คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ที่ดิน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4,546 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5281/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดิน: การครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องมีน้ำหนักกว่าการซื้อเพื่อขายต่อ
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นเจ้าของและครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลง โดยจดทะเบียนซื้อมาจาก ย. และ ป. ตามลำดับ เมื่อโจทก์เข้าครอบครองที่ดินพิพาททั้งสองแปลงแล้วได้ปลูกพืชผลต่างๆ จำเลยทั้งหกบุกรุกเข้ามาครอบครองที่ดินพิพาทปลูกมันสำปะหลัง ปลูกกระต๊อบเป็นที่พักและทำลาย ทำให้เสียหายที่ดินและต้นไม้ของโจทก์ เป็นเงินทั้งสิ้น 359,250 บาท และมีคำขอท้ายฟ้องให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระค่าเสียหาย ให้โจทก์นับถึงวันฟ้องเป็นเงิน 359,250 บาท และร่วมกันชำระค่าเสียหาย ค่าที่ดิน และต้นไม้ในอัตราไร่ละ 500 บาท ต่อปี ในที่ดิน 52 ไร่ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งหกและบริวารได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินพิพาทในสภาพเรียบร้อยแก่โจทก์ แม้โจทก์ไม่ได้มีคำขอบังคับขับไล่จำเลยทั้งหกและบริวารออกจากที่ดินพิพาท แต่ที่โจทก์ระบุว่าจนกว่าจำเลยทั้งหกและบริวารได้ขนย้ายทรัพย์สินออกจากที่ดินพิพาทและส่งมอบที่ดินพิพาทแก่โจทก์นั้น เป็นกรณีพอแปลความหมายได้ว่า จนกว่าจำเลยทั้งหกจะออกไปจากที่ดินพิพาท ซึ่งมีผลเป็นอย่างเดียวกับการขอให้ขับไล่จำเลยทั้งหกและบริวารออกจากอสังหาริมทรัพย์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4799/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรุกล้ำที่ดินด้วยกันสาด ศาลตัดสินให้ใช้สิทธิภาระจำยอมและชำระค่าใช้ที่ดิน
กันสาดด้านหน้าและด้านหลังตึกแถวของจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ โดยบริษัท ท. ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เดิมได้ก่อสร้างและแบ่งขายพร้อมที่ดิน จำเลยกับพวกซื้อตึกแถวที่มีกันสาดที่สร้างขึ้นพร้อมอาคารดังกล่าวอยู่แล้ว ต่อมาโจทก์ซื้อที่ดินในสภาพที่มีกันสาดด้านหน้าและด้านหลังตึกแถวของจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์จากบริษัท ท. อีก เมื่อจำเลยมิได้เป็นผู้สร้างตึกแถวพร้อมกันสาด หากแต่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเดิมเป็นผู้สร้างในที่ดินของตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีกฎหมายที่จะยกมาปรับคดีได้ จึงต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 มาใช้บังคับโดยอาศัยเทียบบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งได้แก่มาตรา 1312 วรรคแรก จำเลยจึงมีสิทธิใช้ส่วนแห่งแดนกรรมสิทธิ์ที่ดินของโจทก์ที่อยู่ใต้แนวกันสาดที่รุดล้ำเข้าไปนั้นได้ โดยถือว่ากันสาดที่รุกล้ำนั้นเป็นมาโดยสุจริต แต่จำเลยต้องเสียค่าใช้ที่ดินนั้นแก่โจทก์ โดยโจทก์ต้องจดทะเบียนสิทธิภาระจำยอมให้จำเลย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยรื้อกันสาดอันเป็นสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์จนกว่าจำเลยจะไม่ใช้ค่าใช้ที่ดินนั้น เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินเป็นค่าใช้ที่ดินนั้น คงฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหายซึ่งไม่ใช่ค่าใช้ที่ดิน ศาลจึงบังคับให้ไม่ได้ และเมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยที่ขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมย่อมตกไปด้วยเพราะฟ้องแย้งต้องมีฟ้องเดิมและตัวโจทก์เดิมเป็นจำเลยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4680/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินซื้อด้วยเงินบิดา จดชื่อบุตรเป็นเจ้าของ ถือเป็นสินส่วนตัว
การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่าเงินที่ชำระราคาในการรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทรัพย์พิพาทดังที่หนังสือมอบอำนาจและหนังสือสัญญาขายที่ดิน ระบุว่าจำเลยเป็นผู้ซื้อ เป็นเงินของบิดาจำเลย ไม่ใช่เงินของจำเลยหรือของโจทก์คู่สมรส เป็นเพียงการนำสืบอธิบายให้เห็นถึงข้อความจริงเกี่ยวกับเงินที่ซื้อที่ดินดังกล่าวว่าเป็นของใครจำนวนเท่าใด เพื่อให้ศาลจะได้วินิจฉัยต่อไปว่าที่ดินดังกล่าวซึ่งมีชื่อจำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์จากผู้มีชื่อมานั้นเป็นสินสมรสหรือสินส่วนตัวอันเป็นประเด็นข้อพิพาทโดยตรงในคดีเท่านั้น จึงมิได้เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อความใดในเอกสารสัญญาและหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวแต่อย่างใด ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 461/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดิน: สิทธิในการปลูกสร้างและให้เช่าช่วงเป็นไปตามข้อตกลงเดิม โจทก์ไม่มีสิทธิกำหนดเวลาหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข
ตามสัญญาแบ่งเช่าที่ดินมีกำหนด 30 ปี ข้อ 4 ที่ระบุว่าเช่าเพื่อปลูกสร้างตึกให้เช่าไม่มีเงินกินเปล่านั้น ต. ผู้ให้เช่าเดิมกับจำเลยทั้งสามไม่ได้กำหนดรายละเอียดและเวลาไว้ว่าจำเลยทั้งสามจะต้องปลูกสร้างตึกขึ้นจำนวนเท่าใดและในเวลาใด จึงต้องแปลความว่าเป็นสิทธิของจำเลยทั้งสามที่จะปลูกสร้างตึกจำนวนเท่าใดและในเวลาใดก็ได้ หรือหากจะมีการตกลงกำหนดกันใหม่ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงของ ต. กับจำเลยทั้งสาม หาใช่ว่า ต. ฝ่ายเดียวจะเป็นผู้กำหนดเวลานั้นใหม่ได้ การที่โจทก์รับโอนที่ดินพิพาทมาจาก ต. โจทก์ก็ต้องรับโอนสิทธิและหน้าที่ของ ต. มาด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะกำหนดเวลาให้จำเลยทั้งสามปลูกสร้างตึกได้ฝ่ายเดียว การที่โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยทั้งสามดำเนินการปลูกสร้างตึกโดยอ้าง
ว่า บัดนี้ระยะเวลาการเช่าล่วงเลยมาเป็นระยะเวลาถึง 8 ปีเศษ และจำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตาม จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามผิดสัญญา และในเรื่องการให้เช่าช่วงนั้น ตามสำเนาหนังสือสัญญาแบ่งเช่าที่ดินมีกำหนด 30 ปี ระบุว่า ให้เช่าช่วงได้โดยไม่ได้มีข้อความระบุว่าต้องเป็นการให้เช่าช่วงตึกเท่านั้น จึงต้องแปลความหมายว่าในการเช่าที่ดินพิพาทนี้จำเลยทั้งสามมีสิทธินำที่ดินพิพาทไปให้เช่าช่วงได้ โดยอาจให้เช่าช่วงเฉพาะที่ดินหรือเมื่อมีการปลูกสร้างตึกก็นำตึกพร้อมที่ดินไปให้เช่าช่วงได้เช่นกัน การที่จำเลยทั้งสามยังไม่ได้ปลูกสร้างตึกและนำที่ดินไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงจึงไม่ถือว่าจำเลยทั้งสามผิดสัญญาเช่าเช่นกัน โจทก์จึงไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนดตามสำเนาหนังสือสัญญาแบ่งเช่าที่ดินมีกำหนด 30 ปี
ที่จำเลยทั้งสามฎีกาขอให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายให้จำเลยทั้งสามนั้น เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแย้ง จำเลยทั้งสามมิได้อุทธรณ์จึงเป็นข้อที่จำเลยทั้งสามมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 7 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4177/2552 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ที่ดินไม่มีโฉนดยกให้วัดได้เป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ การครอบครองไม่ทำให้ที่ดินหลุดจากการเป็นที่ธรณีสงฆ์
พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มิได้บัญญัติว่าที่ดินที่จะเป็นที่ธรณีสงฆ์ต้องเป็นที่ดินมีโฉนดเท่านั้น ดังนั้น แม้ที่ดินที่มีเพียงสิทธิครอบครองก็เป็นที่ธรณีสงฆ์ได้ การยกให้ที่ดินที่มีเพียงการครอบครองให้แก่วัด จึงตกเป็นที่ธรณีสงฆ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3861/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินจากการครอบครอง vs. สิทธิที่ได้จากการจดทะเบียนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย: การคุ้มครองบุคคลภายนอก
สิทธิของผู้ได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ที่ห้ามมิให้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้บุคคลภายนอกผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง นั้น ต้องเป็นการได้สิทธิในที่ดินที่ได้จดทะเบียนแล้ว และสิทธิที่ได้นั้นต้องเกิดจากเอกสารสิทธิของที่ดินที่ออกโดยชอบ เมื่อการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในส่วนที่ดินพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จะอ้างสิทธิที่จะเกิดจากหนังสือรับรองการทำประโยชน์ส่วนที่ออกโดยไม่ชอบดังกล่าวหาได้ไม่ กรณีเช่นนี้ไม่อยู่ในบังคับของ ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3315/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการสืบสิทธิในที่ดินหลังการขายฝากไม่ไถ่ถอน สิทธิอยู่ที่ผู้รับขายฝาก
ค. บิดาโจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) เลขที่ 139 ซึ่งรวมที่ดินพิพาทด้วยแก่ บ. ภริยาจำเลยแล้วไม่ไถ่คืนภายในกำหนด สิทธิในที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของ บ. แม้ ค. ครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาเป็นเวลานานเพียงใดก็เป็นการครอบครองแทนและโดยอาศัยสิทธิของ บ. หาได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทไม่ และหลังจาก ค. ถึงแก่ความตาย โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของ ค. แล้ว โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ค. จึงไปไถ่ถอนจำนองจากธนาคาร และโอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของผู้ครอบครอง การครอบครองและรับโอนที่ดินพิพาทเป็นการสืบสิทธิของ ค. โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่า ค.ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยัง บ. หรือจำเลยผู้ครอบครองว่าโจทก์ไม่เจตนาจะยึดถือที่ดินพิพาทแทนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1381 แต่อย่างใด แม้โจทก์จะยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทเป็นเวลานานเพียงใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินราคาที่ดินเพื่อจ่ายค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามแนวสายส่งไฟฟ้า และดอกเบี้ยค่าทดแทน
พ.ร.บ. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยฯ มาตรา 30 ทวิ วรรคสาม บัญญัติว่า "ในกรณีที่ศาลวินิจฉัยให้ชำระเงินค่าทดแทนเพิ่มขึ้น ให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินหรือผู้ทรงสิทธิอื่นได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในจำนวนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้นับแต่วันที่ต้องมีการจ่าย วางหรือฝากเงินค่าทดแทนนั้น" จึงเป็นกรณีที่กฎหมายดังกล่าวได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะแล้ว จะนำกรณีผิดนัดตาม ป.พ.พ. มาปรับใช้บังคับมิได้ ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 มีหนังสือแจ้งให้โจทก์ไปรับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินในวันที่ 15 พฤษภาคม 2539 แต่โจทก์ไม่ได้รับเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินตามวันที่จำเลยที่ 1 กำหนด จำเลยที่ 1 จึงมีหน้าที่ต้องนำเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินดังกล่าวไปวางหรือฝากไว้โดยพลัน ถือได้ว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่จำเลยที่ 1 ต้องวางหรือฝากเงินค่าทดแทนการใช้ที่ดินนั้น โจทก์จึงมีสิทธิได้รับดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2539 เป็นต้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2454/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องไม่สิ้นสุดแม้มีการโอนสิทธิในที่ดินระหว่างดำเนินคดี
การที่จำเลยฎีกาว่า ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์โอนที่ดินพิพาทให้แก่บุคคลอื่นแล้วนั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวไว้แล้วว่า เมื่อขณะยื่นฟ้องโจทก์มีอำนาจฟ้อง แม้ภายหลังฟ้องคดีแล้วโจทก์จดทะเบียนโอนสิทธิการครอบครองที่ดินพิพาทแก่บุคคลอื่น อำนาจฟ้องของโจทก์ที่บริบูรณ์อยู่แล้วยังคงมีผลอยู่ต่อไปและยังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงแนวคำวินิจฉัยเดิม ฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2552

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารและการรับฟังพยานหลักฐาน
สัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยมีข้อความว่า เนื่องจากที่ดินพิพาทติดจำนองกับธนาคาร ถ้าโจทก์ไถ่ถอนจำนองเมื่อไรจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่จำเลยทันที สัญญาซื้อขายฉบับนี้จึงเป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรคสอง ซึ่งต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ...หรือได้วางประจำไว้หรือได้ชำระหนี้บางส่วนแล้วจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ เมื่อสัญญาจะซื้อขายที่ดินรายนี้ได้ทำเป็นลายลักษณ์อักษรมีข้อความว่าโจทก์รับราคาดังกล่าวไปจากจำเลยเสร็จแล้วตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2541 การรับฟังพยานหลักฐานของศาลจึงต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข) โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่า ความจริงแล้วโจทก์ได้รับเงินค่าที่ดินเพียง 90,000 บาท เงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือให้จำเลยไปชำระต่อธนาคาร พ. เพื่อชำระหนี้ที่โจทก์จำนองที่ดินดังกล่าวไว้แก่ธนาคารไม่ได้ เพราะเป็นการสืบพยานบุคคลเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารนั้น
of 455