พบผลลัพธ์ทั้งหมด 671 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยร้องเรียนแจ้งความเท็จจริงต่อเจ้าพนักงาน ถ้าโจทก์มิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่า ข้อความที่จำเลยร้องเรียนและแจ้งแก่เจ้าพนักงานนั้น เท็จอย่างใด และความจริงเป็นฉันใด อันพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้ข้อความในตอนท้ายจะมีกล่าวว่า โดยจำเลยรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เป็นข้อความเท็จหรือมิได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น ก็เป็นข้อความที่กล่าวอย่างเคลือบคลุม ไม่ปรากฏว่าจำเลยรู้ว่าเป็นข้อเท็จในข้อใด คำว่า "หรือมิได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น" ก็เป็นคำกล่าวอย่างกว้าง ๆ ไม่แน่ชัดว่าเหตุที่ไม่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะไม่มีการกระทำหรือว่าเป็นเพราะการกระทำนั้นไม่เป็นผิดอาญา ทั้งมีคำว่า "หรือ" ประกอบอยู่ในฟ้อง ซึ่งเป็นถ้อยคำที่แสดงถึงการไม่ยืนยันให้แน่ชัด ฟ้องโจทก์เช่นนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความเท็จหาว่าโจทก์ลักทรัพย์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจับโจทก์ไปควบคุมไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพนั้น การที่โจทก์ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวดังที่กล่าวในฟ้อง ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งจะเห็นสมควรปฏิบัติต่อโจทก์อย่างใด ตามควรแก่กรณี เพียงแต่พิจารณาฟ้อง ก็ยกฟ้องได้แล้ว เพราะตามที่บรรยายในฟ้องจำเลยยังไม่มีความผิดฐานนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความเท็จหาว่าโจทก์ลักทรัพย์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจับโจทก์ไปควบคุมไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพนั้น การที่โจทก์ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวดังที่กล่าวในฟ้อง ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งจะเห็นสมควรปฏิบัติต่อโจทก์อย่างใด ตามควรแก่กรณี เพียงแต่พิจารณาฟ้อง ก็ยกฟ้องได้แล้ว เพราะตามที่บรรยายในฟ้องจำเลยยังไม่มีความผิดฐานนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาลักทรัพย์: การขอทดลองขี่ม้าแล้วหลบหนี ถือเป็นการแสดงเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำผิดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2501 ตรงกับวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ และโจทก์นำสืบว่าจำเลยทำผิดวันขึ้น 13 ค่ำ เดือนยี่ ซึ่งความจริงแล้ววันขึ้น13ค่ำเดือนยี่ ตรงกับวันที่ 2 มกราคม2501 ตามที่จำเลยให้การและลำดับเหตุการณ์ในวันที่ 3กุมภาพันธ์ 2501 เป็นการเจือสมกับการกระทำที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นแต่นำสืบปฏิเสธต่อสู้ปัดความรับผิดเท่านั้น จึงเห็นว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้แต่อย่างใด
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยกับพวกได้พูดกับเจ้าของม้าขอลองกำลังม้า อ้างว่าเพื่อนของจำเลยจะซื้อ ดังนี้ สิทธิครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของม้า เจ้าของม้ายังไม่ทันอนุญาต จำเลยยัดเยียดส่งบังเหียนให้เพื่อนของจำเลยและพูดรับรอง ในทันใดนั้นเองพวกของจำเลยก็ตีม้าเร่งฝีเท้าขี่หนีไปต่อหน้า ดังนี้จึงเห็นว่า จำเลยมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์นั้นไปโดยทุจริตแต่แรก การกระทำของจำเลยกับพวกมีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามปล้นทรัพย์ แม้ยังไม่ทันได้ทรัพย์ ก็ถือเป็นความผิดสำเร็จได้ตามกฎหมาย
ในความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์นั้น แม้จำเลยจะยังไม่ทันได้รับหรือแตะต้องทรัพย์เลย ก็เข้าขั้นพยายามปล้นทรัพย์ตามกฎหมายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามปล้นทรัพย์: การยับยั้งการกระทำด้วยตนเองไม่ถือเป็นอุปสรรค
การกระทำของจำเลยเป็นการพยายามปล้นทรัพย์ตามกฎหมาย แต่การที่พวกจำเลยมิได้กระทำไปจนบรรลุผลสำเร็จ เพราะเห็นว่าผู้เสียหายเป็นพวกเดียวกัน จึงหยุดการกระทำเสียนั้น เป็นการยับยั้งเสียเอง หาใช่เพราะมีอุปสรรคอื่นขัดขวาง จำเลยจึงยังไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1277/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ปืนยิงในขณะปล้นทรัพย์ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา แม้ไม่มีผู้ได้รับอันตราย
ตามข้อบัญญัติของมาตรา 340 วรรค 4 แห่งประมวลกฎหมายอาญา นั้น เพียงแต่จำเลยใช้ปืนยิงในการปล้น ก็เป็นกรณีเข้าอยู่ในวรรคนี้แล้ว เพราะไม่มีข้อบัญญัติว่า การใช้ปืนยิงนั้น จะต้องทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: การระบุชื่อผู้จ้างวานไม่เป็นสาระสำคัญ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้ยิงผู้เสียหาย โดยผู้อื่นใช้ จ้าง วาน ให้ยิง ดังนี้ เป็นเพียงข้อประกอบให้รู้ ถึงสาเหตุที่ว่าจำเลยยิง ชื่อของผู้จ้างวาน และวันเดือนปีที่ใช้จ้างวาน จึงไม่ใช่ข้อสำคัญจะต้องระบุในฟ้อง ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักกระแสไฟฟ้าเป็นความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 หรือ 335
การลักกระแสไฟฟ้า ย่อมเป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 หรือ 335 แล้วแต่กรณี
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2501)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงผู้อื่นจนถึงแก่ความตายด้วยเจตนาฆ่า ถือเป็นความผิดอาญา
ใช้มีดปลายแหลมแทงเขาขณะนอนอยู่ถูกตรงหน้าอกใต้ราวนม บาดแผลกว้าง 1 ซ.ม.ยาว 3 ซ.ม.ลึกตกใน ต่อมาสักครู่ก็ขาดใจตาย ถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาททางอาญา: การฝ่าฝืนกฎหมายจราจรโดยไม่เจตนา ไม่ถือเป็นความประมาทตามกฎหมาย
การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับรถยนต์และการจราจรโดยมิได้ตั้งใจ แม้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 43 บัญญัติว่าเป็นประมาทก็ตาม แต่เมื่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 หาได้บัญญัติไว้เช่นนั้นไม่ จึงถือไม่ได้ว่า การฝ่าฝืนกฎหมายและข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำโดยประมาทไปด้วย ทั้งนี้โดยอาศัยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุ และความสำคัญผิดในความผิดอาญา
จำเลยยิงคนที่เดินกลับจากนาเฉย ๆ และมิใช่เป็นคนร้าย โดยจำเลยมิได้พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน แต่จำเลยสำคัญผิดไปว่าเป็นคนร้ายที่จะมาแย่งชิงทรัพย์จำเลยเช่นนี้ ไม่เป็นข้อแก้ตัวให้จำเลยพ้นผิดไปได้ตามประมวล ก.ม.อาญา ม.61 การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันทรัพย์เกินสมควรแก่เหตุและกรณีแห่งความจำเป็น
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ 198/2500 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี และโจทก์เพิ่งจะมากล่าวอ้างในท้ายคำอุทธรณ์ของโจทก์นั้นว่าคดีดำที่ 198/2500 ศาลพิพากษาไปแล้ว พิพากษาว่ากระไรก็ไม่กล่าว สำนวนก็ไม่อ้างมาประกอบการกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ ๆ จะต้องกล่าวอ้างให้ชัดเจนประกอบด้วยหลักฐานว่าคดีได้ดำเนินไปแล้วประการใด เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นข้ออันศาลจะรู้ได้เอง ศาลฎีกาไม่สั่งนับโทษต่อให้
โจทก์บรรยายฟ้องขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีดำที่ 198/2500 ของศาลจังหวัดสุพรรณบุรี และโจทก์เพิ่งจะมากล่าวอ้างในท้ายคำอุทธรณ์ของโจทก์นั้นว่าคดีดำที่ 198/2500 ศาลพิพากษาไปแล้ว พิพากษาว่ากระไรก็ไม่กล่าว สำนวนก็ไม่อ้างมาประกอบการกล่าวอ้างเพื่อประโยชน์แก่คดีของโจทก์ ๆ จะต้องกล่าวอ้างให้ชัดเจนประกอบด้วยหลักฐานว่าคดีได้ดำเนินไปแล้วประการใด เช่นนี้ ไม่ใช่เป็นข้ออันศาลจะรู้ได้เอง ศาลฎีกาไม่สั่งนับโทษต่อให้