถ้าจำเลยเห็นว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทไม่ถูกต้องประการใดก็ชอบที่จะคัดค้านขณะนั้น แต่จำเลยมิได้คัดค้านว่าไม่ถูกต้องประการใดประเด็นข้อพิพาทจึงต้องเป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด จำเลยจะยกขึ้นคัดค้านในชั้นอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
of 52