พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนทรัพย์หรือราคา มิใช่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย อายุความไม่ผูกพันมาตรา 448
กรณีฟ้องเรียกให้จำเลยคืนทรัพย์ ถ้าคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคานั้น ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องเอาค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จึงไม่ถืออายุความตามมาตรา 448 นั้น แม้โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี ก็ไม่ขาดอายุความ
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกคืนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ ไม่ใช่การเรียกร้องค่าเสียหาย อายุความจึงไม่ผูกพันมาตรา 448
กรณีฟ้องเรียกให้จำเลยคืนทรัพย์ ถ้าคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคานั้น ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องเอาค่าเสียหายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จึงไม่ถืออายุความตามมาตรา 448 นั้น แม้โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปีก็ไม่ขาดอายุความ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญาจ้างทำของ, อายุความ, และการชำระเงินก่อนส่งมอบงาน
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า "โดยหนังสือนี้ กรมโยธาเทศบาล (โดยหลวงสัมฤทธิวิศวกรรม อธิบดีกรมโยธาเทศบาล) ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขุมพร (โดยนายแสวง ทิมทอง) เป็นโจทก์ฟ้องนายชิต เทศพิทักษ์ ผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานฯ ซึ่งไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขฯ เป็นเหตุให้สะพานฯ ชำรุดและพัง ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร โดยตำแหน่งหน้าที่เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ไม่ใช่มอบอำนาจให้นายแสวง ทิมทอง เป็นส่วนตัว ฟ้องจำเลย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2504)
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทน ปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้น หมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้จะนำอายุความตามมาตรา419 มาใช้ไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2504)
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทน ปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้น หมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้จะนำอายุความตามมาตรา419 มาใช้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญา, อายุความชำรุดบกพร่อง, การเรียกคืนเงินค่าจ้างจากงานที่ชำรุด
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า "โดยหนังสือนี้กรมโยธาเทศบาล(โดยหลวงสัมฤทธิวิศวกรรมอธิบดีกรมโยธาเทศบาล)----------------ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร(โดยนายแสวง ทิมทอง) เป็นโจทก์ฟ้องนายชิตเทศพิทักษ์ผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานฯ ซึ่งไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขฯ เป็นเหตุให้สะพานฯ ชำรุดและพัง ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรโดยตำแหน่งหน้าที่เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ไม่ใช่มอบอำนาจให้นายแสวง ทิมทองเป็นส่วนตัว ฟ้องจำเลย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2504)
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทนปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้นหมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้ จะนำอายุความตามมาตรา 419 มาใช้ไม่ได้
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทนปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้นหมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้ จะนำอายุความตามมาตรา 419 มาใช้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดของผู้ว่าราชการจังหวัดและอนามัยจังหวัด จากการยักยอกเงินของสารวัตรสุขาภิบาล โดยอายุความ 1 ปี
กรมอนามัยได้ส่งเงินงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีอนามัยจังหวัดชัยภูมิไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิเป็นผู้รับเงิน ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบฉันทะให้สารวัตรสุขาภิบาลแผนกอนามัยไปรับเงินแทน แล้วสารวัตรสุขาภิบาลยักยอกเงินนั้นไปด้วยความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าราชการจังหวัดและอนามัยจังหวัดดังนี้ เป็นกรณีละเมิด ต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 458 วรรค 1 โดยนับแต่วันที่กระทรวงการคลังได้รับทราบการยักยอกจากสำนวนสอบสวนและความเห็นของคณะกรรมการที่สอบสวนเรื่องยักยอกเงินรายนี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 123/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าฯ-อนามัยจังหวัด กรณีเงินยักยอก อายุความ 1 ปี
กรมอนามัยได้ส่งเงินงบประมาณเป็นค่าใช้จ่ายของสถานีอนามัยจังหวัดไปให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับเงิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบฉันทะให้สารวัตรสุขาภิบาลแผนกอนามัยไปรับเงินแทนแล้วสารวัตรสุขาภิบาลยักยอกเงินนั้นไปเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าราชการจังหวัดและอนามัยจังหวัดดังนี้เป็นกรณีละเมิดต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่งโดยนับแต่วันที่กระทรวงการคลังได้รับทราบการยักยอกจากสำนวนการสอบสวน และความเห็นของคณะกรรมการที่สอบสวนเรื่องยักยอกเงินรายนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดมอบฉันทะให้สารวัตรสุขาภิบาลแผนกอนามัยไปรับเงินแทนแล้วสารวัตรสุขาภิบาลยักยอกเงินนั้นไปเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้ว่าราชการจังหวัดและอนามัยจังหวัดดังนี้เป็นกรณีละเมิดต้องใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคหนึ่งโดยนับแต่วันที่กระทรวงการคลังได้รับทราบการยักยอกจากสำนวนการสอบสวน และความเห็นของคณะกรรมการที่สอบสวนเรื่องยักยอกเงินรายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินด้วยเจตนาเป็นเจ้าของและการได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความ แม้มีการรับมรดกตามพินัยกรรม
ฟ้องของโจทก์ได้อ้างการครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลักแห่งข้อหาและอ้างมูลเหตุที่โจทก์เข้าครอบครองว่าเป็นมรดกของมารดา แต่เหตุที่ทำให้ได้มาซึ่งที่ดินนั้นโจทก์ยกเอาการครอบครองเป็นส่วนสัดด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นหลัก ดังนี้ แม้โจทก์จำเลยแถลงรับกันว่าเคยไปรับมรดกมารดาตามพินัยกรรมกันแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องรับมรดก ส่วนโจทก์ครอบครองเป็นเจ้าของเกิน 10 ปี ก็เป็นเหตุให้ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ศาลชั้นต้นตัดมิให้โจทก์นำสืบในข้อนี้แล้ววินิจฉัยว่า โจทก์อาศัยสิทธิจำเลย ย่อมไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยอายุความ: สิทธิเดินทางแม้เจ้าของเดิมมิได้ใช้เอง หากผู้เช่าใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี
ภารจำยอมในเรื่องทางเดินเป็นทรัพยสิทธิอย่างหนึ่ง กฎหมายเพิ่งเล็งถึงความสำคัญของที่ดินไม่ใช่ส่วนตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ
ตอนแรกโจทก์ที่ 1 เช่าที่ดินซึ่งเป็นสามนทรัพย์ปลูกบ้านอยู่ และโจทก์ที่ 2 เช่าบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ในที่ดินนั้นด้วย ระหว่างนั้นโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะเรื่อยมา ตอนหลังโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินนั้นและก็คงใช้ทางพิพาทเดินตลอดมา เมื่อรวมระยะเวลาทั้ง 2 ตอน เกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ
ตอนแรกโจทก์ที่ 1 เช่าที่ดินซึ่งเป็นสามนทรัพย์ปลูกบ้านอยู่ และโจทก์ที่ 2 เช่าบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ในที่ดินนั้นด้วย ระหว่างนั้นโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะเรื่อยมา ตอนหลังโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินนั้นและก็คงใช้ทางพิพาทเดินตลอดมา เมื่อรวมระยะเวลาทั้ง 2 ตอน เกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมทางเดินเกิดขึ้นได้จากการใช้ต่อเนื่องเกิน 10 ปี โดยพิจารณาที่ที่ดิน ไม่ใช่ตัวบุคคล
ภารจำยอมในเรื่องทางเดินเป็นทรัพย์สิทธิอย่างหนึ่งกฎหมายเพ่งเล็งถึงความสำคัญของที่ดิน ไม่ใช่ส่วนตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ
ตอนแรกโจทก์ที่ 1 เช่าที่ดินสามยทรัพย์ปลูกบ้านอยู่ และโจทก์ที่ 2 เช่าบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ในที่ดินนั้นด้วยระหว่างนั้นโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณเรื่อยมา ตอนหลังโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินนั้น และคงใช้ทางพิพาทเดินตลอดมาเมื่อรวมระยะเวลาทั้ง 2 ตอนเกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ
ตอนแรกโจทก์ที่ 1 เช่าที่ดินสามยทรัพย์ปลูกบ้านอยู่ และโจทก์ที่ 2 เช่าบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่ในที่ดินนั้นด้วยระหว่างนั้นโจทก์ทั้งสองใช้ทางพิพาทเดินเข้าออกสู่ทางสาธารณเรื่อยมา ตอนหลังโจทก์ทั้งสองซื้อที่ดินนั้น และคงใช้ทางพิพาทเดินตลอดมาเมื่อรวมระยะเวลาทั้ง 2 ตอนเกิน 10 ปี โจทก์ย่อมได้ภารจำยอมในทางพิพาทโดยอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีอาญา: ใช้กฎหมายที่ใช้ขณะกระทำผิด และอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้อง
ถ้าอายุความฟ้องคดีอาญาขณะกระทำผิดแตกต่างกับขณะฟ้อง ต้องใช้อายุความที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิดบังคับ
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น ขาดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี
ความผิดอันยอมความได้ ต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด มิฉะนั้น ขาดอายุความตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 80 แต่ก็ต้องฟ้องคดีภายในกำหนดอายุความตามกฏหมายลักษณะอาญา มาตรา 78 เพราะอายุความร้องทุกข์ต้องอยู่ในบังคับอายุความฟ้องคดี