คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อายุความ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5,764 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิภารจำยอม: ผู้เช่าที่ดินไม่มีสิทธิเรียกร้องภารจำยอมเอง ต้องรอการละเมิดสิทธิ หรืออายุความ 10 ปี
ผู้เช่าที่ดินปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่เช่าไม่ใช่เจ้าของสามยทรัพย์ที่จะอ้างได้สิทธิภารจำยอมในทางเดินภารจำยอมเป็นทรัพยสิทธิ ผู้เช่าจะกล่าวอ้างได้ก็ต้องเป็นกรณีที่มีผู้ละเมิดต่อสิทธิในการใช้ทางเดินของผู้เช่าเท่านั้น
เจ้าของสามยทรัพย์ซึ่งใช้ทางพิพาทเป็นทางเดินผ่านเข้าออกนั้นถ้าใช้ยังไม่ถึง 10 ปี ย่อมไม่ได้สิทธิภารจำยอมในทางอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 715/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วันสิ้นสุดอายุอุทธรณ์ตรงกับวันหยุด ต้องนับวันทำงานใหม่เป็นวันสุดท้าย และผลต่อการได้รับพระราชทานอภัยโทษ
เมื่อวันสิ้นหรือวันสุดท้ายแห่งอายุอุทธรณ์ เป็นวันอาทิตย์หรือวันหยุด ต้องนับวันเริ่มทำงานใหม่เป็นเป็นวันสุดท้ายแห่งอายุอุทธรณ์
นักโทษเด็ดขาด ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2500 ให้หมายความว่า นักโทษเด็ดขาดตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2479 ซึ่งหมายแดงแจ้งโทษเด็ดขาดได้ออกก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเบียดบังทรัพย์สิน: สิทธิของเจ้ามรดกตกทอดสู่ผู้รับมรดก
โจทก์เป็นผู้รับมรดก ฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทน คดีเช่นนี้มีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้ แต่ละ คราวเป็นตอน ๆ มา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความคดีเบียดบังเงิน เจ้ามรดก/ผู้รับมรดก มีสิทธิเรียกคืนได้ภายใน 10 ปีนับจากวันที่จำเลยเบียดบัง
โจทก์เป็นผู้รับมรดก ฟ้องเรียกเงินของเจ้ามรดกที่มอบให้จำเลยเป็นผู้ไปรับแทนคดีเช่นนี้มีอายุความ 10 ปีนับตั้งแต่จำเลยเบียดบังเงินไว้แต่ละคราวเป็นตอนๆ มา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา: ระยะเวลา 10 ปี เริ่มนับแต่วันมีคำพิพากษา
ศาลพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทในกรณีที่จะเป็นการขัดขวางต่อสิทธิของโจทก์ที่จะทำเหมืองแร่ โจทก์ผู้ชนะคดีชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฎีกาชั่วคราวเพื่อยื่นใหม่ภายในอายุความ และการพิจารณาข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับฟ้อง
ในคดีอาญา จำเลยถอนฎีกาโดยกล่าวว่า ขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายืนใหม่ เมื่อศาลอนุญาตแล้ว จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นฎีกาใหม่ภายในอายุความฎีกา
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง และด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุในรถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูง แม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็วเป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 248/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนฎีกาชั่วคราวเพื่อยื่นใหม่ภายในอายุความฎีกา และการพิจารณาความแตกต่างระหว่างข้อกล่าวหาในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณา
ในคดีอาญา จำเลยถอนฎีกาโดยกล่าวว่าขอถอนชั่วคราวเพื่อไปจัดทำฎีกามายื่นใหม่เมื่อศาลอนุญาตแล้วจำเลยย่อมมีสิทธิยื่นฎีกาใหม่ภายในอายุความฎีกา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2503)
โจทก์กล่าวฟ้องมีสาระสำคัญว่าจำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงและด้วยความประมาทปราศจากการระมัดระวังเป็นเหตุให้รถของจำเลยชนและทับผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตายทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยขับรถมาด้วยความเร็วสูงแม้เมื่อเข้าทางโค้งก็มิได้ลดความเร็ว เป็นเหตุให้รถจำเลยชนเสาบอกแนวโค้งของถนนแล้วแฉลบไปชนผู้ตายซึ่งเดินอยู่ข้างทางถึงแก่ความตายดังนี้ถือว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยตามฟ้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิด พ.ร.บ. เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน อายุความนับแต่วันปฏิเสธ
ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ถ้ายังไม่ยื่นเช็คต่อธนาคาร หรือธนาคารยังไม่ปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ยังไม่เกิดเป็นความผิด การนับอายุความนับเมื่อความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว
ถ้านับแต่วันที่ ธนาคารปฏิเสธ การจ่ายเงินจนถึงวันที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน ยังไม่เกิน 3 เดือน คดีก็ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 228/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดตาม พ.ร.บ.เช็คเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน การนับอายุความเริ่มเมื่อเกิดความผิด
ความผิดตาม พระราชบัญญัติวว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯเกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คถ้ายังไม่ยื่นเช็คต่อธนาคาร หรือธนาคารยังไม่ปฏิเสธการจ่ายเงิน ก็ยังไม่เกิดเป็นความผิด การนับอายุความ นับเมื่อความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว
ถ้านับแต่วันที่ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนถึงวันที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วมไปร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานยังไม่เกิน 3 เดือน คดีก็ยังไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการร้องทุกข์ ความผิดเช็ค และอายุความ การเบิกความต่อศาลไม่ทำให้การร้องทุกข์เป็นโมฆะ
ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เรื่องจำเลยออกเช็คไม่มีเงินต่อพนักงานตำรวจสถานีตำรวจบางซื่อตามเอกสารคำร้องทุกข์ว่า ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้ผู้เสียหายจะเบิกความต่อศาลว่าไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ขอให้ได้เงินคืนเท่านั้น และว่าเมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไปเช่นนี้ ก็ยังถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นนั้น หาแสดงว่าผู้เสียหายไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่าเมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไปเป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่าผู้เสียหายต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์นั้น
of 577