พบผลลัพธ์ทั้งหมด 716 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีอากรและการชำระเงินเพิ่ม กรณีจำเลยไม่โต้แย้งการประเมินและผิดนัดชำระภาษี
จำเลยนำสินค้าของเด็กเล่นจากเมืองฮ่องกงเข้ามาในอาณาจักรเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงแจ้งการประเมินให้จำเลยชำระภาษีอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มเติม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินที่ประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร จึงต้องถือว่าการประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็นอันชอบแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ผู้ประกอบการค้าต้องชำระเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระภาษีการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อันเป็นทางแก้กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะแล้ว จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาศุลกากรและภาษีอากร การอุทธรณ์ และเงินเพิ่มตามกฎหมายภาษีอากร
จำเลยนำสินค้าของเด็กเล่นจากเมือง ฮ่องกง เข้ามาในราชอาณาจักรเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบแล้วปรากฏว่าจำเลยสำแดงราคาสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงแจ้งการประเมินให้จำเลยชำระภาษีอากรขาเข้าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มเติม เมื่อจำเลยมิได้อุทธรณ์การประเมินที่ประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร จึงต้องถือว่าการประเมินให้จำเลยชำระภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็นอันชอบแล้ว ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 89 ทวิ ผู้ประกอบการค้าต้องชำระเงินเพิ่มตามอัตราที่กฎหมายกำหนด เมื่อไม่ชำระภาษีการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ อันเป็นทางแก้กรณีที่ลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้โดยเฉพาะแล้ว จะนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 ว่าด้วยดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดมาเรียกร้องเอากับลูกหนี้ซ้ำอีกหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำและการผูกพันตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อน กรณีพิพาทเรื่องภาษีอากร
คดีเดิมซึ่งจำเลยฟ้องโจทก์มีประเด็นข้อพิพาทว่า การประเมินภาษีอากรของโจทก์ที่ 1 ชอบหรือไม่ และโจทก์ที่ 1 มีหน้าที่ต้องคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารและชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยหรือไม่ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยนี้มีประเด็นว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าภาษีอากรเพิ่มเติมจากที่โจทก์ได้รับชำระจากจำเลยและจากธนาคารผู้ค้ำประกันเพียงใดหรือไม่ ประเด็นในคดีทั้งสองแตกต่างกัน การที่โจทก์ฟ้องจำเลย คดีนี้จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม ที่บัญญัติให้จำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้นั้น มิได้บังคับให้จำเลยต้องฟ้องแย้งมาในคำให้การเสมอไป แต่เป็นบทบัญญัติที่ให้จำเลยเลือกฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ หรือจะฟ้องเป็นคดีใหม่ก็ได้ตามแต่จำเลยจะพิจารณาเห็นสมควร ดังนั้นการที่โจทก์มิได้ฟ้องแย้งมาในคำให้การคดีก่อน หากแต่ได้ฟ้องเป็นคดีใหม่ จึงมิใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2548/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย้งและดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ กรณีประเด็นข้อพิพาทแตกต่างกัน และสิทธิในการเรียกร้องค่าภาษีอากรเพิ่มเติม
คดีเดิมซึ่งจำเลยฟ้องโจทก์มีประเด็นข้อพิพาทว่า การประเมินภาษีอากรของโจทก์ที่ 1 ชอบหรือไม่ และโจทก์ที่ 1 มีหน้าที่ต้องคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารและชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยหรือไม่ ส่วนคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยนี้มีประเด็นว่า โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าภาษีอากรเพิ่มเติมจากที่โจทก์ได้รับชำระจากจำเลยและจากธนาคารผู้ค้ำประกันเพียงใดหรือไม่ประเด็นในคดีทั้งสองแตกต่างกัน การที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้จึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามที่บัญญัติให้จำเลยฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้นั้น มิได้บังคับให้จำเลยต้องฟ้องแย้งมาในคำให้การเสมอไป แต่เป็นบทบัญญัติที่ให้จำเลยเลือกฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้ หรือจะฟ้องเป็นคดีใหม่ก็ได้ตามแต่จำเลยจะพิจารณาเห็นสมควร ดังนั้นการที่โจทก์มิได้ฟ้องแย้งมาในคำให้การคดีก่อน หากแต่ได้ฟ้องเป็นคดีใหม่ จึงมิใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231-2234/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาษีอากร: การประเมินรายรับ, ค่าใช้จ่าย, สินค้าคงเหลือ, และการยกเว้นภาษีการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
โจทก์ใช้ระบบเกณฑ์สิทธิในการลงบัญชี โจทก์ต้องใช้ระบบดังกล่าวโดยตลอดการที่โจทก์สั่งซื้อสินค้าโจทก์ลงบัญชีโดยใช้ระบบเกณฑ์สิทธิ แต่ในการขายสินค้าโจทก์ใช้ระบบเงินสด ทำให้โจทก์มีรายจ่ายมากและรายรับน้อย การลงบัญชีย่อมไม่ถูกต้องและจะถือราคาสินค้าเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้.
รายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โจทก์มิได้ลงบัญชีรายจ่ายไว้เพราะไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ปรากฏว่าเหตุที่โจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้เพราะใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันนั้น โจทก์ให้ผู้ขายน้ำมันส่งมอบไว้ยังหน่วยงานต่าง ๆ ของโจทก์และหน่วยงานดังกล่าวมิได้ส่งใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมายังโจทก์ ซึ่งเป็นความบกพร่องของพนักงานของโจทก์เอง โจทก์จึงนำรายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้.
ราคาไม้แปรรูปควรจะต้องสูงกว่าราคาไม้ท่อนเพราะต้องรวมค่าจ้างแปรรูปไม้เข้าไว้ด้วย โจทก์ตีราคาไม้แปรรูปอันเป็นสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีเพียงลูกบาศก์เมตรละ 80 บาท และตีราคาไม้ท่อนลูกบาศก์เมตรละ 900 บาท ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินตีราคาไม้แปรรูปลูกบาศก์เมตรละ 1,300 บาท โดยคิดจากราคาไม้ท่อนรวมกับค่าจ้างเลื่อยลูกบาศก์เมตรละ 400 บาท จึงชอบด้วยเหตุผล.
โจทก์ประกอบการค้าเลื่อยไม้ขายและโม่ หินขาย ตามสัญญาที่โจทก์ทำกับลูกค้าระบุว่าโจทก์เป็นผู้ขายหรือผู้รับจ้าง และต้องนำสินค้าคือไม้และหินไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้าง ในสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกเรื่องการขนส่งไว้ และไม่อาจแยกได้ว่าราคาซื้อขายหรือราคาค่าจ้างรวมเอาค่าขนส่งไว้เท่าใด จึงเป็นลักษณะของสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างทำของที่โจทก์จะต้องส่งของให้แก่คู่สัญญา โจทก์จึงต้องนำรายรับจากการขายหรือรับจ้างทำสินค้ามาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า จะแยกเสียภาษีการค้าเฉพาะราคาสินค้าโดยถือว่ารายได้จากการขนส่งโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้านั้นมิได้.
วัตถุพลอยได้จากการเลื่อยไม้จำพวกขี้เลื่อย ปีกไม้และเศษไม้ โจทก์ขายไปบ้างมีคนมาขอโจทก์ก็ให้ไปบ้าง พนักงานของโจทก์เก็บไปเป็นประโยชน์ส่วนตนบ้าง จึงมิใช่เป็นของไม่มีมูลค่าตาม ป. รัษฎากร มาตรา 79(1)(ข)บัญญัติให้รายรับจากการค้าประเภทโรงเลื่อยให้หมายความรวมถึงมูลค่าของผลิตภัณฑ์และวัตถุพลอยได้ด้วยดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินรายรับของโจทก์จากวัตถุพลอยได้ดังกล่าวจึงชอบแล้ว.
รายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โจทก์มิได้ลงบัญชีรายจ่ายไว้เพราะไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ปรากฏว่าเหตุที่โจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้เพราะใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันนั้น โจทก์ให้ผู้ขายน้ำมันส่งมอบไว้ยังหน่วยงานต่าง ๆ ของโจทก์และหน่วยงานดังกล่าวมิได้ส่งใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมายังโจทก์ ซึ่งเป็นความบกพร่องของพนักงานของโจทก์เอง โจทก์จึงนำรายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้.
ราคาไม้แปรรูปควรจะต้องสูงกว่าราคาไม้ท่อนเพราะต้องรวมค่าจ้างแปรรูปไม้เข้าไว้ด้วย โจทก์ตีราคาไม้แปรรูปอันเป็นสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีเพียงลูกบาศก์เมตรละ 80 บาท และตีราคาไม้ท่อนลูกบาศก์เมตรละ 900 บาท ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินตีราคาไม้แปรรูปลูกบาศก์เมตรละ 1,300 บาท โดยคิดจากราคาไม้ท่อนรวมกับค่าจ้างเลื่อยลูกบาศก์เมตรละ 400 บาท จึงชอบด้วยเหตุผล.
โจทก์ประกอบการค้าเลื่อยไม้ขายและโม่ หินขาย ตามสัญญาที่โจทก์ทำกับลูกค้าระบุว่าโจทก์เป็นผู้ขายหรือผู้รับจ้าง และต้องนำสินค้าคือไม้และหินไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้าง ในสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกเรื่องการขนส่งไว้ และไม่อาจแยกได้ว่าราคาซื้อขายหรือราคาค่าจ้างรวมเอาค่าขนส่งไว้เท่าใด จึงเป็นลักษณะของสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างทำของที่โจทก์จะต้องส่งของให้แก่คู่สัญญา โจทก์จึงต้องนำรายรับจากการขายหรือรับจ้างทำสินค้ามาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า จะแยกเสียภาษีการค้าเฉพาะราคาสินค้าโดยถือว่ารายได้จากการขนส่งโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้านั้นมิได้.
วัตถุพลอยได้จากการเลื่อยไม้จำพวกขี้เลื่อย ปีกไม้และเศษไม้ โจทก์ขายไปบ้างมีคนมาขอโจทก์ก็ให้ไปบ้าง พนักงานของโจทก์เก็บไปเป็นประโยชน์ส่วนตนบ้าง จึงมิใช่เป็นของไม่มีมูลค่าตาม ป. รัษฎากร มาตรา 79(1)(ข)บัญญัติให้รายรับจากการค้าประเภทโรงเลื่อยให้หมายความรวมถึงมูลค่าของผลิตภัณฑ์และวัตถุพลอยได้ด้วยดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินรายรับของโจทก์จากวัตถุพลอยได้ดังกล่าวจึงชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231-2234/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษี การหักค่าใช้จ่าย และการคำนวณรายรับที่ถูกต้องตามกฎหมายภาษีอากร
โจทก์ใช้ระบบเกณฑ์สิทธิในการลงบัญชี โจทก์ต้องใช้ระบบดังกล่าวโดยตลอด การที่โจทก์สั่งซื้อสินค้าโจทก์ลงบัญชีโดยใช้ระบบเกณฑ์สิทธิ แต่ในการขายสินค้าโจทก์ใช้ระบบเงินสด ทำให้โจทก์มีรายจ่ายมากและรายรับน้อย การลงบัญชีย่อมไม่ถูกต้องและจะถือราคาสินค้าเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ รายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง โจทก์มิได้ลงบัญชีรายจ่ายไว้ เพราะไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ เหตุที่โจทก์ไม่สามารถหาหลักฐานมาแสดงได้ เพราะใบเสร็จรับเงินค่าน้ำมันนั้นโจทก์ให้ผู้ขายน้ำมันส่งมอบไว้ยังหน่วยงานต่าง ๆ ของโจทก์ และหน่วยงานดังกล่าวมิได้ส่งใบเสร็จรับเงินดังกล่าวมายังโจทก์ ซึ่งเป็นความบกพร่องของพนักงานของโจทก์เอง โจทก์จึงนำรายจ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิไม่ได้ ราคาไม้แปรรูปควรจะต้องสูงกว่าราคาไม้ท่อนเพราะต้องรวมค่าจ้างแปรรูปไม้เข้าไว้ด้วย โจทก์ตีราคาไม้แปรรูปอันเป็นสินค้าคงเหลือเมื่อสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีเพียงลูกบาศก์เมตรละ80 บาท และตีราคาไม้ท่อนลูกบาศก์เมตรละ 900 บาท ดังนั้นการที่เจ้าพนักงานประเมินตีราคาไม้แปรรูปลูกบาศก์เมตรละ1,300 บาท โดยคิดจากราคาไม้ท่อนรวมกับค่าจ้างเลื่อยลูกบาศก์เมตรละ 400 บาท จึงชอบด้วยเหตุผล โจทก์ประกอบการค้าเลื่อยไม้ขายและโม่หินขาย ตามสัญญาที่โจทก์ทำกับลูกค้าระบุว่าโจทก์เป็นผู้ขายหรือผู้รับจ้าง และต้องนำสินค้าคือไม้และหินไปส่งมอบแก่ผู้ซื้อหรือผู้ว่าจ้าง ในสัญญาดังกล่าวไม่ได้แยกเรื่องการขนส่งไว้ และไม่อาจแยกได้ว่าราคาซื้อขายหรือราคาค่าจ้างรวมเอาค่าขนส่งไว้เท่าใด จึงเป็นลักษณะของสัญญาซื้อขายหรือสัญญาจ้างทำของที่โจทก์จะต้องส่งของให้แก่คู่สัญญา โจทก์จึงต้องนำรายรับจากการขายหรือรับจ้างทำสินค้ามาคำนวณเพื่อเสียภาษีการค้า จะแยกเสียภาษีการค้าเฉพาะราคาสินค้าโดยถือว่ารายได้จากการขนส่งโจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้านั้นมิได้ วัตถุพลอยได้จากการเลื่อยไม้จำพวกขี้เลื่อย ปีกไม้ และเศษไม้โจทก์ขายไปบ้าง มีคนมาขอโจทก์ให้ไปบ้าง พนักงานของโจทก์เก็บไปเป็นประโยชน์ส่วนตนบ้าง จึงมิใช่เป็นของไม่มีมูลค่าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79(1)(ข) บัญญัติให้รายรับจากการค้าประเภทโรงเลื่อยให้หมายความรวมถึงมูลค่าของผลิตภัณฑ์และวัตถุพลอยได้ด้วย ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานประเมินประเมินรายรับของโจทก์จากวัตถุพลอยได้ดังกล่าว จึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2195/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีหลังเลิกห้างหุ้นส่วน: วันสุดท้ายรอบระยะเวลาบัญชีตามกฎหมายภาษีอากร
ในกรณีที่ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเลิกกันเพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ป.รัษฎากรมาตรา 72 วรรคสอง ให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ดังนั้น เมื่อเจ้าพนักงานจดทะเบียนเลิกห้างโจทก์ในวันที่ 10 เมษายน 2524 จึงต้องถือว่าวันที่ 10เมษายน 2524 เป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี.
โจทก์ไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตามที่บัญญัติไว้ใน ป. รัษฎากร มาตรา 69 เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจตาม มาตรา 71(1) ที่จะประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอด รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆแม้โจทก์จะส่งมอบบัญชีและเอกสารในภายหลัง ก็ไม่ทำให้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวหมดสิ้นไป.
โจทก์ไม่ยื่นรายการซึ่งจำเป็นต้องใช้ในการคำนวณภาษีภายใน 150 วัน นับแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีตามที่บัญญัติไว้ใน ป. รัษฎากร มาตรา 69 เจ้าพนักงานประเมินย่อมมีอำนาจตาม มาตรา 71(1) ที่จะประเมินภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 5 ของยอด รายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆแม้โจทก์จะส่งมอบบัญชีและเอกสารในภายหลัง ก็ไม่ทำให้อำนาจของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวหมดสิ้นไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ภาษีอากรและการประเมินภาษีโดยอาศัยหลักฐานอื่นเนื่องจากไม่มีบัญชี ผู้เสียภาษีต้องชำระหนี้
แม้ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดที่กำหนดให้ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณเงินได้บุคคลธรรมดาของโจทก์สำหรับปี พ.ศ. 2528โดยอาศัยเงินได้สำหรับปี พ.ศ. 2530 เป็นฐาน แต่เมื่อโจทก์ไม่มีบัญชีหรือพยานหลักฐานใด ๆ ให้กรมสรรพากรจำเลยตรวจสอบได้ และในที่สุดโจทก์ก็ยอมรับสภาพหนี้ตามที่พนักงานตรวจสอบแจ้งยอดหนี้ภาษีอากรให้โจทก์ทราบ ดังนี้ โจทก์ก็จำต้องชำระหนี้ภาษีอากรดังกล่าว การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตลอดจนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ก็สืบเนื่องต่อมาจากการรับสภาพหนี้ของโจทก์ดังกล่าว จึงถือได้ว่าการประเมินนั้นชอบแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2152/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโดยอาศัยหลักเกณฑ์อื่นเมื่อไม่มีบัญชี และการรับสภาพหนี้ของโจทก์
แม้ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดที่กำหนดให้ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณเงินได้ของโจทก์สำหรับปี พ.ศ. 2528 โดยอาศัยเงินได้สำหรับปีพ.ศ. 2530 เป็นฐาน แต่เมื่อโจทก์ไม่มีบัญชีหรือพยานหลักฐานใด ๆ ให้จำเลยตรวจสอบได้ และในที่สุดโจทก์ก็ยอมรับสภาพหนี้ตามที่พนักงานตรวจสอบของจำเลยแจ้งยอดหนี้ภาษีอากรให้ทราบ การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตลอดจนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ซึ่งสืบเนื่องต่อมาจากการรับสภาพหนี้ของโจทก์ดังกล่าว ย่อมชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงต้องชำระหนี้ภาษีอากรดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1722/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินราคาภาษีอากรที่ถูกต้อง: การเปรียบเทียบราคาต้องคำนึงถึงปริมาณ เวลา และแหล่งที่มาของสินค้า
จำเลยนำสินค้าพิพาทจากประเทศ สิงคโปร์เข้ามา 2 ครั้ง ครั้งแรกแบบ ซีวีโอ 700 จำนวน 150 ชุด ครั้งที่ 2 แบบ ซีวีโอ 500 จำนวน204 ชุด โดยสั่งซื้อ จากบริษัท ช. ราคาสินค้าพิพาทที่จำเลยสำแดงก็เท่ากับที่ผู้นำเข้ารายอื่นนำเข้าทางท่าเรือกรุงเทพในระยะเวลานั้น การที่โจทก์นำราคาสินค้าชนิดเดียวกันซึ่ง ว. สั่งซื้อ จากผู้ขายต่าง รายกัน และนำเข้าในจำนวนน้อยกว่ามาก โดย นำเข้าแบบซีวีโอ 500 จำนวน 100 ชุด และแบบ ซีวีโอ 700 จำนวนเพียง 2 ชุดเพียงรายเดียว มาเปรียบเทียบกับราคาสินค้าของจำเลย โดย ถือว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดแล้วเรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มเติมจากจำเลย ทั้ง ๆ ที่ระยะเวลานำเข้าก็ต่างกันเกือบ 1 ปี และต่าง ปีกันจึงไม่ถูกต้อง ถือได้ว่าราคาสินค้าที่จำเลยสำแดงไว้เป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด