พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,640 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องจากเหตุจำเป็นและผลของการกลับคำพิพากษาโดยศาลอุทธรณ์ ห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ซึ่งไม่ต้องรับโทษ ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185. แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษและให้คุมประพฤติจำเลย ก็มีผลเท่ากับพิพากษายกฟ้อง และเป็นการยกฟ้องในข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมิได้กระทำผิดพิพากษายกฟ้อง กรณีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2168/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา: จำเป็นพอสมควรแก่เหตุและการเปลี่ยนแปลงคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 ซึ่งไม่ต้องรับโทษ. ชอบที่ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185. แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดแต่ไม่ต้องรับโทษและให้คุมประพฤติจำเลย. ก็มีผลเท่ากับพิพากษายกฟ้อง. และเป็นการยกฟ้องในข้อเท็จจริง. เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยมิได้กระทำผิดพิพากษายกฟ้อง. กรณีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบธรรม การพกพาอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาต และอำนาจยกฟ้องของศาลฎีกา
การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกันคำพูดของจำเลย ที่ว่าการย้ายตำรวจต้องมีขั้นตอนต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชื่อให้มากนัก เป็นเพียงการแสดงความเห็นในการสนทนาเท่านั้น มิได้มีข้อความใด ที่เป็นการท้าทายให้ผู้ตายหรือผู้เสียหายออกมาต่อสู้ทำร้ายกับจำเลย เพียงแค่นี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทมิได้
จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตาย และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุด แล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืน ปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนี แต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1 นัด แล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไป ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่า จำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาท หรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้
เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลย มีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8 ทวิ และจำเลย ย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72 ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง
จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตาย และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุด แล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืน ปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนี แต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1 นัด แล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไป ถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่า จำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาท หรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้
เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลย มีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8 ทวิ และจำเลย ย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72 ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1961/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว การใช้กำลังเกินสมควร และการยกฟ้องอาญาเมื่อไม่มีความผิดตามกฎหมายอาวุธปืน
การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้าต่อสู้ทำร้ายกันคำพูดของจำเลยที่ว่าการย้ายตำรวจต้องมีขั้นตอนต้องมีคณะกรรมการอย่าไปเชื่อให้มากนักเป็นเพียงการแสดงความเห็นในการสนทนาเท่านั้น มิได้มีข้อความใดที่เป็นการท้าทายให้ผู้ตายหรือผู้เสียหายออกมาต่อสู้ทำร้ายกับจำเลยเพียงแค่นี้จะถือว่าจำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทมิได้ จำเลยถูกตีที่ทัดดอกไม้ด้านขวาจนร่วงตกจากเก้าอี้เข่าทรุดลงกับพื้น ผู้ตายเข้าล็อกคอและดึงคอเสื้อจำเลยไว้พร้อมกับพูดว่าเอาให้ตายและมีคนอีกกลุ่มหนึ่งกรูกันเข้ามาจะรุมทำร้ายจำเลยจำเลยสะบัดหลุดแล้วชักปืนออกมาขู่ โดยหันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนว่าอย่าเข้ามาทันใดนั้นมีคนเข้ามาตะปบปืนในมือจำเลยเพื่อจะแย่งปืนปืนลั่นขึ้น 1 นัด กระสุนถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายจำเลยวิ่งหนีแต่คนกลุ่มนั้นวิ่งไล่ตามจะ ทำร้ายจำเลย จำเลยยิงปืนขู่ขึ้นฟ้าอีก 1นัดแล้ววิ่งไปได้หน่อยหนึ่งก็หมดสติล้มลงกระสุนปืนนัดที่สองพลาดไปถูกผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือพยายามฆ่าจำเลยจึงไม่มีความผิดและจะถือว่าจำเลยกระทำให้ผู้อื่นตายโดยประมาทหรือรับอันตรายสาหัสโดยประมาทมิได้ เมื่อปรากฏว่าจำเลยมีใบอนุญาตพกอาวุธปืนของกรมตำรวจซึ่งจำเลยมีสิทธิพกอาวุธปืนได้ทั่วราชอาณาจักรเพื่อปฏิบัติราชการสืบสวน กรณีของจำเลยจึงไม่อยู่ในบังคับแห่ง มาตรา 8ทวิ และจำเลยย่อมไม่มีความผิดตาม มาตรา 72ทวิ แห่ง พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯเมื่อปรากฏแก่ศาลฎีกาว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 195/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากโจทก์ไม่มาตามนัด และสิทธิในการขอให้พิจารณาคดีใหม่
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยและทนายมาศาล ฝ่ายโจทก์ไม่มา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบตามฟ้อง งดสืบพยานจำเลยพิพากษายกฟ้อง โจทก์ยื่นคำร้องว่า เหตุที่มาล่าช้าเพราะบ้านอยู่ไกลรถติดโจทก์เตรียมพยานมาสืบพร้อมแล้ว ไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา ขอให้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ดังนี้ เป็นการยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่มาตามกำหนดนัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคแรก และมาตรา 181 เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะไต่สวนและมีคำสั่งว่ามีเหตุสมควรหรือไม่เพียงใด ที่มาไม่ได้ตามกำหนดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนไต่สวนมูลฟ้องและการยกฟ้องคดีอาญา เมื่อโจทก์ไม่มีพยาน การขอให้ไต่สวนมูลฟ้องใหม่จึงไม่ชอบ
โจทก์และพยานโจทก์ไม่มาศาล แต่ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นต่อศาลขอเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาเพื่อไต่สวนให้เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลและพิพากษายกฟ้อง ดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 มิได้ เพราะมิใช่เป็นกรณีที่ศาลยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1739/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่มีพยาน และผลของการไม่โต้แย้งคำพิพากษา
โจทก์และพยานโจทก์ไม่มาศาลแต่ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นต่อศาลขอเลื่อนการไต่สวนมูลฟ้องศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนและถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาเพื่อไต่สวนให้เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลและพิพากษายกฟ้องดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้ยกคดีขึ้นไต่สวนมูลฟ้องใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 มิได้เพราะมิใช่เป็นกรณีที่ศาลยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องข้อหาครอบครอง/พกพาอาวุธปืน หากพยานหลักฐานไม่พอรับฟังการกระทำความผิดฐานฆ่า
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้ตายกระทงหนึ่ง ฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง และฐานพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตอีกกระทงหนึ่ง แม้ข้อหาฐานมีและพาอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาตนั้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ก็ตาม เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานของโจทก์ไม่พอรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้ว ศาลฎีกาก็มีอำนาจที่จะยกฟ้องโจทก์ในความผิดทั้งสองฐานนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ข้ามฟ้อง คดีพาอาวุธที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องแล้ว ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจพิจารณา
ข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 371 มีอัตราโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ และโจทก์บรรยายฟ้องข้อหาตามมาตรา 371 กับความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัสตาม มาตรา 297 เป็นกรณีต่างกรรมกัน มิใช่เป็นเรื่องกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท การที่ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาความผิดตามมาตรา 297 จึงไม่มีสาเหตุที่จะต้องรับพิจารณาความผิดตาม มาตรา 371 ซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และยุติไปแล้ว ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตาม มาตรา371 จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาพิพากษาให้ยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุด หากคดีอาญาไม่พบว่าจำเลยกระทำละเมิด คดีแพ่งก็ต้องยกฟ้อง
อัยการฟ้องจำเลยว่าทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของโจทก์ในคดีนี้เสียหาย ซึ่งโจทก์คดีนี้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญาดังกล่าวด้วย คดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อคดีอาญาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนยกฟ้อง ถึงที่สุดแล้ว ก่อนศาลอุทธรณ์จะพิพากษาคดีนี้ ศาลอุทธรณ์จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา46 ฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ เมื่อศาลอุทธรณ์ยังคงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลฎีกาต้องพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง