พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาฎีกา: การอ่านคำพิพากษาต่อหน้า/หลังจำเลย และผลต่ออายุความฎีกา
ออกหมายจับจำเลยเพื่อให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกินเดือนแล้ว ไม่ได้ตัวจำเลยมา ศาลจึงอ่านคำพิพากษานั้นให้โจทก์ฟังถือว่าได้อ่านคำพิพากษาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจำเลยยื่นฎีกาเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันศาลอ่านดังกล่าวฎีกาของจำเลยย่อมขาดอายุฎีกา แม้ว่าศาลจะได้อ่านคำพิพากษานั้นให้จำเลยฟังอีก เมื่อได้ตัวจำเลยมาแล้วหลังจากวันอ่านดังกล่าวข้างต้น 5 เดือนเศษ ก็เป็นแต่เพียงให้จำเลยได้ทราบคำพิพากษาตามที่จำเลยต้องการเท่านั้นหามีผลทำให้ยืดอายุฎีกาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเพื่อไม่ให้ขาดอายุความถือเป็นคำร้องทุกข์ได้ คดีเช็คไม่มีการจ่ายเงิน
ผู้เสียหายแจ้งความว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงิน ขอแจ้งความให้เจ้าพนักงานทราบไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะขาดอายุความ เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งความไว้ และเรียกจำเลยไปสอบถามบันทึกคำให้การ ต่อมาเรียกคู่กรณีไปเปรียบเทียบแต่ไม่ตกลงกัน ผู้เสียหายจึงฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้ถือว่า คำแจ้งความนั้นเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2503 แต่แล้วถอนไป จึงไม่มีการลงมติ)
จำเลยออกเช็คโดยไม่ประทับตราเพื่อให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น
จำเลยออกเช็คโดยไม่ประทับตราเพื่อให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเพื่อรักษาอายุความฟ้องร้องคดีเช็ค และการมีเจตนาออกเช็คโดยไม่ให้ธนาคารจ่ายเงิน
ผู้เสียหายแจ้งความว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงินขอแจ้งความให้เจ้าพนักงานทราบไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะขาดอายุความ เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งความไว้ และเรียกจำเลยไปสอบถามบันทึกคำให้การ ต่อมาเรียกคู่กรณีไปเปรียบเทียบแต่ไม่ตกลงกัน ผู้เสียหายจึงฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้ถือว่าคำแจ้งความนั้นเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2503 แต่แล้วถอนไป จึงไม่มีการลงมติ)
จำเลยออกเช็คโดยไม่ประทับตราเพื่อให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น
จำเลยออกเช็คโดยไม่ประทับตราเพื่อให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายไม้, การแปลงหนี้, และการรับสภาพหนี้: สัญญา, ความยินยอม, และผลต่ออายุความ
ข้าราชการบำนาญ ขอซื้อไม้จากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มิได้แจ้งว่ากระทำในฐานะตัวแทนใครโดยว่าขอซื้อไม้สักเพื่อสร้างตึกของตนเอง และขอลดราคาไม้ในฐานะที่ตนเป็นข้าราชการบำนาญองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เชื่อว่าข้าราชการบำนาญผู้นั้นซื้อเอง จึงลดราคาไม้ให้ดังนี้การซื้อขายไม้ดังกล่าวจึงเป็นสัญญาซื้อขายระหว่างองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้และข้าราชการบำนาญผู้นั้นโดยตรง
การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ด้วยการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้นจะต้องมีสัญญาเป็นสามฝ่าย คือสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้เดิมว่าเจ้าหนี้ยอมรับเอาลูกหนี้ใหม่เป็นลูกหนี้ของตนต่อไป โดยระงับหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ต่อลูกหนี้เดิมกับมีสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ว่าลูกหนี้ใหม่จะเข้ารับชำระหนี้แทนลูกหนี้เก่า
การที่ลูกหนี้ตอบรับใบทวงหนี้ของเจ้าหนี้ว่าเป็นหนี้จริงและไม่ปฏิเสธที่จะชำระหนี้รายนั้นย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลง
การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ด้วยการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้นจะต้องมีสัญญาเป็นสามฝ่าย คือสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้เดิมว่าเจ้าหนี้ยอมรับเอาลูกหนี้ใหม่เป็นลูกหนี้ของตนต่อไป โดยระงับหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ต่อลูกหนี้เดิมกับมีสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้คนใหม่ว่าลูกหนี้ใหม่จะเข้ารับชำระหนี้แทนลูกหนี้เก่า
การที่ลูกหนี้ตอบรับใบทวงหนี้ของเจ้าหนี้ว่าเป็นหนี้จริงและไม่ปฏิเสธที่จะชำระหนี้รายนั้นย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1568/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองปรปักษ์: ผลของการตกลงไม่สืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม
คู่ความพิพาทกันเรื่องที่ดิน ศาลสืบพยานโจทก์เสร็จและสืบพยานจำเลยได้ 3 ปาก คู่ความท้าและรับกันว่า 1. โจทก์รับว่าที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า 2. โจทก์รับว่าจำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่พิพาทมา 2-3 ปีแล้ว จำเลยก็รับว่าโจทก์แย่งการครอบครองที่พิพาทมา 2-3 ปีแล้ว และ 3. โจทก์จำเลยขอให้ศาลวินิจฉัยข้อเดียวว่า คดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดในให้วินิจฉัยคำพยานที่นำสืบมาแล้ว ดังนี้ตามคำรับข้อ 1,2 ไม่อาจวินิจฉัยได้ว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ และผลของคำท้าข้อ 3 ตกเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำสืบว่าฟ้องของโจทก์ไม่ขาดอายุความ เมื่อโจทก์ตกลงกับจำเลยไม่ติดใจให้วินิจฉัยคำพยานที่นำสืบกันแล้ว ทั้งไม่สืบพยานกันต่อไป ก็เท่ากับโจทก์ไม่มีพยานนำสืบ โจทก์ต้องแพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีแพ่งที่เกี่ยวข้องกับความผิดอาญา การใช้กฎหมายที่เปลี่ยนแปลง และการพิสูจน์ความรับผิด
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้จำเลยชดใช้เงินของโจทก์ที่จำเลยยักยอกเอาไปตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2494 อันเป็นมูลความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 121 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและมีอายุความฟ้องร้อง 20 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตา 78 (1) แต่ต่อมากฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิกและมีประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับแทนมูลความผิดของจำเลยต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งใช้ในภายหลังและมีอัตราโทษก่อนแก้ไขเบากว่าอัตราโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 อันเป็นกฎหมายซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งมีอายุความฟ้องร้อง 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 (2) อายุความฐานละเมิดในทางแพ่งจึงต้องถืออายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 (2) ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรค 2 แม้จำเลยผู้ยักยอกจะยังมิได้ถูกฟ้องในคดีอาญาก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องร้องคดีละเมิดและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาญาที่ใช้บังคับ
โจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้จำเลยชดใช้เงินของโจทก์ที่จำเลยยักยอกเอาไปตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2494 อันเป็นมูลความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดและมีอายุความฟ้องร้อง 20 ปี ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 78(1) แต่ต่อมากฎหมายลักษณะอาญาได้ถูกยกเลิก และมีประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับแทน มูลความผิดของจำเลย ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ซึ่งใช้ในภายหลังและมีอัตราโทษก่อนแก้ไขเบากว่าอัตราโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 131 อันเป็นกฎหมายซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยซึ่งมีอายุความฟ้องร้อง 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(2) อายุความฐานละเมิดในทางแพ่งจึงต้องถืออายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95(2) ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคสอง แม้จำเลยผู้ยักยอกจะยังมิได้ถูกฟ้องในคดีอาญาก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินหลังหมดอายุพระราชกฤษฎีกาเวนคืน: สิทธิยังคงอยู่กับเจ้าของเดิมหากไม่มีกฎหมายเวนคืนฉบับใหม่
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งประกาศใช้บังคับโดยอาศัยพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477 มาตรา 6 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2495 เมื่อพ้นกำหนด 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้นแล้ว โดยยังไม่มีพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัยพ์ออกมาใช้บังคับอีกฉบับหนึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งกำหนดเขตไว้โดยพระราชกฤษฎีกานั้นยังหาได้ตกมาเป็นของเจ้าหน้าที่ไม่ ที่ดินในส่วนที่เป็นของโจทก์ซึ่งถูกกำหนดไว้จึงยังเป็นของโจทก์อยู่ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกานั้น โดยอ้างว่ากำหนดอายุ 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้นได้ล่วงพ้นไปแล้ว แต่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ยังคงครอบครองใช้สอยที่ดินของโจทก์อยู่ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากพื้นที่ดินของโจทก์ และให้รื้อถอนโยกย้ายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ และห้ามเข้าเกี่ยวข้องโดยมิได้เรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์ในชั้นยื่นฟ้องย่อมเป็นคดีมีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์เสียค่าธรรมเนียมมาตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ2 ก. เป็นการถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เงินกู้ไม่ระงับแม้เช็คไม่สามารถใช้ได้ โจทก์ฟ้องได้ภายในอายุความ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์เรื่องเงินกู้ แล้วต่อมาจำเลยได้นำเช็คมามอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้นั้นโจทก์ได้รับเช็คนั้นแล้วได้มอบสัญญากู้คืนให้จำเลยไป โจทก์มอบเช็คนั้นใช้หนี้แก่ยี่ห้อลี้ฮง ยี่ห้อลี้ฮง ได้มอบเช็คนั้นต่อไปให้บริษัทฮะฮั่วเฮง บริษัทฮะฮั่วเฮงนำเช็คนั้นเข้าบัญชีของตนไม่ได้ โดยธนาคารส่งเช็คนั้นคืนมา เช็คนั้นจึงถูกส่งคืนโดยลำดับย้อนกลับมายังโจทก์ โจทก์จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้ โจทก์ได้ทวงถามและบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้นี้แล้ว จำเลยเพิกเฉยเสีย จึงขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้นั้นแก่โจทก์ฟ้องของโจทก์ที่บรรยายมานี้มิได้เป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คโดยเฉพาะแต่อย่างเดียว โจทก์ได้บรรยายฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมที่จำเลยกู้โจทก์ไปอยู่ในตัวด้วย แม้เช็คนั้นจะขาดอายุความแล้ว แต่หนี้เงินกู้ยังไม่ระงับสิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคท้าย โจทก์จึงฟ้องเรียกหนี้เงินกู้เดิมนั้นได้ ภายในอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้เงินกู้ไม่ระงับ แม้เช็คชำระหนี้ขาดอายุความ ยังฟ้องเรียกหนี้เดิมได้
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์เรื่องเงินกู้แล้วต่อมาจำเลยได้นำเช็คมามอบให้โจทก์เป็นการชำระหนี้แต่ภายหลังเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ โจทก์จึงยังไม่ได้รับชำระหนี้ และโจทก์ทวงถามและบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้แล้ว จำเลยเพิกเฉยเสีย จึงขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้นั้นแก่โจทก์ ดังนี้ มิได้เป็นการฟ้องเรียกเงินตามเช็คแต่อย่างเดียว แต่เป็นการเรียกร้องให้จำเลยชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิมที่จำเลยกู้โจทก์ไปอยู่ในตัวด้วย แม้เช็คนั้นจะขาดอายุความแล้ว แต่หนี้เงินกู้ยังไม่ระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคท้ายโจทก์จึงฟ้องเรียกหนี้เงินกู้เดิมนั้นได้ภายในอายุความ