พบผลลัพธ์ทั้งหมด 703 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความลักทรัพย์และการจำหน่ายคดี: ผลกระทบต่อการฟ้องคดีอาญา
จำเลยถูกฟ้องขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 288,293 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยฎีกา เมื่อยื่นฎีกาแล้ว จำเลยหลบหนีไปศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีแล้ว จำเลยหลบหนีไปเกิน 5 ปีซึ่งเป็นกำหนดเวลาเกินกว่าอายุความที่จะฟ้องร้องแล้วนั้น คดีย่อมขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การกระทำเป็นกรรมเดียวกัน แม้เปลี่ยนฐานความผิด
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมและวาระเดียวกัน เมื่ออัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษและศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย คดีถึงที่สุดแล้วผู้เสียหายจะมาฟ้องจำเลยหาว่าชิงทรัพย์ โดยใช้กำลังทำร้ายร่างกายอีกไม่ได้ เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา39(4)(อ้างฎีกาที่ 168/2489)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขโทษอาญาโดยศาลอุทธรณ์และการฎีกาของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปีตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 142-268,270 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า ผิดแต่เพียงมาตรา 268-270 เท่านั้นไม่ผิดมาตรา 142ด้วยและแก้โทษมาเป็นจำคุก 1 ปี และให้รอการลงอาญาไว้ ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้มาก ฎีกาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอแก้ฟ้องอาญาต้องมีเหตุอันควร การอ้างเพียงว่าฟ้องไม่สมบูรณ์ไม่พอ
โจทก์ขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องคดีอาญา แต่มิได้อ้างเหตุที่ขอแก้ฟ้องเสียเลย กล่าวแต่ว่า ฟ้องโจทก์ขาดข้อความบาง ประการ, ดังนี้ ย่อมไม่มีเหตุที่จะให้ศาลวินิจฉัยว่าควรให้แก้ฟ้องหรือไม่ ศาลย่อมยกคำร้องขอแก้ฟ้องนั้นได้เลยทีเดียว./
(อ้างฎีกาที่ 774/2481, และ ที่ 1110/2492).
(อ้างฎีกาที่ 774/2481, และ ที่ 1110/2492).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผาไร่อ้อยใกล้เคียงบ้านเรือนผู้อื่น จนเกิดเหตุไฟไหม้เข้าบ้านผู้อื่น ศาลวินิจฉัยความรับผิดทางอาญา
จำเลยจุดเผาไร้อ้อยของจำเลย แม้ไร่อ้อยจะอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วา แต่ก็มีต้นมะร้าวคั่นอยู่ 2 แถว และในการจุดเผา จำเลยก็มีพวกมาควบคุมดูแลอยู่หลายคน ทั้งขณะจุดเผา ลมก็ไม่แรง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้+ ตามมาตรา 187 ตามที่แก้ไขใหม่.
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนึออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเห็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้
การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมมาตรา 201./
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนึออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเห็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้
การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมมาตรา 201./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผาไร่อ้อยประมาทเลินเล่อทำให้เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนผู้อื่น ความรับผิดทางอาญามาตรา 201
จำเลยจุดเผาไร่อ้อยของจำเลย แม้ไร่อ้อยจะอยู่ห่างเรือนผู้เสียหายเพียง 5 วา แต่ก็มีต้นมะพร้าวคั่นอยู่ 2 แถว และในการจุดเผา จำเลยก็มีพวกมาควบคุมดูแลอยู่หลายคน ทั้งขณะจุดเผา ลมก็ไม่แรง ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการจุดเผาทรัพย์โดยลักษณะอันน่ากลัวจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นตามมาตรา 187 ตามที่แก้ไขใหม่
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนีออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมาตรา 201
แต่ในระหว่างจุดเผาไร่อ้อยอยู่นั้น มีชะมดหนีออกมาจากไร่อ้อย จำเลยกับพวกจึงละทิ้งไปไล่ชะมดเสีย ไม่คอยระวังดูแลประกอบกับมีลมพัดไปทางเรือนผู้เสียหาย จึงเป็นเหตุให้ไฟไหม้ลุกลามไปไหม้เรือนผู้เสียหายดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นผิดฐานประมาทตามมาตรา 201
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาญาเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ แม้อุทธรณ์เกินกำหนดและศาลแก้โทษตามอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 และฐานปลอมหนังสือตามมาตรา230
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียวแต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลยยักยอก
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์.คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และปลอมหนังสือด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้จึงพิพากษาแก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้นและแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนดดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลยตามอุทธรณ์ของโจทก์จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องเสียได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา 131 ฐานเดียวแต่ฟังว่าจำเลยยักยอกเงินไม่เต็มตามที่ฟ้องจึงให้คืนเท่าที่จำเลยยักยอก
โจทก์และจำเลยต่างอุทธรณ์.คือจำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยยักยอกเงินเต็มตามฟ้อง และปลอมหนังสือด้วยศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยยักยอกเงินจำนวนมากกว่าที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้จึงพิพากษาแก้ให้ใช้จำนวนเงินมากขึ้นและแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 230 ด้วย ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยศาลอุทธรณ์ไม่รับไว้พิจารณา เพราะถือว่ายื่นเกินกำหนดดังนี้เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์ขึ้นมาด้วยและศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำเลยตามอุทธรณ์ของโจทก์จำเลยจึงฎีกาขึ้นมาได้และเมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาอาญา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสำคัญ
ป.ม.วิ.อาญามาตรา 216 บัญญัติให้ฎีกาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือมีคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ฉะนั้นเมื่อตัวจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้โจทก์และทนายจำเลยจะได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว หมายจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1459/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาอาญา: การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเป็นสำคัญ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 บัญญัติให้ฎีกาภายในหนึ่งเดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟัง ฉะนั้นเมื่อตัวจำเลยยังไม่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แม้โจทก์และทนายจำเลยจะได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วทนายจำเลยก็ยังไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บาดแผลถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัว จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา
เอามีดโกนเชือดหน้าหญิง เมื่อหายแล้วเป็นแผลเป็นยาวจากดั้งจมูกผ่านใต้ตาซ้ายถึงโหนกแก้มยาว 9 ก.ม. ปลายทางดั้งจมูกกว้าง 2 ม.ม.แล้วกว้างออกเป็นระยะมาจนถึงทางปลายโหนกแก้มกว้างครึ่ง ซ.ม.อยู่ห่าง 6 วา มองเห็นแผลเป็นได้ถนัด ดังนี้วินิจฉัยเป็นบาดแผลถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัว