พบผลลัพธ์ทั้งหมด 886 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ พิจารณาจากเอกสารท้ายฟ้องและเนื้อหาโดยรวม
การที่โจทก์บรรยายฟ้องอ้างเอกสารหมายเลข 3 ซึ่งที่ถูกเป็นเอกสารหมายเลข 2 นั้น ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยถึงเอกสารฉบับที่ถูกต้องได้และเมื่อได้ความตามคำฟ้องว่าสิทธิของโจทก์ในที่ดินตามฟ้องเกิดจากการเช่านาซึ่งมีกฎหมายว่าด้วยการเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมคุ้มครอง จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์โดยเข้าไปทำถนนในที่ดินซึ่งโจทก์เช่า ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายทำนาตามปกติไม่ได้ คำฟ้องนั้นจึงเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
เอกสารท้ายคำฟ้องทุกฉบับย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง และการวินิจฉัยว่าคำฟ้องใดเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาคำฟ้องรวมกันทั้งฉบับ.
เอกสารท้ายคำฟ้องทุกฉบับย่อมเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง และการวินิจฉัยว่าคำฟ้องใดเคลือบคลุมหรือไม่ ต้องพิจารณาคำฟ้องรวมกันทั้งฉบับ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำฟ้องและข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในคดีครอบครองยาเสพติด การลงโทษต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลรับฟัง
โจทก์บรรยายฟ้องข้อ (ก) ว่า จำเลยมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครอง ซึ่งเป็นเฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาพร้อมเข็ม แต่ไม่อาจชั่งน้ำหนักได้เนื่องจากจำเลยได้เสพไปแล้วดังกล่าวในข้อ (ข) และกล่าวในฟ้องข้อ (ข) ว่า จำเลยได้บังอาจเสพเฮโรอีนที่จำเลยมีไว้ในฟ้องข้อ (ก) นั้น ย่อมมีความหมายว่า เฮโรอีนที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองได้แก่เฮโรอีนที่บรรจุอยู่ในหลอดฉีดยาก่อนที่จำเลยจะเสพโดยฉีดเข้าไปในร่างกาย ดังนั้น เมื่อทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้เสพเฮโรอีนโดยวิธีฉีดเข้าร่างกาย คือไม่มีเฮโรอีนบรรจุอยู่ในหลอดฉีดยา คงมีแต่เฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยา จึงเป็นกรณีข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีไว้ในความครอบครองซึ่งเฮโรอีนที่ติดอยู่ในหลอดฉีดยาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีขับรถประมาท – ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยก ศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีอาญา ศาลมิอาจลงโทษจำเลยได้หากข้อเท็จจริงเกินขอบเขตคำฟ้อง
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยกศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1985/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังข้อเท็จจริงนอกคำฟ้องในคดีอาญา ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยได้หากข้อเท็จจริงเกินกว่าที่บรรยายในคำฟ้อง
ในฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ขับรถโดยประมาทด้วยความเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดและชิดท้ายรถที่จำเลยที่ 1 ขับนำอยู่ทางด้านขวา ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ไม่ลดความเร็วของรถเมื่อใกล้ทางร่วมทางแยกศาลจะรับฟังข้อเท็จจริงเรื่องทางร่วมทางแยกซึ่งเป็นข้อเท็จจริงนอกเหนือคำฟ้องมาลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1461/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องเกี่ยวกับตัวทรัพย์: การขออายัดทรัพย์พิพาทก่อนพิพากษาเพื่อคุ้มครองสิทธิจากสัญญาจะซื้อจะขาย
คำฟ้องของโจทก์ที่ขอให้จำเลยลงนามในหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์เข้าไปจัดการทรัพย์พิพาท ที่ดิน ตึก อาคารพาณิชย์ และโรงแรมตามสัญญาจะซื้อจะขายที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ทั้งเรียกค่าเสียหายมาด้วยนั้น ถือว่าเป็นคำฟ้องที่เกี่ยวกับตัวทรัพย์ โจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งอายัดทรัพย์พิพาทไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้องร้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1397/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำฟ้องและบทกำหนดโทษในคดียาเสพติด: ศาลจำกัดการลงโทษตามที่ฟ้องและเลือกใช้บทหนัก
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนดังกล่าว ซึ่งมีความหมายว่าจำเลยทั้งสามจำหน่ายเฮโรอีนที่มีไว้ในครอบครองไปทั้งหมดแม้ทางพิจารณาจะปรากฏว่าจำเลยที่ 3 ได้เก็บซ่อนเฮโรอีนไว้ 1ถุง เพื่อจำหน่ายแก่ผู้มีชื่อในภายหลัง ก็ต้องถือว่าโจทก์มิได้ประสงค์จะให้ลงโทษในกรรมนี้ ศาลจะเพิกถอนลงโทษจำเลยที่ 3 โดยอาศัยข้อเท็จจริงดังกล่าวว่าเป็นผิดอีกกรรมหนึ่งด้วยไม่ได้ เพราะเป็นการเกินจากคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 เป็นบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดที่มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 มีปริมาณไม่ถึง 20กรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อจำเลยทั้งสามมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองจำนวน 4.436 กิโลกรัม ซึ่งตามมาตรา 15วรรคสองให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 66 อยู่แล้ว จึงไม่ต้องนำมาตรา 67 มาใช้ในการกำหนดโทษอีก.(ที่มา-ส่งเสริม)
พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 67 เป็นบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดที่มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 มีปริมาณไม่ถึง 20กรัมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อจำเลยทั้งสามมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองจำนวน 4.436 กิโลกรัม ซึ่งตามมาตรา 15วรรคสองให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันจะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 66 อยู่แล้ว จึงไม่ต้องนำมาตรา 67 มาใช้ในการกำหนดโทษอีก.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุมกรณีไม้หวงห้าม แม้ไม่ระบุยืนยันการทราบประกาศและจำนวนไม้ที่แปรรูป
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางราชการได้คัดสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตาม พระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ประกาศไว้ ณ ที่ทำการอำเภอ ที่ทำการกำนันและที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่ที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว แม้จะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้วแต่คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันหมายความว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุความเชื่อมโยงของไม้ที่แปรรูปกับไม้ที่ตัด เนื่องจากเป็นการกระทำต่างกรรมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าทางราชการได้คัดสำเนาประกาศกระทรวงเกษตรเรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 ประกาศไว้ ณ ที่ทำการอำเภอ ที่ทำการกำนันและที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่ที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว แม้จะไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้วแต่คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันหมายความว่าจำเลยกับพวกได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว จึงเป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุม
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.
แม้ฟ้องโจทก์จะไม่ได้บรรยายระบุให้แน่ชัดว่าไม้ตะเคียนชันตาแมวอันเป็นไม้ที่หวงห้ามที่จำเลยร่วมกันแปรรูปนั้น เป็นจำนวนเดียวกับไม้ตะเคียนชันตาแมวที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อนก็ตาม แต่โจทก์ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงถึงการกระทำของจำเลยและได้ระบุถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยกับพวกเข้าใจข้อหาได้แล้ว ทั้งการกระทำความผิดในข้อหาทั้งสองดังกล่าวเป็นการกระทำต่างกรรมกัน ไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันแปรรูปซึ่งมีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดกับไม้ที่จำเลยกับพวกร่วมกันทำโดยตัดฟันออกจากต้นแล้วเลื่อยตัดทอนเป็นท่อน จะเป็นจำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ได้ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมเช่นกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องฉายภาพยนตร์อันลามกไม่เคลือบคลุม แม้รายละเอียดไม่ชัดเจน เพราะจำเลยรับสารภาพและเข้าใจข้อหา
คำฟ้องด้วยวาจาของโจทก์กล่าวว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันฉายภาพยนตร์อันลามกประกอบด้วยภาพเปลือยและการแสดงความสัมพันธ์ทางเพศ เป็นการแสดงอวดต่อประชาชนเพื่อประสงค์แห่งการค้าและโดยการค้า ณ โรงภาพยนตร์ เป็นการบรรยายฟ้องที่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 และเป็นคำฟ้องที่มีข้อเท็จจริงพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ส่วนข้อที่ว่าคำฟ้องไม่ปรากฏว่าแสดงความสัมพันธ์ทางเพศอย่างไรและเปลือยอย่างใดนั้น. เป็นเรื่องรายละเอียดที่จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาในกรณีที่จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพจึงแสดงว่าจำเลยทั้งสองเข้าใจสภาพแห่งข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม